การกลับสู่ยุโรปของอิสลาม
ไม่เป็นเรื่องน่าแปลกแต่ประการใดที่ผลสำรวจจะออกมาเช่นนั้นยิ่งหากมองจากทางประวัติศาสตร์
อิสลามเคยเข้าไปในคาบสมุทรไอบีเรียซึ่งเป็นที่ตั้งของสเปนและโปรตุเกสในปัจจุบันเมื่อศตวรรษที่ 8 และมุสลิมเคยสร้างอาณาจักรอันดะลุสที่เป็นอู่อายธรรมแห่งหนึ่งของโลกจนถึงศตวรรษที่ 15 ต่อมา อาณาจักรออตโตมานเคยขยายอาณาเขตการปกครองไปถึงอัลบาเนีย บอสเนีย ฮังการี ออสเตรียและโปแลนด์ทางยุโรปตะวันออก
ค.ศ.1429 อาณาจักรอันดะลุสล่มสลาย มุสลิมและชาวยิวถูกกองทัพสเปนและพันธมิตรยุโรปบีบบังคับให้เลือกทางออกสามทาง คือ ออกไปจากสเปน หรือหันมารับนับถือศาสนาคริสต์หรือไม่ก็ตาย
ไม่ว่าจะเลือกทางใด ผลสุดท้ายก็คือสเปนไม่มีมุสลิมหลงเหลืออยู่ทั้งๆที่เมื่อประมาณหนึ่งพันปีก่อนหน้านี้เฉพาะในเมืองคอร์โดบาซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอันดะลุสมีประชากรมุสลิมอาศัยอยู่ประมาณห้าแสนคน
ค.ศ.1918 เมื่ออาณาจักรออตโตมาน พันธมิตรของเยอรมันพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 อาณาจักรออตโตมานจึงมีอันต้องล่มสลาย แผ่นดินในยุโรปตะวันออกที่อยู่ภายใต้การปกครองโดยเคาะลีฟะฮฺที่อิสตันบูลได้กลายเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยในเครือของยุโรป
สถานการณ์ในเวลานั้นชวนให้ผู้คนคิดว่าแผ่นดินยุโรปคงไม่มีประชากรมุสลิมหลงเหลืออยู่แล้ว แต่เมื่อย้อนลึกไปศึกษาประวัติศาสตร์ แผ่นดินไอยคุปต์หรืออียิปต์โบราณเคยถูกปกครองโดยนบียูซุฟมาก่อน แต่หลังสมัยนบียูซุฟ แผ่นดินไอยคุปต์ได้ถูกชาวอียิปต์พื้นเมืองโค่นอำนาจและลูกหลานอิสราเอลซึ่งเป็นมุสลิมผู้หลงผิดได้พากันอพยพออกมาจากอียิปต์ภายใต้การนำของโมเสสจนแทบจะไม่เหลือ แต่วันนี้ ประชากรส่วนใหญ่ของอียิปต์เป็นมุสลิม
เมื่อเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นในอียิปต์ ทำไมมันจะเกิดขึ้นในประเทศอื่นไม่ได้หากพระเจ้าประสงค์ อินโดนีเซียซึ่งแต่เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรพราหมณ์ฮินดู แต่ในตอนนี้ ประชากรส่วนใหญ่ของอินโดนีเซียเป็นมุสลิมโดยมิได้ถูกบังคับด้วยดาบแต่ประการใด
หลังอาณาจักรอันดะลุสล่มสลายไม่นาน ยุโรปได้เข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ชาวยุโรปได้เริ่มนับถือวิทยาศาสตร์แทนศาสนาและนับถือนักวิทยาศาสตร์เหมือนศาสดาที่พูดความจริง ชาร์ลส ดาร์วิน บอกว่ามนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากลิง ชาวยุโรปก็เชื่อ เมื่อมอลธัสบอกว่ามีลูกมากจะยากจน ชาวยุโรปก็เริ่มเชื่อและคุมกำเนิดกัน ประชากรในยุโรปจึงลดลงซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการแรงงาน ดังนั้น ในสเปนปัจจุบันจึงมีชาวมุสลิมจากโมรอคโคซึ่งเป็นประเทศฝั่งตรงข้ามทะเลเมดิเตอเรเนียนเข้าไปทำงานในสเปนกันมากขึ้น
แม้ในสเปนจะไม่มีมัสญิดมากมายเหมือนในสมัยอาณาจักรอันดะลุส แต่ในกรุงมาดริดเมืองหลวงของสเปนก็มีศูนย์กลางอิสลามที่มีพื้นที่ละหมาดสำหรับมุสลิม มีส่วนที่แสดงนิทรรศการสำหรับคนที่สนใจศึกษาอิสลาม และสถานที่แห่งนี้เป็นที่ต้อนรับผู้หันมาเข้ารับอิสลามซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเมืองเซบีญาและกรานาดาถึงแม้ไม่มีมัสญิดใหญ่โตเหมือนในสมัยอาณาจักรอันดะลุส แต่ก็มีอาคารที่ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับนมาซวันศุกร์ของชาวมุสลิม
เนเธอร์แลนด์เคยไปยึดอินโดนีเซียเป็นเมืองขึ้นของตนเพื่อแสวงหาทรัพยากรและเผยแผ่ศาสนาคริสต์ เมื่อยึดแล้วก็นำชาวอินโดนีเซียมาเป็นแรงงานในประเทศของตนตามประสานักล่าอาณานิคม ทุกวันนี้ ผลสำรวจประชากรปรากฏว่าชาวเนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่ไม่มีศาสนา แต่ในจำนวนประชากรที่นับถือศาสนานั้นส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมและในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวอินโดนีเซีย โบสถ์หลายแห่งถูกซื้อมาดัดแปลงเป็นมัสญิด
เมื่อเยอรมันแพ้สงครามโลกและต้องบูรณปฏิสังขรณ์ประเทศของตน เยอรมันจึงต้องการแรงงาน แน่นอน ในฐานะตุรกีเป็นพันธมิตรร่วมรบ เยอรมันจึงต้อนรับแรงงานชาวตุรกีที่เป็นมุสลิมนับแสนคนเข้าไปทำงานในประเทศของตน ทุกวันนี้ เยอรมันจึงมีชาวตุรกีนับล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศ แม้ชาวตุรกีส่วนหนึ่งจะถูกสังคมตะวันตกในเยอรมันหล่อหลอมให้ดำเนินชีวิตแบบตะวันตก แต่มุสลิมชาวตุรกีส่วนใหญ่ก็ยังสามารถดำรงรักษาความศรัทธาในอิสลามของตนไว้อย่างเหนียวแน่น
อังกฤษนำชาวอินเดียและปากีสถานส่วนนึ่งไปเป็นแรงงานในประเทศของตนหลังจากยึดอินเดียไว้เป็นอาณานิคม ปัจจุบัน ชาวมุสลิมอินเดียและปากีสถานส่วนหนึ่งซึ่งเป็นพลเมืองอังกฤษไปแล้วได้แพร่ลูกออกหลานจนมีบางคนบอกว่าไม่ช้ากรุงลอนดอนอาจจะถูกเรียกว่า “ลอนดอนนิสถาน”ก็ได้ เมื่อไม่นานมานี้ ทารกเกิดใหม่ถูกตั้งชื่อว่า "มุฮัมมัด" มากที่สุด
เมื่อเร็วๆนี้ นายวลาดิมีร์ ปูตินก็เพิ่งไปเปิดมัสญิดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในกรุงมอสโคว์
วันนี้ ชาติยุโรปกำลังเร่งเพิ่มประชากรมุสลิมในทวีปของตนโดยการโจมตีประเทศมุสลิมใน
ตะวันออกกลาง ทำให้ชาวมุสลิมในประเทศที่ถูกโจมตีพากันอพยพเข้าไปยังประเทศต่างๆในยุโรปที่เจริญก้าวหน้า แต่ขาดศาสนา ดังนั้น ไม่ช้านี้ ชาวมุสลิมที่อพยพไปยังยุโรปจะนำอิสลามไปสู่ที่นั่น
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น