ฮิญาบของชาวคัมภีร์(ยิวและคริสเตียน)
สังคมในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปทุกขณะไม่หยุดนิ่ง เหมือนน้ำที่ไหลไปแล้วโดยไม่ย้อนกลับมาจนกระทั่งอารยธรรม แนวความคิดและอุดมการณ์ต่างๆจากทุกสารทิศ ต่างถาโถมเข้าหากัน หากชาติไหนเด่น หรือมีอำนาจมากกว่า ทั้งในด้านธุรกิจ ด้านการเมือง การค้าหรือด้านอื่น ๆ ชาตินั้นก็จะกลายเป็นที่นิยมชมชอบ ไปโดยปริยาย ยิ่งหากเรามองถึงสังคมไทยในปัจจุบันแล้ว
แฟชั่นการแต่งกายแบบเทรนญี่ปุ่นเกาหลีกำลังเป็นที่ฮิตนิยมกัน แต่หากเรามองถึงอิสลามยังมีมุสลีมะฮฺที่ยังคงยึดมั่นในหลักการ ที่ยังปิดหน้าคลุมหิญาบ ซึ่งท้าทายกระแสสังคมในปัจจุบัน แม้กระทั้งหากสตรีมุสลีมะฮฺเหล่านี้
เดินผ่านกลุ่มวัยรุ่นก็จะดูเหยียดหยามทางสายตาว่า เชยหรือล้าสมัย ไม่ตามสมัยนิยม แต่หากเรามาพิจารณาสักนิดในเรื่องของหิญาบ มันมิได้เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่อิสลามได้มอบของขวัญชิ้นสำคัญ ให้กับบรรดาสตรีหรอก แต่ทว่ามันคือสิ่งที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิม แม้กระทั่งในหมู่ของชาวคำภีร์ คือ ยิวและคริสต์เตียน ก็ตาม
ดั่งปรากฏในบทปฎมกาล (24 : 64-65) “เรเบคาร์เงยหน้าขึ้น เมื่อแลเห็นอิสอัค (อิสฮาก) นางก็ลงจากอูฐ เพราะนางได้พูดกับคนใช้นั้นว่า “ชายคนโน้นที่กำลังเดินผ่านทุ่งนามาหาเรานั้นคือใคร” คนใช้นั้นตอบว่า “นายของข้าพเจ้าเอง” นางจึงหยิบ ผ้าคลุมหน้ามาคลุม
และในวรรคที่ 38:13 “มีคนมาบอกนางทามาร์ว่า "ดูเถิด พ่อสามีของเจ้าไปบ้านทิมนาทจะตัดขนแกะ" 38:14 “นางจึงผลัดเสื้อสำหรับหญิงม่ายออกเสีย เอา ผ้าคลุมหน้า ห่มตัวไว้ไปนั่งอยู่ที่สถานที่กลางแจ้ง ริมทางที่จะไปบ้านทิมนาท ด้วยนางเห็นว่าเช-ลาห์โตขึ้นแล้ว แต่นางยังมิได้เป็นภรรยาของเขา” 38:15 “เมื่อยูดาห์เห็นนางก็คิดว่าเป็นหญิงโสเภณี เพราะนางได้เอา ผ้าคลุมหน้า ไว้”
นี่คือตัวอย่างเพียงเล็กน้อยจากคำภีร์ใบเบิ้ลในเรื่องของการคลุมหิญาบ ของชาวคำภีร์ว่ามันมิได้มีเฉพาะศาสนาอิสลามเท่านั้น เพื่อหยิบยกมาให้หนุ่มสาววัยรุ่นยุคใหม่ที่นิยมคลั่งไคล้ในวัตนธรรมของต่างชาติได้คุร่นคิด โดยที่พวกเขาเหล่านั้นปฏิเสธการคลุมหิญาบของสตรีมุสลีมะฮฺ แต่กลับไป นิยมชมชอบเลียนแบบพฤติกรรมชนชาติอื่น แม้กระทั้งคู่บ่าวสาวบางครั้งก็นิยมเข้าโบสถ์ในพิธีแต่งงาน แบบศาสนาคริสต์ แต่หารู้ไม่เจ้าสาวที่ใส่ชุดแต่งงาน สวยหรูแล้วมีผ้าผืน บางๆเล็กๆปิดหน้าอยู่นั้น นั่นแหละคือสิ่งที่หลงเหลือให้เห็นอยู่ของศาสนาคริสต์ ซึ่งอิสลามเรียก มันว่า “หิญาบ” แต่พวกเขาก็ไม่รู้
#ฮิญาบของศาสนายูดาย
วิลล์ ดิวแรนท์ (Will Durant) (1885-1981) นักประวัติศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงชาวอเมริกันเขียนไว้ว่า
"ถ้าสตรีชาวยิวคนหนึ่งไม่ปฏิบัติตามกฎต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น เธอออกไปบนท้องถนนหรืออยู่ต่อหน้าชายอื่นโดยไม่คลุมศีรษะ หรือแม้แต่เสียงของเธอได้ยินไปถึงชายอื่นหรือเพื่อนบ้าน ในกรณีนี้ สามีของเธอมีสิทธิ์ที่จะหย่าเธอได้โดยไม่ต้องมอบสินเดิมแก่เธอ"
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ชัดว่ากฎการคลุมศีรษะในศาสนายิวค่อนข้างรุนแรงเมื่อเปรีบเทียบกับกฎของอิสลาม
#การคลุมฮิญาบในคัมภีร์ไบเบิ้ล
คัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวถึงการคลุมฮิญาบอย่างชัดเจน ถือเป็นกฎชารีอะฮ์เลยก็ว่าได้ ดังที่ได้ปรากฎใน New Testament (พันธะสัญญาฉบับใหม่),1 CORINTHIANS (พระธรรม 1 โครินธ์ ฉบับที่ 11 วรรคที่ 5-10
แต่หญิงทุกคนที่กำลังอธิษฐานหรือพยากรณ์ ถ้าไม่คลุมศีรษะ ก็ทำความอัปยศแก่ศีรษะ เพราะเหมือนกับว่านางได้โกนผมเสียแล้ว,เพราะถ้าผู้หญิงไม่ได้คลุมศีรษะ ก็ควรจะตัดผมเสีย แต่ถ้าการที่ผู้หญิงจะตัดผมหรือโกนผมนั้นเป็นสิ่งที่น่าอับอาย จงคลุมศีรษะเสีย,เพราะการที่ผู้ชายไม่สมควรจะคลุมศีรษะนั้น ก็เพราะว่าผู้ชายเป็นพระฉายาและสง่าราศีของพระเจ้า ส่วนผู้หญิงนั้นเป็นสง่าราศีของผู้ชาย,เพราะว่าพระองค์ไม่ได้ทรงสร้างผู้ชายจากผู้หญิง แต่ได้ทรงสร้างผู้หญิงจากผู้ชาย, และไม่ได้ทรงสร้างผู้ชายไว้สำหรับผู้หญิง แต่ทรงสร้างผู้หญิงไว้สำหรับผู้ชาย, ด้วยเหตุนี้เอง ผู้หญิงจึงควรจะเอาสัญญลักษณ์แห่งอำนาจนี้คลุมศีรษะ เพราะเห็นแก่พวกทูตสวรรค์
เป็นที่ชัดเจนว่าศาสนาคริสต์ไม่ใช่แค่ส่งเสริมแต่ยังบังคับใช้ในเรื่องของการคลุมศรีษะ อันเนื่องมาจากเพื่อเป็นการสำรวมสำหรับบรรดาสตรี แต่ผลที่ปรากฎกลับเป็นเพียงแค่คำสอนแต่ไม่มีการนำมาปฏิบัติ ต่างจากศาสนาอิสลามที่นำมาปฏิบัติใช้อย่างชัดเจน
ถ้ามีคนบอกว่า ฮิญาบ คือ สัญลักษณ์ของการกดขี่
แล้ว ฮิญาบ ในสตรี ยิว และ คริสต์ ล่ะ
มันคือ การ กดขี่ทางเพศหรือไม่
เพราะในหมู่ชาวคริสต์ และ ชาวยิว มีการคลุมฮิญาบ
แหล่งอ้างอิง : http://aleepanich.blogspot.com/search/label/บทความอิบนุอาลีอัลนัดวีย์
http://www.islammore.com/view/2222
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Hijab of the Scripture (Jews and Christians).
Society has changed now, all the while never stop. Like water flowing away by not returning until civilization. The concepts and ideas from all sides. The sweep together If the national spotlight now Or more powerful In terms of politics, business, trade or other aspects of it will become popular by default, even if we look to Thailand in the present society.Trendy fashion dress Korea is becoming popular hits. But if we look at the Islamic Muslim's Allah who has remained faithful to the principles. At close look, Mahidol Hijab. The challenge in today's society Even if these women Muskoka Lee Allah.
Walking through a group of teenagers that will look cynical eye. Outdated or obsolete Not modish But if we take a moment to consider the issue of Hijab Lahiri. It is not a novelty that Islam presents a critical piece. For women it But it is something that has come from the original. Even among the Jewish and Christian Scriptures, is given.
As mentioned in Chapter present at the time (24: 64-65) "Rebecca was raised. And when she saw Isaac (Ishaq), alighted from the camel. She has been talking with the people that use it. "The man that walketh in the field to find us, is" the servant said. "He's with me," she took the veil to cover.
And in paragraph 38:13 "And it was told Tamar," Behold thy father in law to Timnath to shear his sheep, "38:14" Then she turns away shirt for the widow covered her face covered. the chance to sit at the outdoor venue. On the way to Timnath. I saw that as - Lahti grew up. And she was not his wife, "38:15" When Judah saw her, I thought was a prostitute. Because she had covered her face. "
Here is a little example of Vedic leaf table in a matter of Clute Mahidol Hijab. Of the Vedic only that it is not only Islam. To put forward a new generation of young teens extremism in popular culture, the foreign can shorten think Goku. By which they refused to Clute Mahidol Hijab Muslim Women's League of Allah but to admire mimic the behavior of other people. Even the newlyweds sometimes popular church wedding. A Christian But not knowing the bride wearing a wedding dress. Exquisite fabrics already have Some are a little off the page. That is what remains to be seen is of Christianity. Islam, which called it "Lahiri hijab," but they do not know.
# Hijab of Judaism.
Ville Dewey Durant (Will Durant) (1885-1981), the famous American historian wrote.
"If a Jewish woman who does not follow the rules. For example She went out on the road or in the presence of another man, without a covering. Or even heard her voice to another man or neighbors in this case, her husband has the right to divorce her without the delivery to her ".
From the above statement, it is obvious that the rules covering in Judaism rather harsh on the comparison with the rules of Islam.
# The headscarf in the Bible.
The Bible mentions the headscarf clearly. Sharif Ali's rule is that it is not. As depicted in the New Testament (New Testament), 1 CORINTHIANS (Exodus 1 Corinthians 11, paragraphs 5-10.
But every woman praying or prophesying. If no head covering Dishonors his head It was as if she were shaven and then, because if a woman does not cover her head. It should also be shorn: But if a woman to be shorn or shaved, that is shameful. But her head was broken, because a man ought not to cover his head. Because man is the image and glory of God. The woman is the glory of the man, because he did not create men from women. But God made a woman from the man, and not man created for the woman. But God created woman for man, for this reason. Women ought to have a symbol of authority on her head. Because the angels
It is clear that Christianity is not only encouraged, but also applicable in the matter of a cover band. Due to mobilize for women. But that turns out to be just words, but no implementation. Unlike Islam, which adopted explicitly.
If someone says that the hijab is a symbol of oppression.
Then hijab on women, Jews and Christians do.
Is it sexism or not.
Because among Christians and Jews have the hijab.
Sources: http://aleepanich.blogspot.com/search/label/ article ibn Ali Al appointment Garvey.
http://www.islammore.com/view/2222
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น