เรื่องราวประวัติของนบีซุอิบ(อ.) และ นบีซุลกิฟลิ(อ.)
อัลลอฮฺได้ทรงเปิดเผยให้เรารู้ถึงเรื่องราวของนบีชุอัยบฺไว้ดังนี้
85. และยังประชาชาติมัดยันนั้น เราได้ส่งชุอัยบฺ ซึ่งเป็นพี่น้องของพวกเขาไป เขากล่าวว่าโอ้ประชาชาติของฉัน! จงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด ไม่มีสิ่งใดที่ควรได้รับการเคารพสักการะสำหรับพวกท่านอีกแล้วอื่นจากพระองค์ แท้จริงหลักฐานอันชัดเจนจากพระเจ้าของพวกท่านนั้นได้มายังพวกท่านแล้ว ดังนั้นจงให้ครบเต็มซึ่งเครื่องตวงและเครื่องชั่งเถิด และจงอย่าให้ขาดแก่เพื่อมนุษย์ซึ่งบรรดาสิ่งของของพวกเขา หลังจากที่มีการแก้ไขมันแล้ว นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งแก่พวกท่านหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา
86. และพวกท่านอย่านั่งในทุกหนทาง โดยทำการขู่และสกัดกั้นให้ออกจากทางของอัลลอฮฺผู้ซึ่งศรัทธาต่อพระองค์ และหาทางบิดเบือนมัน(*1*) และจงรำลึกถึงขณะที่พวกท่านมีจำนวนน้อย แล้วพระองค์ได้ทรงให้พวกท่านมีจำนวนมากขึ้น และพวกท่านจงดูเถิดว่าผลสุดท้ายของบรรดาผู้ก่อความเสียหายนั้นเป็นอย่างไร?
(1) คือเพื่อว่าผู้คนจะได้ไม่ดำเนินในทางของพระองค์ ทั้งนี้เนื่องจากอิจฉาริษยาผู้ที่อยู่ในทางอันเที่ยงตรงของพระองค์
87.และถ้าหากว่ามีกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกท่านศรัทธาต่อสิ่งที่ฉันถูกส่งให้นำสิ่งนั้นมา และอีกกลุ่มหนึ่งมิได้ศรัทธาแล้วก็จงอดทนไปเถิดจนกว่าอัลลอฮฺจะทรงชี้ขาดระหว่างเรา และพระองค์นั้นคือผู้ที่ดีเยี่ยมในหมู่ผู้ชี้ขาดทั้งหลาย
88.บรรดาชนชั้นนำที่แสดงโอหังจากประชาชาติของเขา(*1*)ได้กล่าวว่า แน่นอนเราจะขับไล่ท่านออกไปโอ้ชุอัยบฺ! และบรรดาผู้ที่ศรัทธากับท่านด้วยจากเมืองของเรา หรือไม่ก็แน่นอนท่านจะต้องกลับมาในลัทธิของเรา เขา(*2*)กล่าวว่า แม้ว่าพวกเราจะเกลียด(*3*)ก็ตามกระนั้นหรือ?
