บรรจง บินกาซัน
ในขณะที่คนทั่วไปมักจะเข้าใจว่าคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสนักเดินเรือชาวสเปนเป็นมนุษย์คนแรกที่ค้นพบแผ่นดินอเมริกา ท่านผู้อ่านทราบไหมครับว่าบนแผ่นดินอเมริกานั้นมีหลักฐานมากมายที่ยืนยันว่ามุสลิมจากสเปนและอาฟริกาตะวันตกเคยมาถึงแผ่นดินนี้ก่อนที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสจะเดินทางมาถึงอย่างน้อยที่สุดก็ 5 ศตวรรษหรือห้าร้อยปี ?
ชาวอเมริกันอินเดียนคนหนึ่งชื่อมาฮิรฺ อับดุร-ร็อซซาก เอล ได้เล่าเรื่องราวของเขาผ่านเวบไซด์หนึ่งโดยกล่าวว่าเขาเป็นคนมุสลิมในเผ่าเชอโรกีแบล็กฟูตและคนทั่วไปรู้จักเขาในนามว่าอีเกิ้ล ซัน วอล์กเกอร์ เขาบอกว่าชนพื้นเมืองอเมริกันเริ่มติดต่อกับอิสลามมาเป็นเวลาพันปีแล้ว อย่างน้อยที่สุด ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีหลักฐานเอกสารยืนยัน เช่น สัญญามิตรภาพที่ลงนามกันที่แม่น้ำเดลาแวร์ในปี ค.ศ.1787 ซึ่งมีลายเซ็นของอับเดล ฮักและมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลลอฮปรากฏอยู่ และหัวหน้าเผ่าเชอโรกีคนสุดท้ายก็มีชื่อว่าเราะมะฎอน อิบนุ วะตี
ไม่เพียงแต่เท่านั้น การศึกษาค้นคว้าเอกสารต่างๆทางประวัติศาสตร์โดยนักวิชาการมุสลิมหลายคนทำให้เราได้ทราบว่าโคลัมบัสออกเดินทางจากเมืองท่าพาโลสในสเปนโดยบ่ายหน้าไปยังหมู่เกาะโกเมรา(คานารี) คำว่า “โกเมรา”เป็นคำภาษาอาหรับซึ่งมีความหมายว่า “ดุ้นฟืนเล็กๆที่กำลังติดไฟ” และที่นั่น โคลัมบัสได้หลงรักนางบีทริซ โบบาดิลลาลูกสาวของนายทหารคนหนึ่งบนเกาะ (นามสกุลโบบาดิลลา)มาจากชื่อภาษาอาหรับ “อบูอับดิลลา” และตระกูลนี้มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์มุสลิมแห่งเซวิลล์ในเสปน (ค.ศ.1031-1091)
วันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ.1492 โคลัมบัสได้ขึ้นบกที่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งชาวเกาะเรียกว่า“กัวนาฮานี” แต่ต่อมา โคลัมบัสได้ตั้งชื่อเกาะนี้เสียใหม่ว่า “ซาน ซัลวัลดอร์” คำว่ากัวนาฮานีเป็นคำมาจากภาษาแมนดิงกาและเป็นคำภาษาอาหรับที่ถูกดัดแปลงมา คำว่า “กัวนา” มาจากคำว่า “อิควานา” (ซึ่งหมายถึงพี่น้อง) ส่วนคำว่า “ฮานี”ก็เป็นชื่อภาษาอาหรับ ดังนั้น ชื่อเดิมของเกาะนี้ก็คือ “พี่น้องฮานี”
เฟอร์ดินานด์ โคลัมบัส ลูกชายของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสได้เขียนเกี่ยวกับคนผิวดำที่พ่อของเขาเห็นในฮอนดูรัสว่า : “ผู้คนที่อาศัยอยู่ทางด้านตะวันออกไกลออกไปจากปอยเต คาวินาส (Pointe Cavinas) ไปจนถึงแหลมกราซิโอส อาดิโอส (Cape Gracios a Dios) ส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำ” ในดินแดนนี้ก็มีชนเผ่าพื้นเมืองมุสลิมที่รู้จักกันในชื่อว่า “อัลมามี”อาศัยอยู่ด้วย ในภาษาแมนดิงกาและภาษาอาหรับ คำว่า “อัลมามี” เป็นตำแหน่งของ “อัล-อิมาม” หรือ “อัล-อะมามู” หรือคนที่นำนมาซ หรือในบางกรณีก็เป็นหัวหน้าของผู้คน และ/หรือเป็นสมาชิกของกลุ่มมุสลิมอิมามี
ลีโอ ไวเนอร์นักประวัติศาสตร์และนักศึกษาสำเนียงการพูดชาวอเมริกันผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง Africa and The Discovery of America (1920) ของเขาว่าโคลัมบัสรู้ดีอยู่แล้วว่ามีชาวแมนดิงกาอยู่ในโลกใหม่และรู้ดีว่ามุสลิมชาวอาฟริกันตะวันตกมีอยู่ทั่วไปในหมู่เกาะแคริเบียน ดินแดนอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้รวมทั้งแคนาดาโดยคนเหล่านี้ทำมาค้าขายและแต่งงานกับชาวอินเดียนพื้นเมืองที่นั่น
อัช-ชะรีฟ อัล-อิดรีซี (ค.ศ.1099-1166) มุสลิมนักภูมิศาสตร์และนักเขียนแผนที่ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งได้เขียนไว้ในหนังสือ “นุซฮัต อัล-มุชตัก ฟี อิคติรอก อัล-อาฟาก” (การเดินทางของความใฝ่ฝันในการข้ามขอบฟ้า) ว่าชาวเรือกลุ่มหนึ่ง (จากอาฟริกาเหนือ) ได้เดินเรือไปยังทะเลแห่งความมืดและหมอก (มหาสมุทรแอตแลนติก) จากลิสบอน (โปรตุเกส) เพื่อที่จะค้นหาว่ามีอะไรอยู่ในนั้นและมันมีขอบเขตขนาดไหน ในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงเกาะแห่งหนึ่งที่มีผู้คนและการเพาะปลูก….ในวันที่สี่ ล่ามได้พูดกับพวกเขาเป็นภาษาอาหรับ
สุลต่านมันซา คานคาน มูซา (ค.ศ.1312-1337) เป็นกษัตริย์แมนดิงกาผู้มีชื่อเสียงของอาณาจักรอิสลามแห่งมาลีในอาฟริกาตะวันตก ในขณะที่เดินทางไปทำฮัจญ์ใน ค.ศ.1324 เขาได้บอกบรรดานักวิชาการของราชสำนักสุลต่านมัมลูกบาห์รี(อัน-นาซีรุดดีน มุฮัมมัดที่ 3, ค.ศ.1309 -1340)ในไคโรว่าสุลต่าน บาคารีที่1 (ค.ศ.1285-1312) พี่ชายของเขาได้ออกเดินทางไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกถึงสองครั้ง เมื่อพี่ชายของเขาไม่กลับมายังเมืองติมบุกตูจากการเดินทางครั้งที่สองใน ค.ศ.1311 เขาจึงได้ขึ้นเป็นสุลต่านแทน
นักมนุษย์วิทยาได้พิสูจน์แล้วว่าชาวแมนดิงกาได้รับคำสั่งจากสุลต่าน มันซา มูซาให้ออกไปสำรวจส่วนต่างๆของอาฟริกาเหนือตามเส้นทางแม่น้ำมิซซิสซิปปีและแม่น้ำสายอื่นๆอีกหลายสาย นอกจากนี้แล้วก็ยังมีหลักฐานแสดงว่าชาวแมนดิงกาได้นำช้างจากอาฟริกามายังดินแดนแถบนี้ด้วย
โคลัมบัสและนักเดินทางชาวสเปนและโปรตุเกสสามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นระยะทางนับหมื่นกิโลเมตรได้ก็โดยอาศัยข้อมูลทางด้านภูมิศาสตร์และการเดินเรือของมุสลิมโดยเฉพาะแผนที่ซึ่งทำโดยพ่อค้ามุสลิมรวมทั้งข้อมูลจากหนังสือ “อัคบาร์ อัซ-ซะมาน” ของอัล-มัศอูดี (ค.ศ.871-957)ซึ่งรวบรวมข้อมูลในอาฟริกาและเอเซียไว้
ความจริงแล้ว ในการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกครั้งแรกนั้น โคลัมบัสมีกัปตันซึ่งเป็นมุสลิมสองคน คือ มาร์ติน อะลอนโซ ปินซอนเป็นกัปตันเรือปินตาและวินเซนเต ยาเนกซ์ ปินซอนน้องชายเป็นกัปตันเรือนินา ทั้งสองคนมีฐานะมั่งคั่งและเชี่ยวชาญในเรื่องเรือ และได้ช่วยจัดเตรียมการเดินทางให้โคลัมบัส นอกจากนี้แล้วยังได้ออกค่าใช้จ่ายในการซ่อมเรือซานตามาเรียซึ่งเป็นเรือธงให้ด้วยทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างทางการค้าและการเมือง ครอบครัวปินซอนมีความเกี่ยวดองกับอบูซายาน มุฮัมมัดที่ 3 (ค.ศ.1362-66) ซึ่งเป็นสุลตานชาวโมรอคโคแห่งราชวงศ์มารินิด (ค.ศ.1196-1465)
