บรรจง บินกาซัน
การรวบรวมผู้คนที่มีความแตกต่างทางความคิด ฐานะ เชื้อชาติ วัฒนธรรมและความเชื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติถือว่าเป็นเรื่องยาก ยิ่งผู้คนที่อยู่ในความแตกต่างดังกล่าวมีมิจฉาทิฐิหรืออคติต่อกันอยู่ด้วยแล้ว การรวมผู้คนในสภาพเช่นนี้ก็ยิ่งยากลำบากเป็นทวีคูณ
เมื่อท่านนบีมุฮัมมัดไม่ประสบความสำเร็จในการเผยแผ่สั่งสอนอิสลามให้แก่ผู้คนในเมืองมักก๊ะฮฺตลอดระยะเวลา 13 ปีแรก มีชาวเมืองยัษริบกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งได้เดินทางมาทำฮัจญ์ที่มักก๊ะฮฺ คนกลุ่มนี้ได้พบกับนบีมุฮัมมัดและประกาศตนเข้ารับอิสลามต่อหน้าท่าน หลังจากนั้น คนกลุ่มนี้ได้เสนอตัวที่จะสนับสนุนและรับใช้ท่านหากท่านเดินทางไปยังเมืองยัษริบ แต่นบีมุฮัมมัดต้องการจะดูความจริงใจของคนกลุ่มนี้ ท่านจึงยังไม่ตอบรับการเชิญชวน
ปีต่อมา คนกลุ่มนี้ได้พาคนที่หันมารับอิสลามอีกหลายคนมาพบท่านนบีมุฮัมมัดในช่วงเทศกาลทำฮัจญ์ นบีมุฮัมมัดจึงตัดสินใจรับคำเชิญชวนของคนเหล่านั้นและได้สั่งให้สาวกของท่านในเมืองมักก๊ะฮฺค่อยๆทยอยกันอพยพกันไปยังเมืองยัษริบทีละกลุ่มเพื่อไม่ให้หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺรู้ความเคลื่อนไหว
หลังจากที่บรรดาสาวกของท่านอพยพกันหมดแล้ว นบีมุฮัมมัดกับเพื่อนสนิทของท่านคนหนึ่งจึงแอบอพยพออกจากเมืองมักก๊ะฮฺโดยใช้เส้นทางอื่นที่มิใช่เส้นทางหลัก
เมืองยัษริบในเวลานั้นประกอบไปด้วยกลุ่มชนใหญ่ๆสามสี่กลุ่มที่ไม่ลงรอยกันและต่างกลุ่มต่างทะนงในศักดิ์ศรีของตน
กลุ่มแรก เป็นคนสองเผ่าใหญ่ที่อพยพจากเยเมนมาตั้งถิ่นฐานที่นี่เป็นเวลานานแล้ว แต่มีความขัดแย้งแย่งชิงความเป็นผู้นำกันโดยยังไม่สามารถหาข้อยุติได้และต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน
กลุ่มที่สองคือพวกลูกหลานอิสราเอลสามเผ่าที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ชานเมืองยัษริบ คนกลุ่มนี้มีความทะนงในความรู้และเชื้อสายของตน และยังมองชาวอาหรับว่าไร้อารยธรรม
กลุ่มที่สามคือกลุ่มคนที่เสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นมุสลิม แต่ในใจพร้อมที่จะทรยศเมื่อได้รับผลประโยชน์ คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อนบีมุฮัมมัดเดินทางมาถึงเมืองยัษริบ
กลุ่มที่สี่คือกลุ่มมุสลิมในเมืองยัษริบที่สัญญาว่าจะให้การสนับสนุนท่านนบีมุฮัมมัดและกลุ่มมุสลิมที่อพยพมาจากเมือง มักก๊ะฮฺ
เมื่อนบีมุฮัมมัดไปถึงที่นั่น สิ่งแรกที่ท่านทำคือการสร้างมัสญิดเป็นศูนย์รวมจิตใจของมุสลิมที่มีความศรัทธาเดียวกันขึ้นก่อน หลังจากนั้น ท่านได้เรียกมุสลิมในเมืองยัษริบและมุสลิมที่อพยพจากเมืองมักก๊ะฮฺมาผูกความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกันโดยให้มุสลิมท้องถิ่นอุปการะผู้ที่อพยพมาดุจดังพี่น้อง ส่วนผู้อพยพที่ยังไม่มีผู้อุปการะ ท่านจะให้มาพักพิงอยู่ที่ส่วนหนึ่งของบริเวณมัสญิด
การยอมทิ้งบ้านเรือนและทรัพย์สินอพยพจากเมืองมักก๊ะฮฺมายังมะดีนะฮฺและการต้อนรับของมุสลิมท้องถิ่นในเมืองยัษริบเป็นตัวชี้วัดให้นบีมุฮัมมัดรู้ว่าตอนนี้ท่านมีผู้จริงใจที่จะให้การสนับสนุนภารกิจเผยแผ่อิสลามของท่านแล้ว
เมื่อรวมมุสลิมได้เป็นปึกแผ่น ท่านนบีมุฮัมมัดก็เข้าไปหากลุ่มลูกหลานอิสราเอลเพราะท่านเห็นว่าคนกลุ่มนี้มีพื้นฐานคล้ายๆกับมุสลิม คือมีความเชื่อในเรื่องพระเจ้า ไม่เคารพกราบไหว้เจว็ดบูชา เชื่อในเรื่องวันพิพากษาหลังความตายและรู้จักนบีต่างๆที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ ท่านจึงเข้าไปพบคนเหล่านี้เพื่อบอกว่าคำสอนอิสลามที่ท่านนำมาเป็นสิ่งเดียวกับที่นบีก่อนๆสอนกัน
ท่านนบีมุฮัมมัดคิดว่าคนกลุ่มนี้คงจะเข้าใจท่านได้ไม่ยาก แต่ท่านคิดผิด เพราะคนกลุ่มนี้มีมิจฉาทิฐิว่าตัวเองเป็นชนชาติที่พระเจ้าคัดเลือกให้เหนือกว่ามนุษยชนชาติอื่นและทะนงในความรู้ของตนเอง ส่วนใหญ่จึงต่อต้านท่าน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยอมรับและหันมาเป็นมุสลิม
ส่วนกลุ่มชาวอาหรับที่ยังเคารพกราบไหว้เจว็ดบูชาอยู่นั้น ท่านไม่ได้แสดงท่าทีเป็นศัตรู แต่อีกกลุ่มหนึ่งที่ทำให้นบีมุฮัมมัดหนักใจก็คือกลุ่มที่เสแสร้งแกล้งหันมารับอิสลามหรือพวกหน้าไหว้หลังหลอก(มุนาฟิก)ซึ่งท่านไม่สามารถทำอะไรคนกลุ่มนี้ได้ และท่านได้สั่งมุสลิมว่าหากคนกลุ่มนี้ยังไม่แสดงท่าทีที่เป็นภัยต่อมุสลิม ลิ้นและมือของมุสลิมจะต้องไม่เป็นภัยต่อคนเหล่านี้ ส่วนเรื่องภายในจิตใจของคนพวกนี้ปล่อยให้พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน
นี่คือสภาพสังคมภายในของเมืองยัษริบ แต่เนื่องจากนบีมุฮัมมัดรู้ว่าทุกกลุ่มมีความต้องการอย่างหนึ่งที่เหมือนกันซึ่งเป็นประโยชน์ต่อท่าน นั่นคือความสงบปลอดภัยจากการถูกศัตรูภายนอกรุกราน เพราะทุกคนรู้ว่าชาวเมืองมักก๊ะฮฺจะตามมาราวีท่านและมุสลิมอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงริเริ่มวางหลักประกันสังคมโดยเรียกทุกกลุ่มมาทำสนธิสัญญาร่วมกัน
สนธิสัญญานี้มีข้อตกลงยืดยาว แต่ใจความสำคัญคือ แต่ละเผ่าจะต้องรับผิดชอบในการจ่ายค่าสินไหมเองถ้าหากคนในเผ่าของตนไปฆ่าคนอื่นและจ่ายค่าไถ่ตัวคนในเผ่าของตนเองหากถูกจับเป็นเชลย เช่นเดียวกับมุสลิม
ในกรณีที่ยัษริบถูกรุกราน ทุกฝ่ายจะต้องป้องกันส่วนที่อยู่ข้างหน้าของเมือง
แต่ข้อตกลงสำคัญของสนธิสัญญาที่แสดงให้เห็นว่าทุกกลุ่มยอมรับความเป็นผู้นำของท่านนบีมุฮัมมัดก็คือ “เมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิ่งใดในข้อตกลง เรื่องทั้งหมดต้องให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินของมุฮัมมัด”
ด้วยการเห็นแก่ประโยชน์จากความมั่นคงปลอดภัยร่วมกันและการยอมรับนบีมุฮัมมัดให้เป็นผู้นำท่ามกลางความแตกแยก เมืองยัษริบก็เป็นปึกแผ่นและต่อมาได้กลายเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของรัฐอิสลามภายในเวลา 10 ปี
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชนhttps://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Leaders in conflict.
Banjong Bin Gan Sun
It is difficult to gather people with different ethnic, cultural, and religious backgrounds. The more people in the difference are diehard or prejudice against each other. Inclusion of people in this condition is more difficult than doubling.
When the Prophet Muhammad did not succeed in spreading Islamic teachings to people in Makhachkala during the first 13 years, a small group of Yassir people traveled to the Islamic Hajj. These people met with Prophet Mohammed and proclaimed themselves to Islam in front of you, after which they offered to support and serve you if you traveled to Yassir. But Prophet Muhammad would like to see the sincerity of this group. You still do not accept the invitation.
The following year, many of those who turned to Islam came to meet Prophet Muhammad during the Hajj festival. Prophet Muhammad decided to accept their invitation and instructed his disciples in Makkah to gradually migrate to Yassir, one by one, so that the chief of the city would not know what was happening. Active
After all your disciples emigrated. Prophet Muhammad, with his close friend, evacuated from the city of Makkah using a different route than the main route.
At that time, Yassir was comprised of three major groups, four of them in disagreement, and the other in pride.
The first two large tribes who emigrated from Yemen have settled here for a long time. But there is a conflict over leadership, and it is impossible to find a settlement, and the parties do not agree.
The second group was the three Israeli tribes who settled in the suburb of Yassir. These people have pride in their knowledge and descent. And also look at the Arabs that no civilization.
The third group is a group of people pretending to pretend to be Muslims. But in mind, ready to betray when receiving benefits. This group is a new group that just happened when Prophet Mohammed arrived in Yassab.
The fourth group is a Muslim group in Yassir, who promises to support the Prophet Muhammad and the Muslims who migrated from the city of Makhtha.
When Prophet Muhammad reached there The first thing you do is to create a mosque as the center of the same faith of the Muslims. Then you call the Muslims in Yassir and the Muslims who migrate from the city of Makkah to tie my relationship. Brotherhood by the local Muslims who sponsor the immigrants to the brothers. The unmarried immigrant. You will be sheltered in a part of the Musashid area.
The abandonment of houses and immigrants from Makhachem to Madinah, and the hospitality of local Muslims in Yassir, are indications that the Prophet Muhammad knew that he now had the sincerity of providing the support. Support your mission for Islamic mission.
When the Muslims were united The Prophet Muhammad came to the children of Israel because he saw that this group was based on Muslims. Is there any belief in God? Do not worship idol worship Believe in the judgment day after death and know the prophets that appear in the scriptures. He went to meet these people to say that the Islamic teachings that he brought were the same as the previous prophets taught.
Prophet Muhammad thought that this group of people would understand you is not difficult. But you are wrong Because these people are diehard, they are the people God chooses over other nations and pride in their own knowledge. Most of them oppose you. Only a few have accepted and turned to Islam.
The Arabs who worship idolatry. You do not act as enemies. But another group that is troubling to Prophet Muhammad is a group that pretends to be Islamic or hypocritical (Hypocrites), for which you can not do this group. And he instructed the Muslims that if this group did not show any threat to Muslims The tongue and hands of Muslims must not harm these people. The inner mind of these people let God be the judge.
This is the inner state of Yassab. But because Prophet Muhammad knows that all groups have one thing in common which is beneficial to you. That is the peace of the enemy outside aggression. Because everyone knows that the people of Makkah will follow Ravi, you and the Muslims of course, therefore, he initiated the social security, calling all parties to the treaty together.
This treaty has a longstanding agreement. But the mind is important. Each tribe is responsible for paying compensation if the tribe's own people kill other people and pay ransom for their tribe if taken captive. Just like a Muslim
In the case of the invader All parties must protect the front of the city.
But the treaty's key treaty implies that all groups accept the Prophet Muhammad's leadership. "When there is a conflict about anything in the agreement. All matters must be based on Muhammad's judgment. "
For the sake of mutual security and acceptance, Prophet Muhammad was the leader among the divisions. Yassir was unified and later became the first capital of the Islamic state within 10 years.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น