บรรจง บินกาซัน
“อิรักจะเป็นฐานของรัฐคิลาฟะฮฺอิสลามใหม่ที่แผ่ขยายไปทั่วตะวันออกกลางและจะข่มขู่รัฐบาลตามกฎหมายในยุโรป อาฟริกาและเอเซีย” (นายดิค เชนีย์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ)
“พวกเขาหวังที่จะสร้างอุดมการณ์รุนแรงทางการเมืองทั่วตะวันออกกลางซึ่งพวกเขาเรียกว่า “คิลาฟะฮฺ” ซึ่งทั้งโลกจะถูกปกครองตามอุดมการณ์เกลียดชังของพวกเขา ข้าพเจ้าจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นและก็จะไม่มีประธานาธิบดีอเมริกันคนใดยอมให้มันเกิดขึ้นด้วย” (ประธานาธิบดี ยอร์จ ดับเบิลยู บุช)
คำพูดดังกล่าวข้างต้นเป็นคำพูดของคนระดับผู้นำโลกซึ่งเราไม่ได้ยินไม่ได้รับรู้กัน
คำพูดเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความคิดที่อยู่ในใจและสะท้อนออกมาเป็นพฤติกรรม อย่างน้อยที่สุด คำพูดดังกล่าวข้างต้นก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการก่ออาชญากรรมสงครามอย่างเปิดเผยด้วยการรุกรานโจมตีอิรักต่อสายตาชาวโลกผ่านสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นนั้นมิใช่เพราะเหตุผลว่าอิรักสะสมอาวุธร้ายแรงอย่างที่ประธานาธิบดียอร์จ ดับเบิลยู บุช กล่าวอ้าง เพราะคณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติก็ยืนยันว่าอิรักไม่มีอาวุธร้ายแรงสะสมอยู่ และชาติพันธมิตรของสหรัฐอย่างฝรั่งเศสและเยอรมันก็คัดค้านการโจมตีอิรักเพราะผิดกฎบัตรสหประชาชาติ
แต่เหตุผลที่สำคัญและลึกไปกว่านั้นในการโจมตีอิรักและชาติมุสลิมอื่นๆในตะวันออกกลางอย่างเช่น อิหร่านและซีเรียที่จะติดตามมาในอนาคตก็คือความหวาดระแวงว่าอุดมการณ์รัฐอิสลามที่เรียกว่า “คิลาฟะฮฺ”จะฟื้นตัวขึ้นมาอีก เพราะหลังจากการล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์แล้ว สหรัฐชาติมหาอำนาจก็พยายามที่จะใช้ลัทธิทุนนิยมเป็น “ระเบียบโลกใหม่” ในการปกครองโลก แต่ขณะเดียวกัน ในชาติมุสลิมทั่วโลกก็มีความตื่นตัวที่จะนำอุดมการณ์อิสลามซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็น “ระเบียบโลกเก่า” ของมุสลิมกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง กระแสความตื่นตัวในหมู่ประชาชาติมุสลิมนี้เองที่ชาติมหาอำนาจตะวันตกมองเห็นว่าเป็นการข่มขู่ต่อการจัดระเบียบโลกใหม่ของตน ดังนั้น การปะทะกันของสองอุดมการณ์จึงเป็นเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
ข้อตกลงการค้าเสรีหรือที่เรียกกันย่อๆว่าเอฟทีเอ คำว่า “ลัทธิก่อการร้าย” “อักษะแห่งปีศาจ” และถ้อยคำใส่ร้ายป้ายสีต่างๆที่ออกมาจากปากของผู้นำสหรัฐนั้นล้วนเป็นเครื่องมือและข้ออ้างในการจัดระเบียบโลกใหม่ทั้งสิ้น เป็นเรื่องแปลกที่รัฐบาลสหรัฐเป็นตัวตั้งตัวตีในการปราบปรามลัทธิก่อการร้าย แต่รัฐบาลสหรัฐเองกลับไม่ให้สัตยาบันยอมรับคำนิยามของคำว่า “ลัทธิก่อการร้าย” ของสหประชาชาติ
เหตุผลก็เพราะ หากให้สัตยาบันยอมรับ สหรัฐก็จะกลายเป็นชาติก่อการร้ายตามคำนิยามนั้นไปทันที
“คิลาฟะฮฺ” (Caliphate) คืออะไร ? ทำไมคนระดับผู้นำชาติมหาอำนาจถึงกับต้องหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้าง ?