โคลัมบัสได้ยอมรับไว้ในบันทึกของเขาว่าในวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม ค.ศ.1492 ขณะที่เรือของเขากำลังแล่นอยู่ใกล้จิบาราบนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของคิวบา เขาได้เห็นมัสญิดบนภูเขาที่สวยงามลูกหนึ่ง ซากปรักหักพังของมัสญิดและหอคอยที่มีตัวอักษรกุรอานติดอยู่เหล่านี้เคยมีคนพบได้ในคิวบา เม็กซิโก เท็กซัสและเนวาดา
ในระหว่างการเดินทางครั้งที่สอง ชาวอินเดียนแห่งเอสพาโนลา(ไฮติ)ได้บอกโคลัมบัสว่าคนผิวดำได้มายังเกาะนี้ก่อนที่เขาจะมาถึง และเพื่อเป็นการยืนยัน ชาวอินเดียนได้นำเอาหอกของ มุสลิมอาฟริกันมาแสดงให้ดู หอกเหล่านี้เลี่ยมปลายด้วยโลหะสีเหลืองที่ชาวอินเดียนเรียกว่า “กวอไนน์” ซึ่งเป็นภาษาของชาว อาฟริกันตะวันตกที่มีความหมายว่า “วัตถุเจือทอง” เป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่คำนี้มีความใกล้เคียงกับคำว่า“ฆินา”ในภาษาอาหรับซึ่งหมายถึง“ความมั่งคั่ง”
โคลัมบัสได้นำกวอไนน์กลับไปยังสเปนเพื่อทดสอบและได้รู้ว่าวัตถุดังกล่าวเป็นทองคำ 18 ส่วน(56.25%) เงิน 6 ส่วน(18.75%) และทองแดง 8 ส่วน(25%) ซึ่งเป็นอัตราส่วนเดียวกับโลหะที่ผลิตในร้านโลหะของชาวอาฟริกันแห่งกินี
ไม่แน่ครับ บางที ความเป็นศัตรูของรัฐบาลอเมริกันต่อประชาชาติมุสลิมในขณะนี้อาจเป็นการจุดประกายไฟอิสลามที่ดับไปแล้วที่นั่นให้ลุกโชติช่วงขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่งก็ได้ ใครจะรู้
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Muslims go to America before Columbus
Banjong Binkason
While people generally understand that Chris Christopher. Columbus, navigator Spaniard is the first man to discover the Americas. You readers know, on American soil, the overwhelming evidence confirming that Muslims from Spain and West Africa had come to this land before Chris Christopher. Columbus to arrive at least five centuries or five hundred years?
American Indians named Mahinda Allah. Abdul scolded hard - rock interface remains Elliot has told his story through the website one by saying he was a Muslim in Cherokee black futon and people know him as the Eagle Sun. Walker said he began corresponding with Islamic Native Americans a thousand years ago. At least The truth about this is such proofs friendship agreement was signed between the Delaware River in the year 1787, with the signatures of Abdel. Hug and Muhammad ibn Abd Allah appeared. And chief of the Cherokee people has finally named Ramadan Ibn hit me.
Not just only The study documents the history of the Muslim scholars, many of whom we already know that Columbus set sail from the Port of Miami and in Spain by heading to the islands of Gomera (Canary) the term "Gomera" is an Arabic word that is. means "Firebrand was a small fire" and there Columbus has captivated Mrs. Beatrice. Boba Dillard daughter of a military officer on the island. (Surname Boba Dillard) comes from the Arabic name. "Abu Abd Dillard," and this family is related to the Muslim dynasty of Seville in Spanish. (AD 1031-1091)
On October 12 1492, Columbus landed on a small island, one of the island known as "Gus Wana Hani," but later, Columbus named the island lose it, "San Antonio Valle de reduced. "The Gulf Wana Hani's words from the language's Landing check and is an Arabic word which is derived the word" Vegas Wana "comes from the word" Iqbal Nirvana "(which refers to the brothers), the word". Hani "is the Arabic name so the original name of the island is. "Brothers Hani"
Ferdinand, son of Christopher Columbus. Columbus wrote about the blacks, his father saw in Honduras, said: "People who live in the East out of the tuff State Cavite Jonas (Pointe Cavinas) to the Cape Grazie Mario R. Bernardino. South (Cape Gracios a Dios), mostly blacks "in this land, it is indigenous Muslims known. "Alma is" live. Man plunges in check and the Arabic word "Allah has" a position of "Al - Imam" or "Al - Amato Smooth" or people who lead prayers. Or in some cases, it is the head of the people. And / or as a member of a group of Muslim imams.
Leo White Weiner, a historian and scholar accent American celebrity of Harvard University, has written in his book Africa and The Discovery of America (1920), his Columbus already knew that there were. Man plunges check in the new world and knows that the West African Muslims are common in the Caribbean Islands. North and South American territories, including Canada, these people made a trade with the Indians and married there.
Hache - Sharif Al - Idris C. (AD 1099-1166), the Muslim geographer and cartographer who wrote a famous book "Al Hunt, Nu Hotel - Respite lap feed. Ibn Al Reel Apocalypse - The Side "(Journey of ambition in blue) that a group of sailors. (From North Africa) sailed the ocean of darkness and fog. (Atlantic) from Lisbon (Portugal) to find out what's in it, and to some extent it is. Finally, they went to an island where people and cultivation .... On the fourth day. The interpreter spoke to them in Arabic.
It's Sultan Khan Musa Khan (1312-1337 AD) was King's Landing check the reputation of the Islamic empire of Mali in West Africa. While traveling to the Hajj in the year 1324, he told the scholars of the court of Sultan Khammam ball Casbah Club (A - Dean Mohammed Naseeruddin 3, 1309 -1340 AD) in Cairo. That's the first Sultan Baca (AD 1285-1312), his brother set out to the Atlantic twice. When his brother returned to the city from a trip to Jim Invasion Tour II in 1311 AD He was the Sultan.
The humanities have proven that the man plunges check it was ordered by the Sultan Musa to get out and explore different parts of Africa north along the Mississippi River Mizrahi filariasis and river several other lines. In addition, it also provides evidence that the man plunges check its color from Africa to this region as well.
Columbus and Travelers Spanish and Portuguese can travel across the Atlantic Ocean, a distance of tens of kilometers, it is based on geography and navigation of Muslim particular maps made by Muslim merchants, including information from the book, "Akbar al. G - come "of al - Prof. Thomas Udine. (AD 871-957), who collected them in Africa and Asia.
In fact, the trip across the Atlantic for the first time. Columbus had two captains, a Muslim man was Martin Alonso's spin to hide a captain Pinta and Vincente drug Teaneck spin Tucson brother is a captain Nina. Both have a wealth and expertise in the boat. And can help arrange trips to Columbus. In addition, the cost of repairing the ship Santa Maria, the flagship, with the purpose of certain commercial and political. Saunders family spins a kinship with Abu Mohammed said that three vehicles (AD 1362-66), the Consul eyes of the Moroccan House of Mario little. (AD 1196-1465)
Columbus admitted in his diary that on Monday, October 21 1492 while his ship was sailing near Jim Bara on the north west coast of Cuba. He saw a beautiful mountain Mosques ball. The ruins of the mosque and the tower of the Quran literally caught these people have found in Cuba, Mexico, Texas and Nevada.
During the second expedition. Indians of S. Pompano leave (Haiti), Columbus was told that blacks had come to the island before his arrival. To confirm The Indians took the spear. Muslim Africans come to see. These spear tipped with inlaid yellow metal that the Indians called "Night Walk" which is the language of the people. West African signify. "Object gold alloy" is quite strange that this is similar to the word "ฆi" in Arabic, which means "wealth".
Columbus had taken a walk Nineveh returned to Spain to test and learn that objects such as gold, 18 (56.25%) of section 6 (18.75%) and copper and 8 (25%), which is the same ratio as the metal. Production in the metal of the Africans of Guinea.
Perhaps I am not the enemy of the American government against Muslim nations in Islam that could spark a fire, then there was flaring up again, who knows.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น