บรรจง บินกาซัน
มนุษย์มิได้เป็นผู้สร้างชีวิต แต่มนุษย์มีชีวิตขึ้นมาได้เพราะมนุษย์มีวิญญาณที่พระเจ้าให้มา ชีวิตมนุษย์จึงเป็นของพระเจ้า
ไม่เพียงแต่ชีวิตมนุษย์เท่านั้น แม้แต่ชีวิตสัตว์และพืชทั้งหมดก็เป็นของพระเจ้า พระเจ้าสร้างสัตว์ขึ้นมาก็เพื่อให้มนุษย์นำเนื้อ หนัง กระดูกและตัวของมันไปใช้ประโยชน์
ชีวิตคนและสัตว์จึงมีค่าและความหมาย นั่นคือเหตุผลที่คำสอนของทุกศาสนาและกฎหมายจึงห้ามการฆ่าหรือการเอาชีวิตนอกจากจะได้รับการอนุญาตจากพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิต และการทำลายชีวิตต้องได้รับโทษด้วยชีวิตแบบตาแทนตา ฟันแทนฟันตามที่พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิตกำหนดไว้
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไม หากมุสลิมจะนำเนื้อสัตว์ที่พระเจ้าประทานให้มาเป็นอาหาร มุสลิมต้องขออนุญาตต่อพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิตสัตว์ก่อนด้วยการกล่าวว่า “บิสมิลลาฮ์ อัลลอฮุอักบัรฺ” เนื้อของสัตว์นั้นจึงเป็นที่อนุญาต(ฮะลาล)ให้กิน เนื้อของสัตว์ที่เชือดโดยไม่กล่าวนามของพระเจ้าจึงถือว่าเป็นเนื้อต้องห้าม เพราะเนื้อนั้นไม่ต่างอะไรไปจากเนื้อที่ขโมยมา แม้เนื้อนั้นจะเป็นเนื้อไก่หรือเนื้อแพะ เนื้อวัวก็ตาม
ไม่เพียงเท่านั้น การล่าสัตว์เพื่อความสนุกสนาน มิใช่เพื่อนำมาเป็นอาหารก็เป็นที่ต้องห้ามด้วยเช่นกัน เพราะมันเป็นการทำลายชีวิตอย่างไร้วัตถุประสงค์
กฎหมายที่มาจากพระเจ้ากำหนดให้ลงโทษฆาตกรด้วยการประหารชีวิตก็เพื่อรักษาชีวิตอื่นๆมิให้ถูกฆ่าเพราะความต้องการแก้แค้นจากทายาทของผู้ถูกฆ่า บทบัญญัติลงโทษแบบตาแทนตา ฟันแทนฟันนี้มีกล่าวไว้ในโตราห์ที่พระเจ้าประทานแก่โมเสสซึ่งปัจจุบันสามารถพบได้ในคัมภีร์ไบเบิล ฉบับพันธสัญญาเก่า
ด้วยบทลงโทษเช่นนี้ทำให้คนที่คิดจะฆ่าคนอื่นต้องคิดแล้วคิดอีก สังคมจึงปลอดภัย
หลังสมัยของโมเสส เยซัสไครสต์ถูกส่งมายืนยันธรรมบัญญัติเดิมที่พระเจ้าประทานแก่โมเสส นั่นหมายความว่าพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิตอนุญาตให้เอาชีวิตของผู้ทำลายชีวิต
หลังสมัยเยซัสไครสต์ 570 ปี นบีมุฮัมมัดถูกส่งมาเพื่อยืนยันธรรมบัญญัติเดิมที่พระเจ้าประทานแก่โมเสสด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ เพื่อรักษาชีวิต
ในขณะที่นบีมุฮัมมัดปกครองรัฐมะดีนะฮฺด้วยกฎหมายอิสลาม ที่นั่น มีชุมชนชาวยิวอาศัยอยู่ ตามข้อตกลงที่ชาวยิวทำไว้กับนบีมุฮัมมัด หากชาวยิวเกิดกรณีพิพาท ชาวยิวจะให้นบีมุฮัมมัดเป็นผู้ตัดสิน ดังนั้น เมื่อเกิดกรณีทำร้ายร่างกายในหมู่ชาวยิว นบีมุฮัมมัดจะถามผู้รู้ชาวยิวว่ากฎหมายในคัมภีร์ของชาวยิวตัดสินอย่างไรและท่านจะตัดสินไปตามนั้น บทลงโทษในคัมภีร์ของชาวยิวจึงไม่ต่างไปจากบทลงโทษในคัมภีร์กุรอานเพราะมาจากพระเจ้าองค์เดียวกัน บทลงโทษนี้เรียกในภาษาอาหรับว่า “กิศอศ”
อย่างไรก็ตาม บทลงโทษประหารชีวิตฆาตกรตามกฎหมายอิสลามต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งหนึ่งที่กฎหมายอิสลามแตกต่างไปจากกฎหมายที่มนุษย์ร่างขึ้นมาก็คือ หากศาลพิสูจน์ได้แล้วว่าฆาตกรเป็นผู้ฆ่าจริง ศาลจะให้ทายาทผู้ถูกฆ่าเลือกว่าจะให้ศาลศาลตัดสินประหารชีวิตฆาตกรตามกฎ “กิศอศ” หรือจะให้อภัยฆาตกร ถ้าทายาทเลือกให้ศาลใช้กฎ “กิศอศ” ศาลก็ต้องตัดสินประหารชีวิตฆาตกรสถานเดียว เพราะมันเป็นบทบัญญัติของพระเจ้า แต่ถ้าหากทายาทให้อภัย ศาลจะไม่ประหารชีวิตฆาตกร แต่จะใช้ดุลพินิจลงโทษฆาตกรด้วยการจำคุกหรือจ่ายค่าสินไหมแก่ทายาท หรือทั้งสองอย่าง
หลังยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ผู้มีแนวความคิดโลกานิยม(Secularism)ได้ร่างกฎหมายขึ้นมาใช้เองโดยปฏิเสธคำสอนของศาสนา หนึ่งในนั้นคือการยกเลิกบทลงโทษด้วยการประหารชีวิตและใช้คำพูดสวยงามอธิบายว่ากฎหมายลงโทษประหารชีวิตฆาตกรเป็นกฎหมายป่าเถื่อน ไร้ความเมตตา โดยลืมไปว่าความเมตตาต่อฆาตกรนั้นคือทารุณกรรมต่อเหยื่อ
เมื่อมนุษย์ร่างกฎหมายขึ้นมาเองโดยไม่คำนึงถึงพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิต การสังหารชีวิตมนุษย์ก็เริ่มแพร่หลายและรุนแรงมากขึ้น การสังหารหมู่และการเข่นฆ่าประชาชนจำนวนมากที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามรุกรานหลายครั้งทำให้ประเทศมุสลิมเริ่มคิดที่จะหันมาใช้กฎหมายอิสลาม (ชะรีอ๊ะฮฺ) ในขณะที่ชาติมหาอำนาจพยายามจะคัดค้านความคิดดังกล่าว จะด้วยเหตุผลอะไร ผู้อ่านแค่มีสมองเพียงน้อยนิดก็คิดได้
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
In life, you have to think hard.
Banjong Bingasan
Man is not the creator of life. But man comes to life because he has a spirit given by God. Human life is divine.
Not only human life Even all animal and plant life belongs to God. God created animals so that humans could use their flesh, skin, bones, and bodies.
Human and animal lives have value and meaning. That is why the teachings of all religions and laws forbid killing or killing unless authorized by the Lord God of life. And the destruction of life must be punished with an eye for an eye. teeth for teeth as ordained by the Lord of life.
This is the reason why If Muslims will take the meat that God has given them for food. A Muslim must first seek permission from God who owns animal life by saying "Bismillah Allahu Akbar", the meat of that animal is permissible (halal) to eat. The meat of animals that were slaughtered without mentioning the name of God was forbidden. for that meat was no different from stolen meat. Even if the meat is chicken or goat meat beef
not only that hunting for fun Not to be taken as food, it is forbidden as well. Because it was purposeless destruction of life.
The law from God required murderers to be executed in order to save other lives from being murdered for the vengeance of the murdered heirs. eye for eye punishment provisions This replacement tooth is mentioned in the Torah given to Moses by God and can now be found in the Bible. Old Testament
With such punishments, those who want to kill others must think and think again. society is safe
after the time of Moses Jesus Christ was sent to confirm the original law that God gave to Moses. This means that the Lord of life has given permission to take the life of the destroyer of life.
570 years after Jesus Christ, Prophet Muhammad was sent to reaffirm the original law that God gave to Moses for the same purpose: to preserve life.
While Prophet Muhammad ruled Madinah under Islamic law, there lived a Jewish community. According to the agreement that the Jews made with the Prophet Muhammad If the Jews had a dispute The Jews will let the Prophet Muhammad be the judge, so when an assault occurs among the Jews Prophet Muhammad would ask a Jewish scholar how the laws of the Jewish Scriptures were judged and he would judge accordingly. The punishments in the Jewish scriptures are therefore no different from the punishments in the Quran because they come from the same God. This punishment is known in Arabic as “Kisas”.
However, the death penalty for murder under Islamic law must go through the justice system. But one thing Islamic law differs from man-made law is that If the court can prove that the killer is the real killer The court will give the heirs of the murdered a choice whether to let the court sentence the killer to death according to the "Kisas" rules or to pardon the murderer. If the heir chooses the court to use the "Kisas" rule, the court must sentence the murderer to death only. for it is the law of God But if the heir forgives The court will not execute the murderer. But will use discretion to punish the murderer by imprisonment or paying compensation to the heirs or both
post-renaissance arts Secularists created their own laws that rejected the doctrines of religion. One of them is the abolition of the death penalty and using beautiful words explaining that the law to punish murderers is barbarous and merciless, forgetting that mercy for murderers is torture for the victim.
When humans make their own laws regardless of God who owns life The killing of human life is becoming more widespread and violent. Massacres and the killing of large numbers of people who had not participated in several wars of aggression led Muslim countries to consider introducing Sharia law, while the world powers tried to oppose the idea. for what reason Readers with only a small brain can think.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น