หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ซะกาตกับตัวตนและสังคม

ซะกาตกับตัวตนและสังคม 


บรรจง บินกาซัน

ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย นอกจากจะต้องมีหน้าที่รับใช้ประเทศชาติด้วยการเป็นทหารแล้ว ผมยังมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีส่วนบุคคลให้แก่รัฐด้วยและผมต้องรายงานให้รัฐได้รู้ทุกปีว่าผมจ่ายภาษีไปเป็นจำนวนเท่าใด

แต่ในฐานะคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามหรือมุสลิม นอกจากจะต้องจ่ายภาษีให้รัฐแล้ว ทุกรอบปีจันทรคติซึ่งมี 354 วัน ผมยังต้องจ่ายภาษีทางศาสนาที่เรียกว่า “ซะกาต” 2.5% จากทรัพย์สินให้แก่ผู้มีสิทธิ์ได้รับ 8 ประเภทตามที่ศาสนากำหนดไว้ด้วยซึ่งหลักๆแล้วก็ได้แก่คนยากจน คนขัดสนและคนที่ได้รับความเดือดร้อนทางด้านเศรษฐกิจ

การจ่ายซะกาตนี้ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายมาบังคับ เพราะมันเป็นหน้าที่ที่อิสลามกำหนดให้มุสลิมต้องปฏิบัติเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการเป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้า การไม่จ่ายซะกาตหรือการจ่ายซะกาตไม่ครบไม่มีโทษทางกฎหมายในโลกนี้ แต่มันมีโทษในโลกหน้าฐานยักยอกทรัพย์ที่พระเจ้ากันไว้สำหรับคนที่พระองค์ทรงต้องการจะช่วยเหลือ

“ซะกาต” มีความหมายสองประการ คือ การขัดเกลาให้สะอาดหมดจด และการเจริญงอกงามหรือการเติบโต
วัตถุประสงค์ของการจ่ายซะกาตก็เพื่อเป็นการขัดเกลาจิตใจให้สะอาดปราศจากมลทินแห่งความตระหนี่ถี่เหนียวที่เกาะกินจิตใจมนุษย์และเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์ไม่คิดอยากจะช่วยเหลือคนอื่น

นอกจากนี้แล้วก็เพื่อเป็นการขัดเกลาทรัพย์สินที่หามาได้ให้สะอาดอีกครั้งหนึ่งแม้ทรัพย์สินนั้นจะได้มาโดยสุจริตก็ตาม เพราะอิสลามถือว่าทรัพย์สินที่ได้มานั้นเป็นความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้าที่มนุษย์ต้องนำส่วนหนึ่งมาแบ่งปันแก่ผู้ด้อยโอกาสบ้าง การไม่จ่ายซะกาตจึงถือเป็นการยักยอกปัจจัยที่พระเจ้าได้จัดสรรไว้เพื่อคนยากจนหรือคนตกทุกข์ได้ยาก ซะกาตที่ยักยอกไว้จึงเปรียบเหมือนขี้จิ้งจกที่ตกลงไปในแก้วน้ำ เมื่อคนที่ไม่จ่ายซะกาตใช้ทรัพย์สินของตน มันก็เหมือนกับคนที่กินน้ำผสมขี้จิ้งจกเข้าไป

ทรัพย์สินหรือเงินที่สะอาดจึงสกปรกได้ถ้าไม่จ่ายซะกาต ส่วนเงินสกปรก เช่น เงินที่ได้จากการถูกหวย จากการพนัน ดอกเบี้ยและกิจการอบายมุขนั้นไม่ต้องพูดถึง จะทำอย่างไรมันก็ไม่สะอาดและไม่อาจนำมาจ่ายซะกาตได้ด้วย เพราะซะกาตเป็นเงินที่ถวายให้พระเจ้าผ่านทางคนตกทุกข์ได้ยากและพระเจ้าต้องการของที่สะอาดและถูกต้องเท่านั้น

เมื่อซะกาตตกถึงมือคนยากจนและคนที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ คนเหล่านี้ก็จะได้รับการบรรเทาทุกข์และมีอำนาจซื้อขึ้นมาบ้าง ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจร้านค้าสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้โดยที่ยังคงมีการจ้างงาน มีการกระจายรายได้และมีการเจริญเติบโตต่อไป

