หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

สุริยันจันทรากับศาสนกิจ



บรรจง บินกาซัน

ด้วยความอยากรู้ว่ามนุษย์เริ่มมีการนับวันเดือนปีกันอย่างไรและตั้งแต่เมื่อใด เพราะในคัมภีร์กุรอานมีกล่าวไว้ว่าเดือนของพระเจ้ามี 12 เดือน ผมจึงเสาะหาความรู้เรื่องนี้และเมื่อได้มาแล้วก็มาแบ่งปันกัน

เรื่องของการนับวัน เดือน ปี มีบนโลกมนุษย์ใบนี้เท่านั้น และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลกของเรา

ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกทุกวัน  ดวงอาทิตย์จึงเป็นสิ่งบอกวัน  ส่วนดวงจันทร์ขึ้นตอนกลางคืน  แต่ดวงจันทร์ไม่เหมือนดวงอาทิตย์เมื่อปรากฏอยู่บนท้องฟ้า  เพราะดวงจันทร์ค่อยๆปรากฏบนท้องฟ้าทีละนิดในรูปของจันทร์เสี้ยวๆ และขยายตัวใหญ่ขึ้นทุกวันจนเต็มดวงเมื่อครบ 15 วันและหลังจากนั้นก็จะค่อยๆเล็กลงเป็นเวลาประมาณ 14-15 วัน  ปรากฏการณ์เช่นนี้เองที่ทำให้มนุษย์ใช้การโคจรรอบโลกของดวงจันทร์นับเดือน

เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก  ใครๆที่ไหนในโลกนี้ก็สามารถรู้ได้ว่าเดือนใหม่เริ่มต้นเมื่อใดในถิ่นที่อยู่ของตนโดยเฝ้าดูตั้งแต่ดวงจันทร์เต็มดวง  การนับเดือนเช่นนี้เป็นที่มาของปฏิทินจันทรคติที่ใช้กันมาก่อนปฏิทินสุริยคติ

45  ปีก่อนคริสตกาล  จูเลียส ซีซ่าร์ได้สั่งให้ทำปฎิทินสุริยคติที่มี 12 เดือน  ปฏิทินนี้ใช้การโคจรของโลกที่โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นเวลา 365 วันตามด้วยอีกปีหนึ่งที่มี 366 วันซึ่งทำให้เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วันในทุกสี่ปี

ความแตกต่างระหว่างปฏิทินทั้งสองระบบนี้คือ  หนึ่งปีตามปฏิทินจันทรคติจะมี 354 วันกว่าๆ ในขณะที่ปฏิทินสุริยคติหนึ่งปีมี 365 ¼ วัน  และวันใหม่ในปฏิทินจันทรคติจะเริ่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า  ส่วนวันใหม่ตามปฏิทินสุริยคติเริ่มตั้งแต่หลังเที่ยงคืน

ส่วนเรื่องสัปดาห์หนึ่งมีเจ็ดวันมาจากไหน  คำตอบที่พอเข้าใจได้มาจากคัมภีร์ไบเบิลที่กล่าวว่าพระเจ้าสร้างโลกเป็นเวลา 6 วันและพัก 1 วัน  อิสลามไม่ปฏิเสธเรื่องสัปดาห์หนึ่งมีเจ็ดวัน  แต่เราได้รับข้อมูลจากพระเจ้าในคัมภีร์กุรอานว่าพระองค์ไม่ใช่มนุษย์ที่ต้องการวันหยุดทำงาน  ทั้งนี้เพราะพระองค์ไม่มีความเหนื่อยและไม่มีความง่วงเหงาหาวนอนเหมือนมนุษย์

ก่อนหน้าสมัยของนบีมุฮัมมัด  ชาวอาหรับนับเดือนโดยอาศัยดวงจันทร์และปีหนึ่งมีสิบสองเดือน  เดือนที่ 12 (เดือนซุลฮิจญะฮฺ)เป็นเดือนที่ชาวอาหรับจากทุกสารทิศจะมาทำพิธีฮัจญ์ที่รอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺกลางเมืองมักก๊ะฮฺ  ด้วยเหตุนี้ ชาวอาหรับจึงกำหนดให้เดือนที่ 11 และเดือนที่ 1 เป็นเดือนต้องห้ามทำสงครามรบราฆ่าฟัน เพื่อปกป้องคุ้มครองกองคาราวานที่มาทำพิธีฮัจญ์

เมื่อนบีมุฮัมมัดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูตของพระเจ้า  ท่านถูกสั่งให้มาปรับปรุงแก้ไขการปฏิบัติศาสนกิจต่างๆที่พระเจ้ากำหนดไว้  เช่น การทำฮัจญ์ต้องเริ่มทำในวันที่ 8 ของเดือนซุลฮิจญะฮฺ  การนมาซที่เดิมทีในสมัยนั้นมุสลิมหันหน้าไปทางเมืองเยรูซาเล็มได้ถูกเปลี่ยนให้หันไปทางก๊ะอฺบ๊ะฮฺ  ส่วนเรื่องการถือศีลอดให้มุสลิมอดอาหารและน้ำเฉพาะเวลากลางวันโดยเริ่มต้นในวันที่ 1 ของเดือนเราะมะฎอน

ในสมัยนบีมุฮัมมัดยังมีชีวิตอยู่กลางทะเลทราย  การจะรู้ว่าวันที่ 1 ของเดือนเราะมะฎอนเริ่มต้นเมื่อใดต้องอาศัยการเห็นดวงจันทร์เสี้ยวแรกซึ่งเห็นได้ง่าย  ใครเห็นก็แจ้งข่าวว่าวันที่ 1 เดือนเราะมะฎอนเริ่มต้นแล้ว เพียงแค่นั้น มุสลิมที่ทราบข่าวก็กินอาหารเตรียมถือศีลอดก่อนแสงอรุณปรากฏบนขอบฟ้า

หลังสมัยนบีมุฮัมมัด  เมื่ออิสลามขยายกว้างไกลออกไปยังดินแดนต่างๆของโลกทั้งในอาฟริกา ยุโรป  อินเดียและจีน  มุสลิมในดินแดนเหล่านี้จะเริ่มต้นถือศีลอดโดยอาศัยการดูจันทร์เสี้ยวในดินแดนของตัวเองเพื่อความสะดวกง่ายดาย  มุสลิมที่เข้าไปในจีนเมื่อพันปีก่อนหน้านี้หรือมุสลิมในอุษาคเนย์ก็อาศัยการดูจันทร์เสี้ยวในประเทศของตนเพื่อเริ่มต้นเดือนเราะมะฎอนโดยไม่ต้องไปอาศัยการดูจันทร์เสี้ยวในประเทศอื่น

ส่วนในประเทศมุสลิมที่มีมุสลิมเป็นรัฐบาล  คำสั่งจากคัมภีร์กุรอานกำหนดว่าผู้ศรัทธาในพระเจ้า “จงเชื่อฟังอัลลอฮฺและจงเชื่อฟังศาสนทูตของพระองค์และผู้มีอำนาจหน้าที่ในกิจการของพวกท่าน” ซึ่งหมายถึงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง  ดังนั้น  ในประเทศมุสลิมอย่างเช่น ซาอุดิอาระเบีย หรืออียิปต์ การประกาศวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดเดือนเราะมะฎอน หรือวันทำพิธีฮัจญ์จะทำโดยผู้พิพากษาสูงสุดเท่านั้น  ใครจะประกาศเป็นอย่างอื่นถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษอาจถึงขั้นถูกนำตัวไปถือศีลอดในคุกได้  ด้วยเหตุนี้  มุสลิมในประเทศดังกล่าวจึงเริ่มต้นและสิ้นสุดเดือนเราะมะฎอนในวันเดียวกัน



ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน

https://www.facebook.com/Banjong.Binkason




| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |



[ Translate by Google Translate ]

Suriyan Moon and Religion


Banjong Bingasan


Curious to know how and when humans began to count the days, months and years. Because in the Quran it is said that there are twelve months in God's months, I sought out this knowledge and when I came, I shared it.

The matter of counting days, months, years is only in this human world. and all that has to do with the sun our moon and earth

The sun rises and sets every day. So the sun tells the day. The moon rises at night But the moon is not like the sun when it appears in the sky. Because the moon gradually appears in the sky little by little in the form of a crescent moon. And grow larger every day until the moon is full at the end of 15 days and after that it will gradually shrink for about 14-15 days. This phenomenon causes humans to use the moon's orbit around the earth for months.

Because the moon revolves around the earth Anyone anywhere in the world can know when a new month begins in his or her habitat by observing the full moon. This counting of months is the origin of the lunar calendar that predates the solar calendar.

In 45 BC, Julius Caesar ordered a solar calendar with 12 months. This calendar used the earth's 365-day orbit around the sun, followed by another 366-day year, which made the months February has 29 days in every four years.

The difference between these two calendars is A year in the lunar calendar has more than 354 days, while a year in the solar calendar has 365 ¼ days, and a new day in the lunar calendar begins at sunset. The new day according to the solar calendar begins after midnight.

As for the story of a week with seven days, where did it come from? An understandable answer comes from the Bible, which says that God created the world for 6 days and 1 day of rest. Islam does not deny the seven-day week. But we have received information from God in the Quran that He is not a human being who needs a day off from work. This was because he was neither tired nor drowsy like humans.

Before the time of the Prophet Muhammad The Arabs count the months by the moon and the year has twelve months. The 12th month (Dhul-Hijjah) is the month when Arabs from all walks of life come to perform Hajj around the Ka'bah in Makkah. For this reason, the Arabs set the 11th and the 1st months to be forbidden to fight and kill. to protect the caravans that come to perform the Hajj

When Prophet Muhammad was appointed as the Messenger of God He was ordered to revise various religious practices that God has prescribed, for example, the Hajj must begin on the 8th day of Dhul-Hijjah. The prayer that was originally facing the city of Jerusalem was changed to the Ka'bah. As for fasting, Muslims must abstain from food and water only during the day, starting on the 1st day of Ramadan.

In the time of the Prophet Muhammad lived in the desert. Knowing when the first day of Ramadan begins requires sighting the easily visible first crescent moon. Whoever saw it informed the news that the 1st day of Ramadan had begun, and that's all, the Muslims who heard the news ate their fasting food before dawn appeared on the horizon.

After Prophet Muhammad As Islam spread far and wide to various parts of the world including Africa, Europe, India and China. Muslims in these territories begin fasting by observing the crescent moon in their own territories for convenience. Muslims who arrived in China a thousand years ago or Muslims in Southeast Asia rely on the crescent in their own country to start the month of Ramadan without having to rely on the crescent in other countries.

In Muslim countries where Muslims are the government A statement from the Quran stipulates that believers in God “Obey Allah and obey His Messenger and those in authority in your affairs,” which means the authorities concerned. Saudi Arabia or Egypt, announcing the beginning and end of the month of Ramadan or the day of Hajj will only be performed by the supreme judge. Anyone who declares otherwise is illegal. It is punishable to the point of being taken to prison for fasting. For this reason, Muslims in these countries begin and end Ramadan on the same day.



Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation

https://www.facebook.com/Banjong.Binkason

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น