บรรจง บินกาซัน
ถ้าเปรียบกาลเวลาเป็นเส้นด้าย อดีตและอนาคตก็เหมือนปลายสองข้างของเส้นด้ายที่มนุษย์ไม่รู้ว่ามันเริ่มจากตรงไหนและมันจะสิ้นสุดตรงไหน ช่วงเวลาปัจจุบันของมนุษย์จึงเป็นเหมือนปมเล็กๆบนเส้นด้ายของกาลเวลา
มนุษย์อาจรู้และจดจำอดีตที่ผ่านมาของตัวเองและของบางคนที่เกี่ยวข้องด้วย แต่ก็เพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนเรื่องอนาคตเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ แต่อนาคตเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ มนุษย์จึงอยากรู้ และด้วยความอยากรู้นี้เองที่ทำให้มนุษย์ตกเป็นเหยื่อของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้รู้อนาคต
ศัพท์บางคำเช่น ดูดวง ผูกดวง แก้เคล็ด ดูชะตา ดูฤกษ์ยามและอื่นๆสารพัดในทำนองนี้จึงเกิดขึ้นมาในอดีตและยังคงอยู่แม้ในยุคดิจิทัล
ในอดีต การดูดวง ดูโชคชะตาด้วยความอยากรู้ในอนาคตต้องอาศัยพวกพ่อมดหมอผีหรือโหรที่มีวิธีการหรือศาสตร์ของตัวเอง เช่น การเสี่ยงทาย การดูลายมือ การดูไพ่ เป็นต้น เมื่อโลกเจริญขึ้น วิธีการใหม่ๆได้ถูกนำมาใช้ให้ดูทันสมัยขึ้น เช่น การหมุนวงล้อ การสแกนลายมือ เป็นต้น
คนที่ไปดูดวง ดูชะตาจึงมักเป็นคนอ่อนแอที่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่มีใครรู้ อ่อนแอจนถึงขนาดไม่กล้าถามถึงดวงหรือชะตาของผู้อ้างตัวว่าเป็นผู้รู้อนาคต
“ดวง” เป็นคำที่ถูกนำมาใช้ในความหมายของโชคในบางครั้ง เช่น ใครที่รอดจากอุบัติเหตุเฉียดตายมักจะถูกบอกว่า “ดวงดี” หรือ “โชคดี” โดยไม่สามารถอธิบายได้ว่า “ดวงและโชค” คืออะไรและใครทำให้เกิดดวง
ความเชื่อในเรื่องดวงหรือโชคชะตาไม่มีในคำสอนของศาสนา คำสอนของอิสลามถือว่าไม่มีใครมีความรู้เรื่องอดีตและอนาคตได้อย่างสมบูรณ์แท้จริงนอกไปจากพระเจ้า
มุสลิมนอกจากจะเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างและทรงควบคุมทุกสิ่งแล้ว ยังต้องเชื่อว่าทั้งสิ่งดีและสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นล้วนมาจากพระเจ้าเพื่อทดสอบความศรัทธาที่มีต่อพระองค์ ดังนั้น ทุกคนต้องยอมรับ ไม่ต่างไปจากสุขกับทุกข์เป็นของคู่กัน พระเจ้าจะให้เกิดขึ้นกับใครเมื่อใดในอนาคตเป็นเรื่องของพระองค์ ไม่มีมนุษย์คนใดรู้ได้
เมื่อยอมรับและเชื่อว่าเรื่องดีและไม่ดีมาจากพระเจ้า คนมุสลิมจึงไม่ไปหาหมอดูหรือไปดูดวง เพราะการเชื่อว่าใครมีคุณสมบัติรอบรู้ถึงอนาคตเหมือนกับพระเจ้า นั่นก็หมายความว่าคนผู้นั้นกำลังตั้งมนุษย์คนหนึ่งให้มีคุณสมบัติเป็นผู้รอบรู้เหมือนพระเจ้า การทำเช่นนื้ถือเป็นบาปใหญ่
ในสมัยนบีมุฮัมมัด ชาวยิวกลุ่มหนึ่งที่มีวิชาไสยศาสตร์อ้างว่าตัวเองรู้อนาคต คนเหล่านี้ทำตัวเป็นหมอดูหากินกับคนไม่มีความรู้ ไม่เพียงเท่านั้น คนเหล่านี้ยังอ้างว่าไสยศาสตร์มาจากนบีสุลัยมานซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าให้อำนาจพิเศษสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตเร้นลับที่เรียกว่า “ญิน” ได้
ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์กุรอานจึงถูกประทานลงมาเพื่อชี้แจงว่าไสยศาสตร์มิได้มาจากนบีสุลัยมาน แต่พระเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์สององค์ชื่อมารูตและฮารูตลงมาสอนผู้คน สอนเสร็จแล้ว ทูตสวรรค์ก็บอกว่าวิชาไสยศาสตร์เป็นสิ่งต้องห้ามและเป็นสิ่งที่จะใช้ทดสอบมนุษย์ว่าจะเชื่อฟังพระองค์หรือไม่ นบีสุลัยมานมิได้เป็นผู้สอนไสยศาสตร์แต่ประการใด
คัมภีร์กุรอานนำเสนอเรื่องราวของนบีสุลัยมานว่าเป็นผู้ได้รับพรจากพระเจ้า มีความสามารถควบคุมญินที่มนุษย์มองไม่เห็นและมันมีความสามารถเหนือมนุษย์ ญินรู้เรื่องความเป็นไปของมนุษย์ แต่เป็นเรื่องในอดีต คนที่มีวิชาติดต่อกับญินจึงรู้ความเป็นไปของใครบางคนจากญิน แต่เป็นเรื่องอดีตที่เอามาหลอกคนที่อยากรู้อนาคตได้
คัมภีร์กุรอานเล่าว่านบีสุลัยมานได้ใช้ญินสร้างวิหารในเมืองเยรูซาเล็มโดยท่านได้สร้างห้องกระจกเป็นสำนักงานควบคุมญินในการก่อสร้าง ระหว่างนั้น นบีสุลัยมานได้เสียชีวิตในขณะยืนถือไม้เท้าค้ำร่างอยู่โดยที่พวกญินไม่รู้ว่าท่านเสียชีวิต จนกระทั่งปลวกกินไม้เท้าของนบีสุลัยมานจนผุ ร่างของนบีสุลัยมานจึงล้มลง ตรงนั้นเองที่พวกญินเพิ่งรู้ว่านบีสุลัยมานเสียชีวิตแล้ว
เรื่องราวตรงนี้ต้องการจะบอกมนุษย์ไห้รู้ว่าแม้แต่ญินที่มีความสามารถ มีความแข็งแกร่งและเคลื่อนที่ได้เร็วกว่ามนุษย์ ยังไม่รู้เลยว่านบีสุลัยมานเสียชีวิตต่อหน้าพวกมัน เมื่อปัจจุบัน พวกญินยังไม่รู้ แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ที่จะไปรู้อนาคต
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
What is "horoscope" and who determines it?
Banjong Bingasan
If time is like a thread The past and the future are like two ends of a thread where humans do not know where it starts and where it ends. The present moment of human beings is like a knot in the thread of time.
Humans may know and remember their own past and that of some of the people involved. But only some As for the future, no one knows. But the future is something that every human has to face. Humans want to know And it is this curiosity that makes humans fall prey to those who claim to know the future.
Some terms such as horoscopes, horoscopes, horoscope fixes, horoscopes, horoscopes, horoscopes, etc. have arose in the past and are still present even in the digital age.
In the past, fortune-telling and fortune-telling with curiosity in the future had to rely on wizards, shamans or astrologers who had their own methods or sciences such as divination, palm reading, card reading, etc. When the world developed New methods have been introduced to make it look more modern, such as spinning the wheel, scanning handwriting, etc.
People who go to fortune-telling often tend to be weak people who are susceptible to future events that no one knows. So weak that he didn't even dare to ask about the fate or fate of those who claimed to know the future.
“Luck” is a word that is sometimes used to mean luck. For example, someone who survives a near-death accident is often said to be “lucky” or “lucky” without being able to explain “luck and luck.” "What is it and who caused it?
Belief in luck or destiny does not exist in religious teachings. Islamic teaching holds that no one has absolute knowledge of the past and future except God.
Muslims, in addition to believing that God is the Creator and Controller of all things, One has to believe that both good and bad things come from God to test their faith in Him, so everyone has to accept it. not different from happiness and suffering belonging to each other Who and when will God make it happen in the future is a matter of Him. no human could know
When accepting and believing that good and bad things come from God Therefore, Muslims do not go to fortune tellers or see fortune telling. because of believing that one possesses the ability to know the future like God That means that one is equipping a human being to qualify as a god-like sage. To do so is a great sin.
during the time of Muhammad A group of Jews with superstition claim to know the future. These people pretend to be fortune tellers who make money with people who don't have knowledge. not only that These people also claimed that the superstition came from Prophet Sulaiman, who was given special power by God to control mystical beings known as 'jinn'.
For this reason, the Quran was revealed to clarify that superstition did not originate from Prophet Sulaiman. But God sent two angels, Marut and Harut, to teach the people. After teaching, the angels said that superstition was forbidden and that it would test people for their obedience to him. Nabi Suleiman was not a teacher of black magic whatsoever.
The Quran presents the story of Prophet Sulaiman as being blessed by God. It has control over jinn that humans cannot see and it has superhuman abilities. The jinn knows what human beings are. But it's a thing of the past. A person who has a connection with jinn knows someone's condition from jinn. But it's the past that can be used to fool people who want to know the future.
The Quran tells that Prophet Sulaiman used jinn to build a temple in Jerusalem, where he built a glass room as a jinn control office in the construction. holding the body without the jinn knowing that he had died until the termites ate the staff of Prophet Sulaiman until it decayed So the body of Prophet Suleiman fell. It was there that the jinn had just learned that the Prophet Sulaiman had died.
This story wants to tell humans that even a capable jinn They are stronger and move faster than humans. Still did not know that Prophet Sulaiman had died in front of them. when present The jinns don't know yet. And let alone human beings who are going to know the future.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น