ความจริงแล้ว การจ่ายซะกาตนี้พัฒนามาจากคำสอนของศาสนาที่สอนให้ศาสนิกหมั่นบริจาคเพื่อเป็นการขัดเกลาจิตใจตนเองให้ผ่องแผ้วปลอดพ้นจากมลทินแห่งความตระหนี่ ใครมีมากก็บริจาคมาก ใครมีน้อยก็บริจาคน้อยตามความสามารถ แต่เนื่องจากคำสอนเรื่องการบริจาคทานเป็นเพียงการส่งเสริมให้ทำตามความสมัครใจ มิใช่การบังคับให้เป็นหน้าที่ บางคนที่มีมากจึงไม่ยอมบริจาคทานเลยหรือไม่ก็บริจาคน้อย ดังนั้น อิสลามจึงได้กำหนดการจ่ายซะกาตให้เป็นหน้าที่สำหรับมุสลิมทุกคน

คำสอนเรื่องซะกาตมีมาแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว ก่อนหน้าสมัยนบีมุฮัมมัด เรื่องการจ่ายซะกาตได้ถูกกล่าวไว้โดยนบีบางคน เช่น นบีอิสมาอีล(อิชมาเอล)ได้สั่งคนของท่านให้ดำรงนมาซและจ่ายซะกาต (กุรอาน 19:55)

นบีอีซา(พระเยซู)ก็ได้กล่าวว่า “และพระองค์ได้ทรงสั่งฉันในเรื่องนมาซและซะกาตตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่” (กุรอาน 19:31)

แต่หลังจากสมัยของนบีอีซา พวกบนีอิสราเอลได้บิดเบือนคำสอนเรื่องการจ่ายซะกาตไปในลักษณะที่ทำให้คนยากจนได้รับประโยชน์จากซะกาตน้อยกว่าพวกนักบวช ดังนั้น อัลลอฮฺจึงได้ส่งนบีมุฮัมมัดมากำหนดกฎระเบียบการจ่ายซะกาตให้เป็นที่ชัดเจนและยุติธรรมขึ้น เช่น

กำหนดเวลา : จะต้องจ่ายเมื่อครบรอบปีจันทรคติซึ่งมี 354 วัน
ผู้มีหน้าที่ต้องจ่ายซะกาต : มุสลิมที่มีทรัพย์สินถึงจำนวนที่กำหนด
ประเภททรัพย์สินที่จะต้องนำมาจ่ายซะกาต : แยกประเภทได้ดังนี้

- เงิน ทองคำ หุ้น และสินค้าที่มีไว้ขาย
- ผลิตผลการเกษตร
- ปศุสัตว์ เช่น แพะ แกะ วัว ควาย เป็นต้น
- ทรัพย์ที่พบได้ในผืนดิน

มูลค่าทรัพย์สินที่ถึงเกณฑ์ต้องจ่ายซะกาต : ต่างกันไปตามประเภทของทรัพย์สิน เช่นทรัพย์สินประเภทเงิน ทองคำ หุ้นและสินค้า หากรวมกันและหักหนี้แล้วยังคงเหลือเท่ากับหรือมากกว่ามูลค่าราคาทองคำหนัก 5.6 บาท

อัตราที่ต้องจ่าย : 2.5% สำหรับทรัพย์สินประเภทเงิน ทองคำ หุ้นและสินค้า

5% สำหรับผลิตผลการเกษตรที่ใช้การชลประทานและเก็บรักษาไว้ได้นาน 10% สำหรับผลิตผลที่ไม่ได้ใช้การชลประทาน
ส่วนทรัพย์ที่พบได้ในดินต้องจ่าย 20% เป็นต้น

ผู้มีสิทธิ์ได้รับซะกาต : คนยากจน คนขัดสน คนมีหนี้สิน คนพลัดถิ่น ทาสหรือเชลยที่ต้องการไถ่ตัว ผู้บริหารการจัดเก็บและแจกจ่ายซะกาต

หากจะพูดไปแล้ว ซะกาตก็คือระบบภาษีทรัพย์สินในรัฐอิสลามนั่นเอง แต่ความแตกต่างอย่างหนึ่งระหว่างซะกาตกับภาษีสมัยใหม่ก็คืออิสลามได้กำหนดให้การจ่ายซะกาตเป็นหน้าที่ทางศาสนาซึ่งมีผลผูกพันต่อชะตากรรมของแต่ละคนในโลกหน้าหากมีการหลีกเลี่ยง ส่วนภาษีสมัยใหม่นั้นไม่ได้มีความผูกพันหรือเกี่ยวข้องกับศาสนาแต่ประการใดเลย

เนื่องในโอกาสที่เดือนเราะมะฎอนอันประเสริฐ เดือนแห่งการให้อภัยและเดือนแห่งการคุ้มครองผู้ศรัทธาให้พ้นจากไฟนรกมาถึงในปีนี้ ผมขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺได้โปรดให้พี่น้องมุสลิมที่ยังไม่เคยจ่ายซะกาตได้มีโอกาสจ่ายซะกาต และขอให้ผู้ที่จ่ายซะกาตอยู่แล้วได้จ่ายซะกาตมากขึ้นเรื่อยๆด้วยเทอญ อามีน



ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | 


[ Translate by Google Translate ]

Zakat to the self and society.