(1) คือของนบีชุอัยบฺ
(2) คือนบีชุอัยบฺ
(3) คือเกลียดในลัทธิของพวกเขา
89. แน่นอนพวกเราก็ได้อุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮฺ(*1*) หากพวกเรากลับไปในลัทธิของพวกท่านหลังจากที่อัลลอฮฺได้ทรงช่วยพวกเราให้พ้นจากลัทธินั้นมาแล้ว และไม่บังควรแก่พวกเราที่จะกลับไปในลัทธินั้นอีก นอกจากอัลลอฮฺผู้เป็นพระเจ้าของพวกเราจะทรงประสงค์เท่านั้น พระเจ้าของพวกเรานั้นทรงมีความรู้กว้างขวางทั่วทุกสิ่งทุกอย่าง แด่อัลลอฮฺเท่านั้นที่พวกเราได้มอบหมายโอ้พระเจ้าของเราโปรดชี้ขาดระหว่งพวกเราและประชาชาติของเราด้วยความจริงเถิด และพระองค์นั้นคือผู้ที่ดีเยี่ยมในหมู่ผู้ชี้ขาดทั้งหลาย
(1) คือสร้างความเท็จให้แก่อัลลอฮฺ โดยที่ได้ปฏิญาณตนว่าศรัทธาในศาสนาของพระองค์ แต่แล้วเปลี่ยนใจกลับเข้าในลัทธิของพวกท่านอีก
90. และบรรดาบุคคลชั้นนำที่ปฏิเสธศรัทธา จากหมู่ประชาชาติของเขา(*1*)ได้กล่าวว่า แน่นอนถ้าหากพวกเจ้าปฏิบัติตามชุอัยบฺแล้ว แน่นอนพวกท่านก็เป็นผู้ขาดทุนในทันที
(1) คือของชุอัยบฺ
91. แล้วความไหวอย่างแรงของแผ่นดินก็ได้คร่าพวกเขา แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้นั่งคุกเข่าตายในบ้านของพวกเขา
92.บรรดาผู้ที่ปฏิเสธชุอัยบฺประหนึ่งว่าพวกเขาไม่เคยอยู่ในหมู่บ้านนั้น(*1*) บรรดาผู้ที่ปฏิเสธชุอัยบฺนั้น พวกเขาเป็นผู้ขาดทุน
(1) เนื่องจากพวกเขาได้เสียชีวิตกันหมด ไม่ได้เหลือใครไว้ให้เป็นร่องรอยอยู่เลย
93. แล้วเขา(*1*)ก็หันออกไปจากพวกเขา และกล่าวว่า โอ้ประชาชาติของฉัน แท้จริงฉันได้ประกาศแก่พวกท่านแล้ว ซึ่งบรรดาสารแห่งพระเจ้าของฉัน และฉันก็ได้ชี้แจงแนะนำแก่พวกท่านแล้วแล้วฉันจะเสียใจต่อกลุ่มชนที่ปฏิเสธศรัทธาอย่างไร?
(1) คือนบีชุอัยบฺ
ชาวมัดยันคือชาวอาหรับที่อาศัยอยู่ในดินแดนมะอาน ซึ่งส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งนี้ปัจจุบันคือซีเรีย
ชาวมัดยันเป็นคนโลภที่ไม่เชื่อว่าอัลลอฮฺทรงมีอยู่ จึงใช้ชีวิตอยู่อย่างชั่วช้าเลวทราม
คนพวกนี้โกงตาชั่ง โฆษณาสินค้าของตัวเองเกินความจริง และปกปิดข้อบกพร่องในสินค้าของตัวเอง
นอกจากนี้ยังโกหกลูกค้าของตนเองอีกด้วย
อัลลอฮฺได้ส่งนบีชุอัยบฺมาพร้อมกับปาฏิหาริย์หลายอย่าง
นบีชุอัยบฺได้สอนพวกเขาและขอให้พวกเขานึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺ
และเตือนพวกเขาให้นึกถึงผลที่จะติดตามมาจากหนทางที่เลวทรามของพวกเขา แต่พวกเขากลับหัวเราะเยาะ
ท่านนบีชุอัยบฺยังคงสงบนิ่ง และในขณะที่ท่านเตือนชนเหล่านั้น ท่านก็บอกแก่พวกเขาว่าท่านนั้นเป็นญาติพี่น้องของพวกเขา
และสิ่งที่ทำไปนั้นมิใช่ประโยชน์ส่วนบุคคล
แต่พวกเขาได้ทำการยึดทรัพย์สินของนบีชุอัยบฺและผู้ที่ปฏิบัติตามท่าน หลังจากนั้นก็ทำการขับไล่ออกจากเมือง
นบีชุอัยบฺจึงวอนขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ และคำวิงวอนของท่านก็ได้รับการตอบสนอง
กล่าวคือ อัลลอฮฺได้ทรงทำให้อากาศร้อนระอุ ซึ่งทำให้ชาวมัดยันได้รับความเดือดร้อน
และเมื่อเห็นเมฆรวมตัวกันบนท้องฟ้า พวกเขาก็คิดว่าเมฆนั้นจะนำความเย็นและฝนที่ชุ่มฉ่ำมา
ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งออกไปข้างนอกด้วยความหวังว่าจะได้สนุกสนานกับน้ำฝน
แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เมฆได้ระเบิดออกพร้อมกับเกิดฟ้าผ่าและไฟลุกโชนขึ้น
พวกเขาได้ยินเสียงกึกก้องกัมปนาทจากข้างบนซึ่งทำให้แผ่นดินใต้เท้าของพวกเขาสั่นสะเทือน
และพวกคนชั่วได้ถูกคร่าชีวิตในสภาพที่กำลังหวาดกลัว
อัลลอฮฺตรัสว่า
176. ชาวป่าทึบได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล(*1*)
(1) คือชาวเมืองมัดยัน
177. ขณะที่ชุอัยบฺได้กล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?
178. แท้จริงฉันคือร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
179. ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮฺและเชื่อฟังฉัน
180. และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใด นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก(*1*)
(1) อัลอายาตต่างๆ เหล่านี้ได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
181. จงตวงให้ครบเต็ม(*1*)และอย่าเป็นผู้ที่ขาดพร่อง(*2*)
(1)คือจงให้ครบถ้วนแก่มหาชนซึ่งสิทธิของพวกเขาในการตวงและการชั่ง
(2) คืออย่าให้พร่องในการตวง และขาดในการชั่ง
182. และจงชั่งด้วยตาชั่งอย่างเที่ยงตรง
183. และอย่าให้ขาดพร่องแก่มหาชนซึ่งสิ่งต่าง ๆ ของพวกเขา(*1*) และอย่าก่อกวนในแผ่นดินเป็นผู้บ่อนทำลาย
(1) คืออย่าให้สิทธิของมหาชนต้องขาดตกบกพร่องในทุกวิถีทาง เช่น การคดโกง การตลบตะแลง การบิดพริ้ว และ ฯลฯ
184. และจงยำเกรงผู้ซึ่งบังเกิดพวกท่าน(*1*) และประชาชาติสมัยก่อน ๆ
(1) คืออัลลอฮฺ ตะอาลา
185. พวกเขากล่าวว่า แท้จริงท่านเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ถูกอาคม(*1*)
(1) จนกระทั่งสติปัญญาของท่านฟั่นเฟือนไป
186. และท่านมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นสามัญชนเช่นเรา และเราคิดว่าท่านเป็นผู้กล่าวเท็จคนหนึ่ง(*1*)
(1) คือท่านโกหกเราโดยกล่าวว่า ฉันเป็นร่อซูลของอัลลอฮฺ
187. ดังนั้นให้ส่วนต่างๆ จากท้องฟ้า (*1*) หล่นลงมาบนพวกเรา หากท่านเป็นผู้สัตย์จริงคนหนึ่ง
(1) คือการลงโทษ คือชิ้นส่วนจากชั้นฟ้าหล่นลงมา
188. เขากล่าวว่า พระเจ้าของฉันทรงรอบรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกท่านกระทำ
189.พวกเขาได้ปฏิเสธไม่เชื่อเขาดังนั้นการลงโทษแห่งวันเมฆครอบคลุมได้คร่าพวกเขา แท้จริงมันเป็นการลงโทษแห่งวันยิ่งใหญ่(*1*)
(1) นักตัฟซีรกล่าวว่า อัลลอฮฺทรงให้มีอากาศร้อนจัดแก่พวกเขาจนกระทั่งหายใจไม่ค่อยคล่อง พวกเขาจึงออกจากที่พักไปยังทุ่งกว้าง อัลลอฮฺทรงสั่งเมฆให้ลอยมาปกคลุมพวกเขาจากความร้อนของดวงตะวัน ขณะนั้นพวกเขาก็พบกับความหนาวเย็นจึงร้องเรียกซึ่งกันและกัน เมื่อพวกเขามารวมกันอยู่ภายใต้เมฆ อัลลอฮฺจึงส่งไฟมาเผาไหม้พวกเขาจนหมด นี่คือการลงโทษที่ยิ่งใหญ่
190. แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
191. และแท้จริงพระเจ้าขงเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาเสมอ(*1*)
(1) ณ ที่นี้จบเรื่องสุดท้านในเจ็ดเรื่องที่ได้ประทานแก่ท่านร่อซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเพื่อให้ท่านคลายความกังวลใจต่อการเข้าอิสลามของกลุ่มชนของท่าน และเป็นการปลอบใจท่านให้ผ่อนคลายความโศกเศร้า ที่มีการกล่าซ้ำในตอนท้ายสุดของทุก ๆ เรื่อง แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งแน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจนั้นก็เพื่อให้ซึ้งในการเป็นบทเรียน และเป็นการเตือนอย่างหนักแน่นแก่ผู้มีสติปัญญาใคร่ครวญ
#นบีซุลกิฟลิ อะลัยฮิสลาม
อัลลอฮฺตรัสว่า
48. และจงรำลึกถึงอิสมาอีล และอัลยะซะอฺ และซุลกิฟลิ และทุกคนอยู่ในหมู่ผู้ดีเลิศ (*1*)
(1) โอ้มุฮัมมัด จงรำลึกถึงพวกเขาเหล่านั้น พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ดีเลิศของอัลลอฮฺ จงยึดถือพวกเขาเป็นแบบอย่างในการอดทน และอดทนต่อการถูกร้ายในทางของอัลลอฮฺ
( ซูเราะฮฺศ็อด : 48 )
นบีซุลกิฟลิ เป็นบุตรของ นบีอัยยูบ พระองค์อัลลอฮฺทรงส่งนบีซุลกิฟลิมาเพื่อเรียกร้องเชิญชวนไปสู่การเคารพภักดีต่อพระองค์
อัฏ ฏ็อบรี รายงานว่า นบีซุลกิฟลิ ถูกส่งลงมาเพื่อเผยแผ่ศาสนาแก่ชาวอิสรออีล ท่านเป็นผู้ที่มีคุณธรรม ตัดสินด้วยความเป็นธรรม ดังที่พระองค์อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า
85. และจงรำลึกถึงเรื่องราวของอิสมาอีลและอิดรีส และซุลกิฟลิ แต่ละคนอยุ่ในหมู่ผู้อดทนขันติ
86. และเราได้ให้พวกเขาเข้าอยู่ในความเมตตาของเรา แท้จริงพวกเขาอยู่ในหมุ่คนดีมีคุณธรรม
( ซูเราะฮฺอัลอัมบิยาอฺ : 85 - 86 )
นักวิชาการมีทัศนะที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสถานภาพของนบีซุลกิฟลิ
อิบนิ ญะรีร รายงานว่า ซุลกิฟลิ ไม่ได้เป็นนบี แต่เป็นเพียงคนที่ดีเท่านั้น เป็นผู้ที่สนับสนุน และช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับตามสิ่งที่เขาต้องการ และได้บริหารด้วยความยุติธรรม ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกเรียกว่า ซุลกิฟลิ
ท่านฮาซัน และนักวิชาการส่วนใหญ่ยอมรับว่า ซุลกิฟลิ เป็นนบี เนื่องจากชื่อของซุลกิฟลิ ที่ได้กล่าวและได้รับการยกย่องในคัมภีร์อัลกุรอานนั้น ถูกกล่าวพร้อมกับชื่อนบีท่านอื่นด้วย
อ้างอิงจาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น