บรรจง บินกาซัน
ความศรัทธาในพระเจ้าเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับความเป็นมนุษย์ แม้พระเจ้าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่สติปัญญาและจิตใจอันบริสุทธิ์ของมนุษย์ก็สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของพระเจ้าได้ ความเชื่อมั่นในการมีอยู่ของพระเจ้าโดยที่ไม่ต้องอาศัยประสาทสัมผัสทั้งห้านี้เองคือความศรัทธาซึ่งบรรดาศาสดาและบรรพชนในอดีตถือว่าเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตและพยายามรักษาไว้แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
ประวัติศาสตร์มีเรื่องราวการต่อสู้ที่ยืนยันถึงความจริงดังกล่าวมากมาย ไม่เพียงแต่เฉพาะการต่อสู้ของบรรดาศาสดาเท่านั้น แม้แต่เด็กหนุ่มก็เคยสร้างวีรกรรมในเรื่องนี้ไว้เช่นกัน
ในคัมภีร์กุรอานและบันทึกคำพูดของนบีมุฮัมมัดมีเรื่องราวของกษัตริย์องค์หนึ่งในตอนใต้ของอาระเบียซึ่งปัจจุบันคือประเทศเยเมน กษัตริย์องค์นี้มีนักไสยศาสตร์วัยชราคู่บารมี แต่เมื่อใกล้วาระสุดท้ายแห่งชีวิต กษัตริย์ก็เลือกเด็กหนุ่มคนหนึ่งขึ้นมาสืบทอดวิชาไสยศาสตร์เพื่อค้ำอำนาจของตน แต่ต่อมา เด็กหนุ่มคนนั้นได้พบกับนักบุญคนหนึ่งและเกิดความเลื่อมใสหลักศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวจนมีอำนาจจิตเข้มแข็งถึงขั้นเลิกปฏิบัติพิธีกรรมไสยศาสตร์อีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ กษัตริย์จึงส่งคนไปฆ่านักบุญที่ทำให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนความศรัทธาและจับเด็กหนุ่มคนนั้นมายังราชวัง เมื่อเด็กหนุ่มถูกนำตัวมาอยู่ต่อหน้า กษัตริย์ได้พยายามขู่เข็ญเด็กหนุ่มให้ละทิ้งความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มก็ไม่คลายความศรัทธาของตัวเอง ในที่สุด กษัตริย์จึงได้สั่งทหารว่า “เอาไอ้เด็กคนนี้ไปบนยอดเขาแล้วสั่งให้มันประกาศว่าจะเลิกศรัทธาในสิ่งที่มันศรัทธาอยู่ ถ้าหากมันไม่ยอม ก็ถีบมันให้ตกภูเขาตาย”
เด็กหนุ่มได้วิงวอนขอต่อพระเจ้าอย่าให้เขาตายในลักษณะเช่นนั้น หลังจากการวิงวอน ปรากฏว่าหน้าผาเกิดถล่มและทหารที่คุมตัวเด็กหนุ่มไปได้ตกภูเขาตายทั้งหมด ยกเว้นเด็กหนุ่มคนนั้นที่เดินกลับมาหากษัตริย์ถึงพระราชวัง
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มรอดกลับมา กษัตริย์ก็ประหลาดใจและสั่งเสนาบดีว่า “เอาไอ้เด็กคนนี้ใส่เรือเล็กๆไปลงทะเลแล้วโยนมันลงไปถ้าหากมันไม่ละทิ้งความศรัทธาในพระเจ้าของมัน”
เด็กหนุ่มขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าที่เขาศรัทธาอีกครั้ง และคำวิงวอนของเขาก็ได้รับการตอบสนองโดยเรือที่นำเขาไปโยนทิ้งกลางทะเลได้ล่มลงและทุกคนจมน้ำตาย ยกเว้นเด็กหนุ่มที่รอดชีวิตกลับมาสร้างความประหลาดใจให้กษัตริย์อีกครั้ง
ทำไมเด็กหนุ่มคนนั้นจึงวิงวอนต่อพระเจ้ามิให้ตัวเองต้องตายด้วยการตกภูเขาหรือจมน้ำตายในทะเล ทั้งๆที่ไม่ว่าจะตายด้วยวิธีการใดก็ถือว่าเขาได้ตายในสภาพของผู้พลีชีพในหนทางของพระเจ้าอย่างมีเกียรติเหมือนกัน ?