Banjong Binkason


As the people of Thailand. Also, have the obligation to serve the country with the military. I also have a personal obligation to pay taxes to the state, and I have to report to the state every year that I have to pay taxes to the amount.

But as Thailand's Islamic or Muslim. Besides having to pay taxes to the state already. All around the lunar year is 354 days, I still have to pay taxes on religious known as "zakat" 2.5% of assets to the Authority received eight categories based on religion defined by which mainly include the poor. The needy and those who have suffered economically.

The almsgiving is not necessary to have legal force. Because it is the Islamic duty that Muslims must practice expresses a faith in God. Failure to pay zakat, or almsgiving does not fully kick in the legal world. It has blamed the embezzlement in the world that God reserved for those He wants to help.

"Zakat" is meant two things for the refined and clean. And growth or growth.
The purpose of almsgiving was to shape the minds of clean pure miserly parasitic human mind and cause people do not think I want to help others.

In addition, it was to be thoroughly scrubbed property acquired again, even if the property is acquired in good faith. Because Islam is the property acquired as a favor from God that men must take part to share some of the disadvantaged. Failure to pay zakat is considered embezzlement factors that God has allotted for the poor or people in distress. Misappropriation of zakat that it is like a lizard that I fell into a glass of water. When people do not pay the use of their property. It's like people who drink mix into a lizard dung.

Property or money that is dirty, clean it if it does almsgiving. The dirty money as the proceeds from the lottery and gambling business interest, not to mention the vices. Do not clean and it was not taken by almsgiving. The Zakat funds are dedicated to God through the suffering and God wants a clean and valid.

When zakat go to the poor and those who suffer economic problems. These people will receive relief and has the power to buy up a bit. This will allow merchants to conduct further business with that are still hiring. The distribution of income and growth anyway.

In fact, almsgiving is developed from the teachings of a religion that teaches Muslims to donate regularly refined to pure soul free from the taint of stinginess. It has very much was donated Who has donated at least according to their abilities. But the doctrine of charity is simply encouraged to do so on a voluntary basis. Not forced into duty Some people are not willing to donate or not donate so little to him, Islam was scheduled to pay zakat is obligatory for every Muslim.

Doctrine Zakat is already of old. Before the days of Prophet Muhammad The almsgiving has been described by some as Prophet Prophet Isma'il (Ishmael) had ordered his men to hold prayer and almsgiving (Qur'an 19:55).

Prophet Isa (Jesus) has said. "And he instructed me in prayer and zakat, as long as I live" (Qur'an 19:31).

But after days of Prophet Isa. That this Israel has distorted the doctrine of almsgiving in a way that the poor benefit from zakat less than priests, so Allah Allah has sent Muhammad to set rules pay. Check set up such that it is clear and fair.

Deadline: to be paid on the anniversary of the lunar year is 354 days.
User is obliged to pay the Muslims who have wealth to a certain amount.
Property types to bring almsgiving: a separate category below.

- Silver, gold, stocks and commodities that are sold.
- Agricultural products
- Livestock, such as goats, sheep, cattle and so on.
- Agents that can be found in the soil.

The property value threshold must pay Zakat: varies according to the type of property. Assets such as gold, stocks and commodities. If combined, the outstanding debt and less than or equal to 5.6 baht worth of gold prices.

Pay rates: 2.5% for gold assets and its stock.

5% is used for agriculture, irrigation and storage for up to 10% for the product is not used for irrigation.
The estate can be found in soil must pay 20% and so on.

Those eligible to receive zakat: the poor, the needy people in debt bondage or captivity diaspora who want to redeem themselves. Management, storage and distribution of zakat.

If you are talking to Zakat is the property tax system in an Islamic state there. But the difference between the zakat tax is modern Islam has given to almsgiving as a religious duty is binding on the fate of each person in the world if it is to avoid. The new tax has no ties whatsoever with religion or not.


On the occasion of the month of Ramadan precious. Month of Forgiveness and Faith months of protection from the fire reached this year. I curse dua to Allah, God, please give Muslim brothers who have not had a chance almsgiving almsgiving. And ask those who have already almsgiving almsgiving with a more passive Etay Amin.



Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น