คำว่า “คิลาฟะฮฺ” มาจากคำว่า “เคาะลีฟะฮฺ” ในภาษาอาหรับซึ่งแปลว่า “ตัวแทน” และ”ผู้สืบทอด” ในทางวิชาการอิสลาม คิลาฟะฮฺหมายถึงการปกครองด้วยกฎหมายอิสลามโดยมีคัมภีร์กุรอานเป็นธรรมนูญสูงสุดและมีผู้ปกครองเป็นตัวแทน(เคาะลีฟะฮฺ)ใช้อำนาจของพระผู้เป็นเจ้าบนหน้าแผ่นดิน
คำว่า “เคาะลีฟะฮฺ” ได้ถูกใช้ในคัมภีร์กุรอานเมื่อกล่าวถึงตอนที่พระเจ้าจะสร้างมนุษย์คนแรกขึ้นมา พระองค์ได้กล่าวว่า “ฉันจะสร้างตัวแทน(เคาะลีฟะฮฺ)คนหนึ่งขึ้นบนหน้าแผ่นดิน” แล้วหลังจากนั้น พระองค์ก็สร้างอาดัมขึ้นมา
แนวความคิดเรื่องตัวแทนของพระเจ้านี้มิได้หมายความว่าพระเจ้าให้มนุษย์มาตั้งตัวเป็นพระเจ้าแทนพระองค์บนโลกนี้ แต่หมายถึง มนุษย์จะต้องมาปฏิบัติหน้าที่ตามที่พระเจ้ากำหนดไว้และใช้อำนาจเท่าที่พระองค์ให้มาในคัมภีร์แทนพระองค์เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์ทางศาสนาจึงมีบทบาทเหมือนกฎหมายหลักที่ใช้จัดระเบียบสังคม ศาสดาทั้งหลายเป็นแค่เพียงผู้นำกฎหมายมาสอนและพยายามที่จะบังคับใช้กฎหมายนี้ ในอดีต มีศาสดาบางท่านที่ทำสำเร็จ เช่น เดวิด(ดาวูด)และโซโลมอน(สุลัยมาน)ในรูปของอาณาจักรอิสราเอลซึ่งใช้กฎหมายของพระเจ้าปกครอง
หลังจากสมัยของเดวิดและโซโลมอนแล้ว กระแสการปฏิเสธพระเจ้าที่แท้จริงและการบูชาพระเจ้าจอมปลอมต่างๆก็เกิดขึ้นอีก เมื่อปฏิเสธพระเจ้า มนุษย์ก็ปฏิเสธคำสอนของพระองค์โดยปริยาย ลัทธินิกาย ความเชื่อต่างๆจึงเกิดขึ้น
ในสมัยของนบีมุฮัมมัด ชนชาติอาหรับในแผ่นดินอารเบียแตกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า แต่ด้วยความพยายามและความสำเร็จในการสถาปนาความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ท่านนบีมุฮัมมัดสามารถรวบรวมชนชาติอาหรับที่แตกแยกและทำสงครามเข่นฆ่ากันมาเป็นเวลานานให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้น ท่านยังสามารถใช้อุดมการณ์อิสลามหล่อหลอมคนผิวดำจากอาฟริกา คนผิวขาวจากอาณาจักรโรมันและคนอาหรับเข้าเป็นประชาชาติเดียวกันโดยไม่มีการแบ่งแยกสีผิวหรือเชื้อชาติได้เป็นผลสำเร็จด้วย หลักฐานความสำเร็จของนบีมุฮัมมัดในเรื่องนี้สามารถดูได้จากพิธีฮัจญ์ที่มีขึ้นทุกปีในซาอุดิอาระเบีย
ดังนั้น อุดมการณ์อิสลามจึงเป็นอุดมการณ์สากล ประชาคมมุสลิมจึงประกอบไปด้วยชนชาติต่างๆที่ดูแล้วเหมือนกับดอกไม้ต่างสีมาลีต่างพันธุ์ที่ประดับอยู่ในแจกันโลกใบเดียวกัน ถึงแม้จะมีสีผิว เผ่าพันธุ์ ภาษาและเชื้อชาติต่างกัน แต่เมื่อเป็นมุสลิมแล้ว ทุกคนมีความสึกนึกถึงความเป็นมุสลิมมากกว่าสีผิว เผ่าพันธุ์และเชื้อชาติ
ในสมัยที่นบีมุฮัมมัดเป็นประมุขปกครองรัฐอิสลามนั้น ตำแหน่ง ของท่านคือ “ศาสนทูตของพระเจ้า” (รอซูลุลลอฮฺ) ท่านไม่ได้เรียกตัวท่านเองว่า “เคาะลีฟะฮฺ” หรือ “อิมาม” หรือ “สุลต่าน" แต่หลังจากท่านได้จากโลกนี้ไปแล้ว ผู้ที่ขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดอำนาจต่อจากท่านได้เรียกตัวเองว่า “เคาะลีฟะฮฺ” และการปกครองโดยเคาะลีฟะฮฺได้ถูกชาวตะวันตกเรียกว่า “คาลิเฟต” (Caliphate)
ประวัติศาสตร์โลกเป็นหลักฐานอย่างดีว่าหลังจากที่ชาวอาหรับแห่งทะเลทรายอารเบียได้รวมตัวกันภายใต้ร่มธงอิสลามแล้ว ชนชาติอาหรับที่เคยถูกชาวโลกดูถูกได้กลับกลายเป็นชาติที่มีวินัยทางศาสนาเข้มแข็งและมีความห้าวหาญจนสามารถแผ่ขยายอิทธิพลของอิสลามไปยังส่วนต่างๆของโลกได้ ซีเรียและอียิปต์ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมันในอดีต และอาณาจักรเปอร์เซียที่เคยเป็นมหาอำนาจคู่แข่งกับอาณาจักรโรมันได้ตกอยู่ใต้อำนาจของมุสลิมหลังจากนบีมุฮัมมัดจากโลกนี้ไปได้ไม่ถึงสิบปี
ถึงแม้ในบางช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ แผ่นดินของอิสลามจะถูกรุกรานและพ่ายแพ้ต่อชาตินักรบเร่ร่อนอย่างเช่นพวกเติร์ก แต่ผู้ชนะและผู้ยึดครองดินแดนมุสลิมกลับยอมจำนนต่อหลักการอิสลามและกลายเป็นผู้สร้างความเข้มแข็งให้แก่โลกอิสลามในรูปของอาณาจักรออตโตมันเติร์ก
อินโดนีเซียซึ่งก่อนหน้านี้เป็นอาณาจักรที่ปกครองด้วยกษัตริย์ที่นับถือศาสนาพราหมณ์ แต่เมื่อพ่อค้ามุสลิมจากแผ่นดินอาหรับเดินทางไปติดต่อค้าขายได้ไม่นาน ด้วยกฎระเบียบการค้าตามหลักศาสนาที่มุสลิมยึดถือ กษัตริย์พราหมณ์และพสกนิกรก็พากันหันมานับถืออิสลามโดยที่ชาวอาหรับไม่ได้นำกองเรือรบไปยึดหรือข่มขู่เหมือนกับที่ชาติตะวันตกอย่างเช่นฮอลันดาทำ
นอกจากจะเป็นกฎระเบียบสำหรับสังคมแล้ว คำสอนทางศีลธรรมของศาสนายังเป็นพื้นฐานความเข้มแข็งของสังคมด้วย คำสอนของศาสนาไม่ได้ปฏิเสธความเจริญก้าวหน้าของโลก แต่ศาสนาเห็นว่าถ้าโลกก้าวหน้าทางด้านวัตถุเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงเรื่องศีลธรรมและจิตวิญญาณ มนุษย์ก็จะได้รับความหายนะ ดังนั้น คำสอนของศาสนาจึงเน้นถึงความพอดี ความพอประมาณและทางสายกลาง แต่คำสอนนี้ไปขัดกับลัทธิทุนนิยมที่ส่งเสริมให้คนบริโภคอย่างบ้าคลั่ง ลัทธิทุนนิยมจึงชิงชังและหาทางที่จะทำลายความเชื่อทางศาสนามาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม แต่วิญญาณของมนุษย์ก็ไม่ยอมให้อารยะธรรมของมันถูกทำลายเช่นกัน
ดังนั้น การปะทะกันระหว่างอารยะธรรมทางวัตถุและอารยะธรรมทางจิตวิญญาณจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
(หมายเหตุ : บทความนี้เขียนเมื่อประมาณห้าปีที่แล้วและตีพิมพ์ใน น.ส.พ.รายสัปดาห์ โลกวันนี้ ฉบับวันศุกร์)
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
The clash between civilizations What could have been avoided.
Banjong Binkason
"Iraq will be the base of a new Islamic state's fa la spreading across the Middle East and intimidate the government by law in Europe. Africa and Asia "(Mr. Dick Cheney, US vice-president).
"They hope to establish a violent political ideology across the Middle East, which they call" Allah ke fa la "The whole world is ruled by ideological hatred of them. I will not allow this to happen and there would be no American president can allow it to happen "(President George W. Bush).
The above words are the words of world leaders, which we do not hear, get to know each other.
Speech is indicative of an idea in mind and reflected the behavior. At least Quotes above, it shows clearly that the crime of aggression against Iraq war openly with the rest of the world through the television station CNN, not because of the reason that Iraq retained weapons at the presidential forum. George W. Bush claims that the UN inspectors have confirmed that Iraq has no weapons collection. And the National Federation of French and German opposition to the US attack against Iraq because the UN Charter.
But deeper than that, and why it is important to attack Iraq and other Muslim nations in the Middle East, for example. Iran and Syria to come in the future, it is the suspicion that the state ideology called Islam. "Aquila fa God" will recover again. After the collapse of communism, then. US superpower is trying to use as capitalism. "New World Order" to rule the world. But at the same time In the Muslim world, we are alert to the Islamic ideology, which once used to be. "Old World Order" of Muslims back again. Growing awareness among Muslim nations is that the Western powers see as a threat to the New World, so their clash of two ideologies, it is unavoidable that.
The Free Trade Agreement, known for short as the FTA, the word "terrorism", "Axis of Evil" and words of slander that comes out of the mouth of the leader of the United States, are a tool and pretext to organize. new World of It is ironic that the US government is a central figure in the fight against terrorism. But the US government has not ratified, accepted definition of the term. "Terrorism" of the United Nations.
The reason is because If ratified, accepted The US went on to become state terrorism by definition it immediately.
"Aquila fa God" (Caliphate) is? Why are the leaders of the major powers have raised claims?
The word "Allah ke fa la" comes from the word "fa Lee knocked Allah" in Arabic, which means "representative" and "successor" in the Islamic scholar. Aquila fa Sunnah refers to the rule of Islamic law, the Quran is the constitution represents the highest and most parents (Lee knocked fa God) uses the power of God on earth.
The word "fa Lee knocked Allah" was used to refer to the Quran, when God created the first man up. He said, "I will create Agent (FA Lee knocked Islam), one on the face of the earth" and thereafter. He created Adam up.
The concept of a representative of God, this does not mean that God gave man is styled god stead on earth, but the man must act as God given and power as he came in the Bible stead. only
For this reason, religious scriptures have the same legal principle used to organize society. Prophets are the only leaders of law teaching and trying to enforce the law in the past with the Prophet, some of you that do, such as David (Dawood) and Solomon (Sulaiman) in the Kingdom of Israel, which the law. God parents
After days of David and Solomon then. Current rejected the true God and the false gods worshiped in it from happening again. When rejecting God Man rejected his teachings implicitly ideological beliefs sect had happened.
In the days of Prophet Muhammad Arab nations in the land of Arabia, split into factious. But the efforts and success in establishing the belief in one God up again. Prophet Muhammad Arab nations could muster a divisive war and killing each other for a long time for unity. not only You can also use the ideology of Islam preach black people from Africa. Whites from the Byzantine and Arab people as a nation, without distinction of race, color, or have been successful with. Evidence of the success of the Prophet Mohammed in this regard can be obtained from a pilgrimage in Saudi Arabia every year.
Thus the ideology of Islam is a universal ideology. The Muslim community is composed of people who look like flowers of different colors, different varieties Mali vase decorated in the same world. Even with the skin color, ethnic and racial differences. But when a Muslim Everyone is reminded to wear a Muslim rather than skin color. Race and Ethnicity
In the days of the Prophet Muhammad is the head rule the Islamic state that your position is the "messenger of God" (Messenger of Allah), you do not call yourself a "knock Lee fa God" or "imams. "or" sultan, "but after you've gone from this world. Those who came to power as the successor of, he called himself "God knocked Lee fa" and ruled by God was knocking Lee fa Westerners call "Khalil Buffett" (Caliphate).
World history is proof that the Arabian desert of Arabia, had gathered under the banner of Islam. Arab nations had been the world's scorn has turned into a national religious discipline, strong and rugged enough to spread the influence of Islam to the rest of the world. Syria and Egypt, the territory of the former Roman Empire. And Persia was once a superpower rival to the Roman Empire fell under the power of the Muslim Prophet Muhammad out of this world have less than ten years.
Even in some periods of history. Islamic land is being invaded and defeated national champion such as nomadic Turks. The winners and occupation of Muslim lands to surrender to Islam and became a strengthening of the Islamic world in the realm of the Ottoman Turks.
Indonesia, which previously was a kingdom ruled by King respectable Brahmin. But when Muslim traders from the Arabian Travel trade did not last long. Trade Regulations in accordance with Muslim religious iconography. Brahmin king and his subjects began to turn to Islam by the Arabs did not bring the fleet to seize or threaten Western nations such as the Dutch do.
In addition to the rules for society. Moral teachings of religion as the basis of a strong society. The teachings of religion does not deny the progress of the world. But if the world religion that advances in materials alone, regardless of the moral and spiritual. Man, it would have been a disaster so religious teachings emphasize fit. Modesty and moderation But this is contrary to the teachings of capitalism that encourages people to consume like crazy. I abhor capitalism and seek to destroy religious belief has always been that it is not any religion. But the human spirit refuses to give its civilization was destroyed as well.
So a clash between civilization and material civilization, spiritual, it is not inevitable.
(Note: This article was written about five years ago and published. Miss.. Up. Today the weekly Friday).
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น