คำถามนี้และคำถามอื่นๆเกิดขึ้นทุกครั้งที่เราอ่านประวัติศาสตร์ทำนองนี้ในคัมภีร์ทางศาสนาหรือในบันทึกคำพูดของศาสดา เราต้องเข้าใจว่าวัตถุประสงค์ของการบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้มิใช่เพื่อความบันเทิง แต่เพื่อที่จะให้เราได้รับบทเรียนไปใช้ในชีวิตของเราต่างหาก
เด็กหนุ่มคนนั้นวิงวอนต่อพระเจ้าให้เขารอดพ้นจากสองเหตุการณ์ดังกล่าวก็เพราะว่าหากเขาตายในสภาพเช่นนั้นก็จะไม่มีใครได้ยินความตายของเขา หากเป็นเช่นนั้น ความตายของเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากความตายตามปกติ ถูกแล้วที่หากเขาตายไปในเหตุการณ์ใด เขาก็จะได้เป็นผู้พลีชีพในหนทางของพระเจ้า แต่ถ้าหากพิจารณาเรื่องทั้งหมดแล้ว มันก็ทำให้เราเชื่อว่าการพลีชีพมิใช่เป้าหมายสุดท้ายและเป้าหมายเดียวของเด็กหนุ่มผู้นั้น เขายังมีแผนการอะไรบางอย่างอยู่ในใจที่ทำให้เขาต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า
เขาต้องการยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกสองตัวหรือมากกว่านั้น แผนการของเขาก็คือเขาต้องการที่จะได้เป็นผู้พลีชีพในหนทางของพระเจ้า และในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องการทำให้ผู้คนเห็นว่ามนุษย์ไม่ใช่พระเจ้า แต่พระเจ้านั้นคือผู้สร้างและผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล นอกจากนี้แล้ว เขายังต้องการให้กษัตริย์และผู้คนยอมรับพระเจ้าที่แท้จริงของเขาด้วย
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเด็กหนุ่มคนนี้จึงกลับมาหากษัตริย์หลังจากที่รอดชีวิตเป็นครั้งที่สอง เด็กหนุ่มได้พูดกับกษัตริย์ว่า“ถ้าท่านต้องการจะฆ่าฉัน ก็ต้องทำตามที่ฉันบอก” กษัตริย์จึงถามว่า “ทำอย่างไร ?” เด็กหนุ่มจึงบอกว่า “ท่านจะต้องเรียกผู้คนมาชุมนุมในลานกว้างและจับฉันมัดไว้ หลังจากนั้นก็ยิงฉันด้วยธนู แต่ก่อนยิง ท่านจะต้องตะโกนว่า ‘ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ พระเจ้าของเด็กหนุ่มคนนี้’ ด้วยวิธีการนี้เท่านั้นที่ท่านจะสามารถฆ่าฉันได้”
ด้วยความที่ไม่คิดอะไร กษัตริย์ได้เรียกผู้คนมาชุมนุมกันในทุ่งโล่งและสั่งให้นำเด็กหนุ่มผู้นั้นไปผูกไว้กับต้นไม้ หลังจากนั้น กษัตริย์ก็ทำตามที่เด็กหนุ่มบอกโดยเอาธนูดอกหนึ่งวางบนคันธนูแล้วตะโกนเสียงดังว่า“ด้วยพระนามของพระเจ้าของเด็กหนุ่มผู้นี้” เมื่อกษัตริย์ปล่อยลูกธนูออกไป ลูกธนูดอกนั้นวิ่งตรงไปเสียบหน้าผากเด็กหนุ่มคนนั้นราวกับจับวาง
เมื่อผู้คนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ตะโกนพร้อมกันเป็นเสียงเดียวว่า “เราศรัทธาในพระเจ้าของเด็กหนุ่มผู้นี้ เราศรัทธาในพระเจ้าของเด็กหนุ่มผู้นี้”
นี่คือสิ่งที่เด็กหนุ่มผู้นั้นพยายามจะทำและเป็นสิ่งที่เขาพยายามต่อสู้เพื่อมันแม้จะต้องยอมพลีชีวิตของตนเองก็ตาม นั่นคือ การให้ผู้คนได้เห็นสัจธรรมเกี่ยวกับความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและความเท็จของกษัตริย์ด้วยตาของพวกเขาเอง เพราะการได้เห็นสิ่งใดด้วยตาตัวเองนั้นมีผลมากกว่าการได้ยิน ดังคำพูดที่ว่า“สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น”
เด็กหนุ่มคนนั้นพลีชีวิตของตนเองไปสมความต้องการของกษัตริย์ แต่ปรากฏว่าผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ครั้งนั้นได้หันมาศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวตามที่เขาต้องการ
เรื่องราวดังกล่าวเป็นบทเรียนแก่เราว่า เมื่อเกิดมาทั้งที การจะอยู่หรือตายโดยไร้วัตถุประสงค์หรืออยู่เพื่อสิ่งไร้สาระถือเป็นเรื่องไม่ฉลาด เพราะคนฉลาดจะอยู่หรือตายก็เพื่อวัตถุประสงค์อันยิ่งใหญ่เท่านั้น
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
Do not die in vain
Banjong Binkason
Faith in God is greatest for humanity. Even God is beyond the five senses. But the holy spirit and intellect of man is able to recognize the presence of God. Confidence in the existence of God without relying on the five senses, this is the faith that all the prophets and ancestors in the past considered the most precious thing in your life and try to keep it even have to be redeemed by life.
History is the story of the struggle to assert the fact that many. Not only is the struggle of the Prophet only. Even a young child was ever created exploits in this regard as well.
In the Quran and sayings of the Prophet Muhammad with the story of a king in the south of Arabia, which is currently in Yemen. This king is a majestic old superstition. But near the end of life. King chose a boy up a succession of black magic in order to prop up their power, but the young man met a saint and one may admire the faith in one God as a spiritual strength to the abolition of ritual practices. superstition anymore
Because of this, the king sent someone to kill the young Saints changed their faith and arrested a young man came to the palace. When the boy was brought to the front. King tried to coerce young men to abandon their faith in one God. However, He did not loosen his own faith in the king ordered the military. "I took the child to a peak and then ordered it announced that it would cease to believe in what they believe in. If it does not He kicked it down the mountain to die. "
He did not pray for him to die in such a manner. After pleading The cliff that caused landslides and soldiers detain a young boy fell to his death through the mountains. Except for the young man who came back to the king's palace.
When the boy returned to survive. The king was surprised and ordered the stewards. "I took this boy put a small boat into the sea, then threw it down if it does not abandon its faith in God."
He sought refuge in the Lord his trust again. And his plea was the response by the ship that brought him to throw it in the sea has fallen and everyone drowned. Except the boy who survived came back to surprise the king again.
Why are young people so that supplications to God allow himself to death by drowning in the sea or the mountains fall. That is not to die the way he died, it was considered state of the martyr in the cause of God with honor too?
This question and other questions come up every time we read the Bible, religious or historical precedents recorded in the words of the prophets. We must understand that the purpose of these stories is not to entertain. But in order to be a lesson to us in our lives separately.
Young people pray to God that he survived two such incidents because if he dies in that state, they will not hear of his death. If so, His death is no different from a normal death. It was then that, if he died in the incident. He was a martyr in the cause of God. If you consider all of them. It makes us believe that suicide is not the final goal and the only goal of the young man. He also has a plan in mind, something that he needs help from God.
But he needs Iigpืnnadediiw Adgnksagtaw or more. His plan is that he wants to be a martyr in the cause of God. At the same time, he wants to make people see that man, not God. But God is the Creator and Lord of the universe. In addition, He would also like to acknowledge the true God, the king and the people with him.
That is why the young man came back to the king after surviving a second time. He had spoken to the king, "If you want to kill me. I must do as I say "the king asked," How? "The young man said. "You have to call the people gathered in the square and catch me tied up. After the shoot, I shoot with a bow, but you have to shout. 'In the name of Allah. Lord of this young man, 'the only way you can kill me. "
With no idea what King has called the people gathered in the open field, and ordered to bring the boy was tied to a tree after that he made as a young boy was told by my bow flowers placed on the bow and yelled loudly, "too. God's boy, "said the king to release the arrow. Stray arrow that goes directly plugged forehead young man as jaw dropping.
When people saw what happened. Everyone shouted with a voice like that. "We believe in the Lord of this young child. We believe in the Lord of this young man. "
This is what young people are trying to do and what he fought for it even to be willing to sacrifice their own lives it is to allow people to see the truth about faith in one God and the false. king with their own eyes. I have seen with my own eyes what the results over the hearing. The phrase "as far as the mouth, eyes that do not see."
Young people dedicating their lives to the needs of the king. However, it appears that the people who saw the incident has turned to faith in God as they wish.
Such stories are a lesson to us. When a commercially To live or die without purpose or for vanity, it is not wise. The wise man will live or die, it's awful purposes only.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น