หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

มหกรรมบันเทิงของคนเถื่อน

มหกรรมบันเทิงของคนเถื่อน


บรรจง บินกาซัน
หลายศตวรรษที่ผ่านมา ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้มนุษย์มีความเจริญก้าวหน้า มีความกินดีอยู่ดีเพราะสิ่งอำนวยความสะดวกนานัปการ แต่ตลอดเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา ความรู้ทางประวัติศาสตร์ได้บอกเราเช่นกันว่าวิทยาศาสตร์ไม่ได้ทำให้ชีวิตทางด้านจิตวิญญาณของมนุษย์สูงส่งหรือเจริญก้าวหน้าตามทันวิทยาศาสตร์ได้เลย



แม้มนุษย์จะสร้างอารยธรรมทางวัตถุไว้สูงส่ง แต่สัญชาติญาณโหดแห่งความเป็นสัตว์ของมนุษย์ยังคงอยู่เหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือวิธีการและเครื่องไม้เครื่องมือเท่านั้น

ในยุคที่อาณาจักรโรมันรุ่งเรือง ความบันเทิงของชาวโรมันคือการต่อสู้เอาชีวิตกันระหว่างคนกับคนที่เรียกกันว่า “แกลดิเอเตอร์” และระหว่างคนกับสัตว์ร้าย เช่น หมี หรือสิงโต โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่เคยเป็นศัตรูบาดหมางกันมาก่อน ใครที่แข็งแรงกว่าและเหนือกว่า คนผู้นั้นก็รอด การต่อสู้และการสังหารกันดังกล่าวนี้กระทำกันในเวทีที่มีชาวโรมันมาดูกันเป็นความบันเทิง เมื่อการต่อสู้จบลงด้วยการที่ฝ่ายหนึ่งสังหารคู่ต่อสู้ เสียงปรบมือจากผู้ดูจะดังกระหึ่มไปทั่วสนาม

หลังจากอาณาจักรโรมันล่มสลายเป็นการชดใช้บาปไปส่วนหนึ่ง โลกเจริญขึ้นมาบ้าง ความบันเทิงจากการต่อสู้กันระหว่างคนกับคนเพื่อเอาชีวิตกันถูกชาวโลกประณามว่าเป็นความโหดร้ายและได้สิ้นสุดลง แต่ความบันเทิงจากความเหี้ยมโหดของชาติมหาอำนาจตะวันตกยังไม่หมดไปจากสันดาน สเปนจัดกีฬาสู้วัวกระทิงขึ้นมาเป็นความบันเทิงและถูกประณามว่าเป็นความเหี้ยมโหดโดยแท้จริง เพราะถึงจะดุดันอย่างไร วัวกระทิงก็ไม่สามารถเอาชนะมาทาดอร์ที่มีทั้งดาบและผู้ช่วยที่จะรุมฆ่ามันทั้งในยามที่มาทาดอร์ชนะและเพลี่ยงพล้ำ

ที่สำคัญคือ วัวกระทิงไม่ได้คิดที่จะทำร้ายมนุษย์ มันเป็นสัตว์ที่รักสงบ แต่มนุษย์ต่างหากที่ไปยั่วยุให้มันโกรธด้วยการทำให้มันหิว ทำให้มันบาดเจ็บด้วยการใช้หอกทิ่มแทงและยั่วให้มันโมโหก่อนเข้าสู่สนามให้มนุษย์ใจโหดสังหารเพื่อความบันเทิง

ความกระหายที่จะไล่ล่าและฆ่าฝ่ายที่อ่อนแอกว่าในสันดานของมนุษย์ยังสามารถเห็นได้จากกีฬาล่าสัตว์ในประเทศผู้ดีอังกฤษที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินในอาณานิคมของตนเอง เมื่อถึงฤดูล่าสัตว์ พวกผู้ดีอังกฤษจะถือปืนขี่ม้าโดยใช้ฝูงสุนัขหลายสิบตัวนำหน้าไล่ต้อนสัตว์ที่อ่อนแอไม่มีทางสู้อย่างเช่นไก่ป่า กระต่ายและเก้งให้เจ้านายของมันได้ยิงเพื่อความสนุกสนาน หลังจากนั้นมันก็จะคาบสัตว์ที่ถูกสังหารมาให้เจ้านายของมัน

มองดูกีฬามหาโหดที่เป็นความบันเทิงของมนุษย์พันธุ์ซาดิสต์ดังกล่าวแล้วได้แง่คิดอะไรบางอย่าง อารยธรรมตะวันตกสร้างกีฬาเหล่านี้ไว้เพื่อทำให้มนุษย์รู้สึกว่าผู้เข้มแข็งกว่าเท่านั้นที่อยู่รอดและทำให้มนุษย์ไม่รู้สึกสะเทือนใจใดๆเมื่อเห็นผู้อ่อนแอกว่าถูกกระทำทารุณกรรม ไม่ต่างอะไรไปจากเก้งกวางที่ยืนนิ่งเฉยมองเพื่อนร่วมฝูงของมันถูกสิงโตขย้ำคออยู่ข้างหน้าและมันไม่สามารถตะโกนคำว่า “โอเล่” ได้เหมือนคนเห็นวัวกระทิงถูกมาธาดอร์สังหาร

ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบการต่อสู้ด้วยแล้วจะเห็นได้ว่ายิ่งมนุษย์มีอาวุธดีขึ้น คู่ต่อสู้ของมนุษย์ยิ่งอ่อนแอกว่าอย่างเปรียบเทียบกันไม่ได้

ในคาบสมุทรอาหรับเมื่อพันกว่าปีก่อนก็มีการต่อสู้ในลักษณะแกลดิเอเตอร์เหมือนสมัยโรมันเช่นกัน แต่การต่อสู้ของชาวอาหรับจะกระทำกันในยามสงครามเท่านั้น มิได้ทำไปเพื่อความบันเทิง กล่าวคือ เมื่อกองทัพชาวอาหรับสองเผ่าเผชิญหน้ากันในสนามรบ ประเพณีการทำสงครามของชาวอาหรับจะเริ่มต้นด้วยการที่สองฝ่ายจะส่งนักรบฝีมือดีของตนออกไปประกบคู่ต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวก่อน ถ้านักรบฝีมือดีของฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำถูกฆ่าตายในการต่อสู้ พลพรรคที่ติดตามมาจะสู้ต่อหรือจะถอยก็ตัดสินใจกันเอาเอง

นี่เป็นประเพณีของชาวอาหรับที่อาณาจักรโรมันในยุคนั้นมองว่าเป็นคนเถื่อน กักขฬะและหยาบช้าล้าหลัง

นั่นคือเหตุผลที่ว่าเมื่อประธานาธิบดียอร์จ ดับเบิลยู บุช หาเรื่องกล่าวเท็จว่าประธานาธิบดี ซัดดัม ฮุสเซน สะสมอาวุธร้ายแรงเพื่อเป็นเหตุผลในการโจมตีอิรัก ซัดดัม ฮุสเซนจึงออกมาร้องท้ายอร์จ ดับเบิลยู บุช ให้ออกมาดวลปืนกับเขาแบบตัวต่อตัวให้ด่าวดิ้นกันไปข้างหนึ่งเพื่อที่คนส่วนใหญ่จะได้ไม่เดือดร้อน แต่ซัดดัมไม่ใช่วัวกระทิง และยอร์จ บุชก็มิใช่แกลดิเอเตอร์ เขาจึงไม่รับคำท้า แต่เขาทำกับอิรัก อัฟกานิสถานและประเทศอื่นๆเหมือนกีฬาสู้วัวในสเปนและกีฬาล่าสัตว์แบบผู้ดีอังกฤษ

ขณะนี้ กีฬารุมฆ่าวัวในสเปนกำลังถูกกลุ่มพิทักษ์สิทธิของสัตว์เรียกร้องให้มีการยกเลิกและมีผู้คนเห็นด้วยมากมายจนในบางประเทศอย่างเช่นเม็กซิโกได้ปิดสนามรุมฆ่าวัวไปแล้ว สเปนก็กำลังจะปิดสนามรุมฆ่าวัวในไม่ช้านี้

แต่นั่นมิได้หมายความว่ากีฬาซาดิสต์จะหมดไป เพราะโลกกำลังกลายเป็นสนามต่อสู้ระหว่างชาติที่อ่อนแอกับชาติที่แข็งแรงกว่าและมีจำนวนมากกว่าเข้ามาแทนโดยมีการถ่ายทอดสดให้คนทั่วโลกนั่งดูหน้าจอโทรทัศน์ที่บ้านอย่างที่สหรัฐทำกับอิรักและอัฟกานิสถานเมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน

ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือฝ่ายที่แข็งแรงกว่ารุมทำร้ายฝ่ายอ่อนแอในนามของสันติภาพและสิทธิมนุษยชน แต่เมื่อผู้ถูกทำร้ายลุกขึ้นต่อสู้ พวกเขากลับถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย



ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น