หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ชีวิตกับการเดินทาง

ชีวิตกับการเดินทาง


บรรจง บินกาซัน
ก่อนที่เราจะขับรถเดินทางไกลไปยังสถานที่ที่เราไม่รู้จักมาก่อน เรามีเรื่องที่จะต้องเตรียมตัวหลายอย่าง นับตั้งแต่การตรวจสภาพรถที่เป็นพาหนะ ต้องศึกษาจุดหมายปลายทางว่าอยู่ที่ไหน ยิ่งถ้าจะไปเที่ยวด้วยแล้ว แน่นอน เราต้องศึกษาสถานที่ที่เราจะไปว่ามีอะไรน่าเที่ยวที่นั่น และคุ้มหรือไม่กับการที่จะเสียเวลาและเงินทองในการเดินทางไป


แม้จะมีข้อมูลและแผนที่การเดินทางแล้ว แต่ถ้ามีมัคคุเทศก์ผู้ชำนาญทางและสถานที่ด้วย เราก็จะยิ่งอุ่นใจขึ้น เพราะนั่นหมายความว่าเราสามารถเดินทางได้สะดวกและจะไม่หลงทิศผิดทาง นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนมีฐานะทางการเงินมักนิยมซื้อทัวร์ไปเที่ยวในสถานที่ไกลๆในต่างประเทศ
การเดินทางท่องเที่ยวของมนุษย์บนโลกใบนี้อย่างมากที่สุดไม่ใช่ตอนที่มนุษย์หายใจเป็นครั้งสุดท้ายหรอกครับ แค่ย่างเข้าสู่วัยชราเท่านั้น ความอยากรู้อยากเห็นสถานที่แปลกๆใหม่ๆก็จะหมดไปเอง และจะมองเห็นว่าการเดินทางเป็นความทุกข์ทรมาน ผิดกับวัยหนุ่มที่เห็นว่าการเดินทางท่องเที่ยวคือความสนุกสนาน

การเดินทางของชีวิตทางด้านจิตวิญญาณก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากการเดินทางบนโลกใบนี้ เมื่อคลอดออกมาจากท้องแม่ วิญญาณก็อาศัยร่างกายของมนุษย์เป็นพาหนะในการเดินทาง แต่การเดินทางของวิญญาณแต่ละดวงจะยาวไกลแค่ไหนและจะเดินทางได้นานเท่าใดไม่มีใครรู้
เมื่อเดินทางมาถึงสุดลมหายใจสุดท้าย ใช่ว่าการเดินทางของชีวิตจะสิ้นสุดลง ร่างกายของเราซึ่งถูกใช้เป็นพาหนะต่างหากที่ถูกทิ้งไว้ แต่วิญญาณอันเป็นชีวิตที่แท้จริงของเรายังคงเดินทางต่อไป สู่ที่หมายที่มีเพียงสองแห่งเท่านั้น ไม่นรกก็สวรรค์ที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน

เส้นทางในโลกหลังความตายและจุดหมายปลายทางเป็นอย่างไร บริษัทท่องเที่ยวไม่อาจบอกเราได้ เพราะในปัจจุบันนี้ยังไม่มีบริษัทท่องเที่ยวใดเคยพามนุษย์ไปเที่ยวโลกหลังความตาย นักวิทยาศาสตร์ก็เป็นใบ้หรือไม่ก็เป็นบ้าในเรื่องของโลกแห่งวิญญาณวิญญาณ เพราะจนทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์รู้ว่ามนุษย์มีชีวิตอยู่ได้เพราะมีวิญญาณอยู่ในร่าง แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้เลยว่าวิญญาณคืออะไร
ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงจำเป็นต้องมีคู่มือและมัคคุเทศก์ทางด้านจิตวิญญาณ นั่นคือคัมภีร์และศาสดา เพื่อให้แน่ใจว่าวิญญาณของเราจะไม่เดินหลงทิศผิดทางเข้ารกเข้าพงและลงนรกในที่สุด

ใครจะมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางใดในโลกหน้า ก็ต้องเตรียมตัวกันในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้
เริ่มตั้งแต่ยานพาหนะ ถ้าเราต้องส่งรถยนต์เข้าอู่ตรวจสภาพเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ฉันใด เราก็ต้องตรวจสภาพร่างกายของเราฉันนั้น คู่มือการใช้รถยนต์กำหนดว่าห้ามใช้น้ำมันดีเซลกับรถของเรา เรายังต้องปฏิบัติตามเพื่อไม่ให้รถของเราพังก่อนเวลาอันควร เช่นเดียวกัน ถ้าบทบัญญัติของศาสนาห้ามเราเติมแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกาย เราก็ต้องงดเว้นเพื่อไม่ให้ร่างกายของเราเสื่อมโทรมก่อนถึงวัยอันควร
ขณะที่ยังมีชีวิต เมื่อเราจะเดินทางเพื่อท่องเที่ยว เราตระเตรียมเสื้อผ้า เงินทองและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราไม่บ้าพอที่จะขนข้าวของในบ้านทั้งหมดไปเพื่อการเดินทางเพียงหนึ่งสัปดาห์

แต่เมื่อวิญญาณออกเดินทางจากโลกนี้ไปโลกหน้า มันไม่ต้องการสิ่งของใดๆที่เป็นวัตถุ เพราะมันไม่ใช่วัตถุ เสบียงที่มันต้องการสำหรับความสุขสบายอันยาวนานคือบุญกุศลและคุณความดีต่างๆที่มันได้เตรียมไว้ขณะอยู่ในโลกนี้ต่างหาก

ก่อนออกเดินทาง เรามีเวลาที่จะบอกญาติหรือคนข้างบ้านว่าเราจะไปไหนและจะไปกี่วันเป็นการล่วงหน้า แต่เมื่อวิญญาณจะออกเดินทางจากร่างของเรา มันไม่เคยบอกเรา มันจะไปเมื่อใด มันก็ไปเมื่อนั้น ทั้งๆที่มันอยู่ใกล้ชิดกับเราตลอดเวลาขณะที่เรามีชีวิต

เมื่อเราเดินทางไปต่างประเทศ เรามีตั๋วเดินทางไปกลับก่อนการเดินทางเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะเดินทางกลับบ้านได้ แต่เมื่อวิญญาณเดินทางออกจากร่างเราไปแล้ว มันตีตั๋วเที่ยวเดียว มันไปแล้วก็ไปลับไม่กลับมาอีก

บนโลกใบนี้ เรายังรู้สึกขนพองสยองเกล้าเมื่อเห็นคนประสบอุบัติเหตุตกอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงอันร้อนระอุจากการระเบิดของ ก๊าส แต่เปลวเพลิงนรกในโลกแห่งวิญญาณนั้นร้อนยิ่งกว่านับพันเท่า

มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ตรงที่มนุษย์โชคดีมีศาสนาเป็นคู่มือนำทางในการใช้ชีวิตและมีศาสดาเป็นมัคคุเทศก์ทางด้านจิตวิญญาณ นอกจากนี้แล้ว มนุษย์ยังได้รับสติปัญญาและเจตนารมณ์เสรีในการเลือกปฏิบัติอีกด้วย นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมมนุษย์ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองในโลกหน้าในขณะที่สัตว์ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของมัน

แต่ที่สำคัญไปกว่าการมีศาสนาก็คือการปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา เพราะมิเช่นนั้นแล้ว ศาสนาก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับมนุษย์


ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น