รู้จักพระเจ้าด้วยการรู้จักตัวเอง

บรรจง บินกาซัน

ถ้าหุ่นยนตร์ตัวหนึ่งถูกมนุษย์สร้างขึ้นมาด้วยความรู้ความสามารถและเวลา  มนุษย์ผู้มีปัญญาจะอ้างได้อย่างไรว่าตัวตนของมนุษย์เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ  เพราะความบังเอิญไม่มีในโลก

มนุษย์มิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญจากธาตุสามสี่อย่างรวมตัวกันในสภาวะที่เหมาะสมจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตตามทฤษฎีวิวัฒนาการของชาวตะวันตกและนักวิชาการไทยไปลอกมาเขียนเป็นตำราให้เด็กไทยเรียนกัน

มนุษย์มิได้เป็นผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมา  แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นและมีตัวตนอยู่แล้ว ดังนั้น มนุษย์จึงต้องมีผู้สร้างและผู้สร้างนั้นเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากพระเจ้าผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง

ทั้งหมดในจักรวาลนี้จึงเป็นสิ่งถูกสร้างที่มีพระเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างแต่เพียงผู้เดียว  

ความจริงดังกล่าวนี้ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์ทางศาสนาที่มาจากพระเจ้า  ความเชื่อที่ต่างไปจากนี้จึงเป็นอวิชชา

คัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอานกล่าวตรงกันถึงการสร้างมนุษย์ว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์มาจากดินและสร้างมนุษย์ตามฉายาหรือพระนามของพระองค์(ปฐมกาล 1:26) แต่ดินเป็นวัตถุที่ไม่มีวิญญาณ พระองค์จึงเป่าวิญญาณเข้าไปในดิน  ทำให้ดินกลายเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตขึ้นมา  วิญญาณจึงเป็นชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์และวิญญาณของมนุษย์นี้เองที่จะออกจากร่างในตอนหมดลมหายใจเพื่อกลับไปหาผู้ประทานวิญญาณให้แก่มนุษย์

คัมภีร์กุรอานกล่าวว่าหลังจากอาดัมผู้เป็นมนุษย์คนแรกเกิดขึ้นแล้ว พระเจ้าได้สอนนามต่างๆให้แก่อาดัม

นักวิชาการอธิบายว่า “นามต่างๆ” นี้หมายถึง 1) นามของพระเจ้าและคุณสมบัติของพระองค์ และ 2) นามของสรรพสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา

เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาตามฉายาของพระองค์  การรู้จักพระเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากหากมนุษย์พิจารณาจากตัวเอง  พระเจ้าเป็นผู้ทรงเห็น พระองค์จึงสร้างลูกตาเพื่อให้มนุษย์มองเห็น แต่การมองเห็นของมนุษย์มีขีดจำกัด ผิดกับพระเจ้าที่มองเห็นทุกสิ่งทั้งในที่ลับและที่แจ้ง และมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นพระองค์ไม่ว่าจะด้วยเครื่องมือทันสมัยอย่างไรก็ตาม  

พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน พระเจ้าก็ให้มนุษย์มีหูเพื่อการได้ยิน  แต่การได้ยินของมนุษย์มีขีดจำกัด ผิดกับการได้ยินของพระเจ้าที่ได้ยินทุกสิ่งแม้แต่เสียงกระซิบในหัวใจของมนุษย์

คัมภีร์จะกล่าวว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์  มนุษย์จึงมีมือ  แต่กระนั้น มนุษย์ก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าเป็นอย่างไร และนี่คือ “อจินไตย” หรือสิ่งที่ไม่ควรไปคิดเพราะมันสุดที่จะจินตนาการได้  แค่เพียงรู้ว่าจะใช้มือที่มีอยู่ไปในทางที่ดีอย่างไรก็พอแล้ว

นอกเหนือไปจากคุณสมบัติทางกายภาพที่พระเจ้าปร่ะทานแก่มนุษย์แล้ว  พระเจ้ายังประทานคุณสมบัติอันดีงามให้แก่มนุษย์ด้วย เช่น พระเจ้ามีพระนามว่าผู้ทรงเมตตา พระองค์จึงประทานความเมตตาให้เป็นคุณสมบัติทางวิญญาณแก่มนุษย์ด้วย  แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครมีคุณสมบัติแห่งความเมตตาและนำความเมตตาออกมาใช้  ด้วยเหตุนี้  พระองค์จึงให้มีคนตกทุกข์ได้ยากและคนทุพลภาพเกิดขึ้นเพื่อให้คนมีตามองเห็นและนำเอาคุณสมบัติแห่งความเมตตาของพระเจ้าออกมาใช้โดยการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้

อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย  ดังนั้น พระองค์จึงประทานคุณสมบัตินี้ให้เป็นคุณสมบัติทางด้านวิญญาณแก่มนุษย์  แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครมีคุณสมบัติแห่งการให้อภัยถ้าพระองค์ไม่ให้ใครบางคนทำให้คนผู้นั้นโกรธหรือโมโหเพื่อที่เราจะได้ให้อภัย 

ในอิสลาม  การรู้จักและศรัทธาในพระเจ้ามิได้หมายถึงการเชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียว  แต่หมายถึงการรู้จักและศรัทธาในพระนามและคุณสมบัติต่างๆของพระองค์เพื่อใช้คุณสมบัติเหล่านั้นในการพัฒนาจิตวิญญาณของตนให้สูงส่ง

ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]

Know God by knowing yourself

Banjong Bingasan

If a robot was created by humans with knowledge, ability and time, how can intelligent humans claim that the existence of humans arose by accident? Because there is no coincidence in the world.

Humans did not arise by accident from three or four elements coming together in the right conditions until it became the starting point of life according to the theory of evolution of Westerners and Thai scholars who copied and wrote it as a textbook for Thai children to study.

Humans did not create humans, but humans are creatures that were created and already existed. Therefore, humans must have a creator and that creator cannot be anyone else but God, the creator of all things.

Everything in this universe is therefore a creation created by God alone.

This truth is stated in religious scriptures that come from God. Beliefs that differ from this are ignorance.

The Bible and the Quran agree on the creation of humans that God created humans from clay and created humans in His image or name (Genesis 1:26). However, clay is a substance without a soul, so He breathed a soul into the clay, causing the clay to become a living human being. The soul is the true life of man and it is this soul of man that will leave the body at the end of his life to return to the one who gave the soul to man.

The Quran says that after the birth of the first man, Adam, God taught Adam various names.

Scholars explain that these “names” refer to 1) the names of God and His qualities, and 2) the names of all things that God has created.

When God created man in His image, knowing God is not difficult if man looks at himself. God is the Seer, so He created eyes for man to see. But man’s vision has limits, unlike God who can see everything both in secret and in public, and man cannot see him no matter how modern tools are used.

God is the Hearing, so God gave man ears to hear. But man’s hearing has limits, unlike God’s hearing who can hear everything, even the whispers in man’s heart.

The Quran says that God created man with His hands, so man has hands. However, man cannot imagine what God’s hands are like, and this is “inconceivable” or something that should not be thought about because it is beyond imagination. Just knowing how to use the hands that you have for good is enough.

In addition to the physical qualities that God has bestowed on humans, God has also bestowed on humans good qualities. For example, God is called the Merciful, so He has bestowed on humans a spiritual quality of mercy. But how do we know who has the quality of mercy and uses it? That is why He created people in need and the disabled so that they could see and use God’s quality of mercy by extending help to them.

Another example is that God is the Forgiving One, so He has bestowed on humans this spiritual quality. But how do we know who has the quality of forgiveness if He does not allow someone to make that person angry or upset so that we can forgive them?

In Islam, knowing and believing in God does not mean believing in the existence of only one God, but rather knowing and believing in His names and qualities so that we can use those qualities to develop our spirituality to a higher level.

Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason