ชีวิตเร้นลับในโลกมนุษย์ (4) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งเร้นลับ

บรรจง บินกาซัน

คัมภีร์กุรอานกล่าวว่าบนโลกใบนี้ไม่ได้มีมนุษย์เพียงเผ่าพันธุ์เดียวอาศัยอยู่  แต่ยังมีสิ่งเร้นลับที่มีชีวิตอีกสองเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ด้วย นั่นคือ ทฺตสวรรค์และญิน  และเนื่องจากเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น  ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ให้นบีมุฮัมมัดมาบอกความจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้

ทูตสวรรค์(มลาอิก๊ะฮฺ) ถูกสร้างจากแสงสว่าง  เชื่อฟังพระเจ้า  ไม่มีเจตนารมณ์เสรี  ไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่มีความต้องการทางเพศ  ทูตสวรรค์มีปีกและอาศัยอยู่ในท้องฟ้า  มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน  มีภารกิจต้องทำตามคำบัญชาของพระเจ้าและแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้เมื่อพระเจ้าอนุมัติ

ส่วนญินถูกสร้างมาจากไฟ  กินกระดูกเป็นอาหาร  มีเจตนารมณ์เสรี ดังนั้น ญินจึงมีทั้งดีและชั่ว  ญินมีทั้งเพศหญิงและเพศชาย  อาศัยอยู่ตามโพรงหรือรู  สุสาน  กองขยะ ห้องน้ำ ญินสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลานและสุนัขดำ ที่สำคัญคือมนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารและใช้งานญินได้

นบีมุฮัมมัดได้รับความรู้เรื่องสิ่งเร้นลับที่กล่าวมา  แต่เมื่อถูกถามเรื่องวิญญาณ  ท่านตอบตรงๆว่าท่านไม่มีความรู้ในเรื่องนี้  ความรู้เรื่องวิญญาณอยู่ที่พระเจ้า  ถ้าพระองค์ไม่ประทานให้  ท่านก็ไม่รู้  ดังนั้น ทุกวันนี้จึงไม่มีมนุษย์คนใดมีความรู้เรื่องวิญญาณว่าถูกสร้างมาจากอะไร

คัมภีร์กุรอานบอกให้เรารู้ว่ามนุษย์บางคนเคยพบทูตสวรรค์ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์  มนุษย์บางคนสามารถติดต่อสื่อสารกับญินและควบคุมญินไว้ใช้งานได้

ผู้ที่เคยพบทั้งซาตานและทูตสวรรค์คือนบีอิบรอฮีม  ซาตานมาปรากฏตัวต่อหน้านบีอิบรอฮีมถึงสามครั้งเพื่อล่อลวงไม่ให้ท่านเชือดพลีอิสมาอีลลูกชายของท่านตามคำบัญชาของพระเจ้า  แต่ด้วยความศรัทธาในพระเจ้าอย่างมั่นคง  ท่านจึงเอาหินขว้างซาตานจนมันหนีไปและไม่กลับมาอีก ต่อมา  การขว้างหินใส่ซาตานได้เป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งในการทำฮัจญ์

นบีอิบรอฮีมเคยพบทูตสวรรค์ที่พระเจ้าส่งมาในรูปของชายหนุ่มรูปงามสามคนเพื่อไปทำลายเมืองโซดอมและแจ้งข่าวดีแก่ท่านในเรื่องการมีบุตรคนที่สองคืออิสฮากที่จะเกิดขึ้นกับนางซาราห์ภรรยาคนแรก

นบีที่ขึ้นชื่อที่สุดในเรื่องญินคือนบีสุลัยมาน(หรือโซโลมอน)ซึ่งพระเจ้าได้ให้อำนาจพิเศษหลายอย่าง เช่นรู้ภาษาของสัตว์  ควบคุมลมให้พัดตามที่ท่านต้องการและมีอำนาจในการควบคุมญินให้ทำงาน เช่น ดำน้ำเพื่อนำปะการังขึ้นมา  เนื่องจากญินมีพลังและความสามารถในการเคลื่อนที่ได้เร็ว นบีสุลัยมานจึงใช้ญินตนหนึ่งชื่ออีฟรีตไปนำบัลลังก์ของราชินีชีบาจากเยเมนมาให้ท่านขณะที่ราชินีชีบาออกจากอาณาจักรมุ่งหน้ามาพบท่านที่เมืองเยรูซาเล็มเมืองหลวงของอาณาจักรอิสราเอล

คัมภีร์กุรอานเล่าว่า  ในบั้นปลายชีวิต  นบีสุลัยมานได้ใช้พวกญินสร้างวิหารหลังแรกโดยท่านควบคุมการก่อสร้างในห้องกระจกที่ท่านสร้างขึ้น  วิหารหลังนี้ตั้งอยู่ในบริเวณมัสญิดอัลอักซอในปัจจุบัน  แม้จะถูกทำลายไปหลังสมัยนบีสุลัยมาน  แต่ศิลารากฐานที่เป็นหินก้อนมหึมายังคงอยู่เป็นหลักฐานที่ทำให้ชวนคิดว่ามนุษย์ธรรมดาจะตัดและลากหินขนาดมหึมาขนาดนั้นมาได้อย่างไร

หลังสมัยนบีสุลัยมาน  อาณาจักรอิสราเอลถูกทำลายโดยอาณาจักรบาบิโลน  ระหว่างที่ถูกกวาดต้อนไปอยู่ในบาบิโลน  พวกลูกหลานอิสราเอลหลงลืมความศรัทธาในพระเจ้าและหมกมุ่นอยู่กับเรื่องไสยศาสตร์เพื่อใช้ความรู้ในเรื่องนี้ทำมาหากินโดยเฉพาะการทำให้สามีภรรยาเกิดความแตกแยกกัน  

ในสมัยของนบีมุฮัมมัด  ชาวยิวอ้างว่าไสยศาสตร์มาจากนบีสุลัยมาน  ดังนั้น  เพื่อปกป้องนบีสุลัยมานให้พ้นจากคำกล่าวหาของชาวยิว  พระเจ้าจึงได้กล่าวไว้ในคัมภีร์กุรอานว่าพระองค์เองได้ให้ฮารูตและมารูตทูตสวรรค์สององค์แปลงร่างมาเป็นมนุษย์และสอนวิชาไสยศาสตร์ให้ชาวยิว  แต่ก่อนจะสอน  ฮารูตและมารูตได้บอกผู้มาเรียนอย่างชัดเจนว่าวิชาไสยศาสตร์นี้เป็นการทดสอบจากพระเจ้า อย่าได้นำมันไปใช้  แต่ซาตานได้ยุยงให้ชาวยิวนำไปใช้

สำหรับนบีมุฮัมมัดนั้น  ทูตสวรรค์ญิบรีลได้มาพบท่านโดยตรงพร้อมกับการนำวจนะแรกของพระเจ้ามาให้ท่านในถ้ำบนภูเขาแห่งหนึ่งขณะที่ท่านมีอายุ 40 ปี  หลังจากนั้น  ท่านได้เห็นการปรากฏตัวของญิบรีลในฟากฟ้าและในรูปของชายที่แต่งกายด้วยชุดขาวสะอาดมาถามท่านเกี่ยวกับอิสลามเพื่อทดสอบความรู้ของท่าน  ไม่เพียงเท่านั้น  ทุกเดือนเราะมะฎอน ทูตสวรรค์ญิบรีลจะลงมาพบนบีมุฮัมมัดเพื่อทบทวนการอ่านกุรอานของท่านว่าถูกต้องหรือไม่

ในขณะที่นบีมุฮัมมัดยังมีชีวิต  มีญินกลุ่มหนึ่งได้มาพบท่านและเกิดความศรัทธาจากการฟังท่านอ่านกุรอาน  และญินกลุ่มนี้ได้ไปเชิญชวนญินอื่นๆให้หันมาศรัทธาด้วย

ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]

Mysterious life in the human world (4)
Interaction between humans and the unseen

Banjong Bingasan

The Quran says that there is not a single human race in this world. But there are also the mystical beings inhabited by two other races, the Heavens and the Jinn. And because it is invisible, so God sent Prophet Muhammad to tell the truth and details about this matter.

Angels (angels) are made of light. obey god No free will, no eating, no drinking, no lust. Angels have wings and live in the sky. There are countless numbers. There is a mission to obey God's command and be able to transform into human form with God's approval.

Jinn was created from fire. eat bones have free will, therefore, jinns are both good and evil. Jinns are both female and male. Living in burrows or holes, cemeteries, garbage heaps, toilets, Jinn can transform into humans, birds, reptiles and black dogs. Importantly, human beings can communicate and use jinn.

Prophet Muhammad received knowledge of the above mentioned secrets. But when asked about the spirit He answered honestly that he had no knowledge in this matter. The knowledge of spirits rests with God. If He does not give it to you, you do not know. Therefore, today no man has knowledge of what the soul is made of.

The Quran tells us that some human beings have encountered angels who incarnated human bodies. Some human beings are able to communicate with jinn and control jinn for use.

The one who met both Satan and the angel was the Prophet Ibrahim. Three times Satan appeared before the Prophet Ibrahim to tempt him not to sacrifice his son Ishmael at God's command. but with firm faith in God He then stoned Satan until he fled and never came back. Later, stoning at Satan became one of the rituals of Hajj.

Ibrahim once met an angel sent by God in the form of three handsome men to destroy Sodom and gave him the good news of the birth of a second son, Isaac. with his first wife Sarah

The most famous prophet in jinn is Sulaiman (or Solomon), to whom God has given special powers. such as knowing the language of animals Control the wind to blow as you wish and have the power to control the jinn to perform tasks such as diving to bring up coral. Because the jinn has the power and ability to move quickly. Suleiman then sent a jinn named Ifrit to bring him the throne of Queen Sheba from Yemen while Queen Sheba left the kingdom to meet him in Jerusalem, the capital of the Kingdom of Israel.

The Quran says at the end of life Prophet Suleiman used the Jinn to build the first temple by supervising the construction in the glass chamber he built. This temple stands on the site of the present-day Masjid Al-Aqsa. although it was destroyed after the reign of Prophet Sulaiman But the colossal foundation stone remains, evidence suggesting how mere mortals could cut and drag such colossal stones.

After Nabi Sulaiman The kingdom of Israel was destroyed by the kingdom of Babylon. while being carried away in Babylon The children of Israel lost their faith in God and became obsessed with superstition to use their knowledge of it to make a living, especially to cause a split between husband and wife.

during the time of the Prophet Muhammad Jews claim that superstition comes from Prophet Sulaiman. God thus states in the Quran that He Himself had Harut and Marut, two angels, transformed into human beings and taught the Jews sorcery, but before he could teach Harut and Marut. Clearly tell the learner that this superstition is a divine test. don't use it But Satan incited the Jews to use them.

for that Prophet Muhammad The angel Gabriel met him directly, bringing the first words of God to him in a cave on a mountain when he was forty years old. Dressed in white clothing, he asked him about Islam to test his knowledge. not only that Every Ramadan month The angel Gabriel will come down to meet Bih Muhammad to review whether his recitation of the Quran is correct or not.

While Prophet Muhammad was alive A group of jinns met him and gained faith by listening to him read the Quran. And this group of jinns invited other jinns to turn to their faith as well.

Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason