บรรจง บินกาซัน
ก๊ะอฺบ๊ะฮฺอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมกลางใจเมืองมักก๊ะฮฺถูกสร้างขึ้นโดยนบีอิบรอฮีมเพื่อเป็นสถานที่สำหรับการเคารพสักการะพระเจ้าที่ชาวอาหรับเรียกว่าอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว แต่หลังจากนบีอิบรอฮีมจากโลกนี้ไปได้ไม่นาน ลูกหลานชาวอาหรับของท่านได้นำเอาเจว็ดนับร้อยชิ้นมาประดิษฐานเพื่อกราบไหว้บูชาสืบต่อกันมาเป็นเวลานานนับพันปี
เมื่อท่านนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลามใน ค.ศ.671 ภารกิจสำคัญของท่านคือการกอบกู้ก๊ะอฺบ๊ะฮฺให้เป็นสถานที่สำหรับการเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียวตามเจตนารมณ์ของนบีอิบรอฮีมบรรพบุรุษของท่าน นบีมุฮัมมัดพยายามบอกชาวเมืองมักก๊ะฮฺว่าเจว็ดต่างๆที่พวกเขาสร้างขึ้นมาไม่ใช่พระเจ้าที่แท้จริง แต่ผลที่ได้รับก็คือการต่อต้านจากชาวเมืองมักก๊ะฮฺที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งท่านต้องอพยพออกจากมักก๊ะฮฺไปยังเมืองมะดีนะฮฺ
หลังจากนั้นอีกสิบปี เมื่อมุสลิมมีความเข้มแข็ง ท่านนบีมุฮัมมัดได้นำสาวกของท่านนับหมื่นคนเข้าพิชิตมักก๊ะฮฺได้เป็นผลสำเร็จโดยไม่เสียเลือดเนื้อ สิ่งแรกที่ท่านทำคือการสั่งทำลายเจว็ดรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺจนหมดและประกาศว่านับแต่นี้ต่อไป ก๊ะอฺบ๊ะฮฺคือสถานที่ที่มีไว้สำหรับการเคารพสักการะและวิงวอนต่อพระเจ้าองค์เดียว
นับแต่นั้นมา แผ่นดินอาหรับก็ปราศจากการกราบไหว้บูชาเจว็ดที่มนุษย์สร้างขึ้น
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านมาถึงคริสตศตวรรษที่ 17 พฤติกรรมในยุคอวิชชาก่อนหน้าอิสลามได้กลับมาเป็นที่ปฏิบัติในหมู่ชาวอาหรับอีก ชาวอาหรับหมกมุ่นอยู่กับเรื่องไสยศาสตร์ เวทมนตร์คาถาและอวิชชาต่างๆ บางคนเดินทางไปที่หลุมฝังศพของคนที่ตัวเองถือว่าเป็นบุคคลศักดิ์สิทธิ์และวิงวอนขอพรจากหลุมฝังศพแทนที่จะขอต่อพระเจ้าโดยตรง ในช่วงเวลานี้เองที่มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบถือกำเนิดขึ้นมาใน ค.ศ.1702 ในครอบครัวของผู้มีความรู้ในศาสนา เขาจึงสนใจในศาสนาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อโตขึ้น เขามองเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวของชาวอาหรับเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักคำสอนของอิสลามและจะนำความเสื่อมมาสู่ประชาคมมุสลิม
มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบเริ่มเผยแผ่สั่งสอนและเชิญชวนชาวอาหรับให้หันกลับมาสู่แก่นแท้ของอิสลาม นั่นคือการปฏิบัติตามคัมภีร์กุรอานและคำสอนของท่านนบีมุฮัมมัดโดยตรงซึ่งเรียบง่ายและมีเหตุผล ผู้คนจำนวนมากจึงหันมาเป็นสานุศิษย์ของมุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบและสานุศิษย์เหล่านี้เองถูกเรียกว่า “วะฮาบีย์”
การฟื้นฟูคำสอนอิสลามของเขาไม่เพียงแต่ทำให้คนที่หากินกับเวทมนตร์ไสยศาสตร์และหลุมฝังศพสูญเสียผลประโยชน์เท่านั้น แม้แต่ผู้ปกครองในถิ่นกำเนิดของเขายังมองว่าพวกวะฮาบีย์กำลังสั่นคลอนอำนาจของตน ดังนั้น เขาจึงตกเป็นเป้าหมายของการทำลาย
เมื่อรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบจึงหนีออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนและมีโอกาสได้พบกับมุฮัมมัด บินสะอู๊ด เจ้าเมืองคนหนึ่งที่ยึดมั่นในหลักการเดิมของอิสลามอย่างเคร่งครัด ทั้งสองคนมีความต้องการตรงกันในการที่จะนำอิสลามกลับมาสู่คาบสมุทรอาหรับ ฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าเมืองที่มีอำนาจ อีกฝ่ายหนึ่งมีความรู้และความศรัทธาอันแกร่งกล้า ดั้งนั้น ทั้งสองจึงให้สัตย์สาบานต่อกันว่าจะร่วมกันทำลายอวิชชาและอุตริกรรมทั้งหลายที่ไม่ใช่อิสลามออกไปและนำคำสอนที่แท้จริงของอิสลามตามแนวคิดของมุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบกลับมาสู่แผ่นดินอิสลามทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง
มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบและสานุศิษย์ของเขาไม่เพียงแต่เผยแผ่หลักคำสอนดั้งเดิมของอิสลามในแผ่นดินอาหรับเท่านั้น แต่เขายังเขียนจดหมายไปยังผู้ปกครอง ผู้มีอำนาจและบรรดานักวิชาการในเมืองต่างๆ รวมถึงผู้ทรงความรู้ทางศาสนาคนสำคัญๆของมักก๊ะฮฺและมะดีนะฮฺด้วย ส่วนนอกคาบสมุทรอาหรับนั้น เขาเขียนจดหมายติดต่อกับบุคคลสำคัญๆของซีเรีย อิรัก อินเดียและเยเมนด้วยเช่นกัน เขาอธิบายให้คนเหล่านี้รู้ถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของเขา พร้อมกันนั้นก็ชักชวนคนเหล่านั้นให้ช่วยกันทำลายความเชื่อผิดๆและการปฏิบัติสิ่งอุตริทั้งหลายในหมู่มุสลิมให้หมดไป ในแผ่นดินอาหรับ หลุมศพและสถานที่ที่ผู้คนไปวิงวอนหรือบนบานอธิษฐานถูกขบวนการวะฮาบีย์ทำลายทิ้งหมด
มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบเสียชีวิตใน ค.ศ.1792 แต่อิทธิพลทางคำสอนของเขายังคงฝังใจมุสลิมทั้งในและนอกคาบสมุทรอาหรับ
เมื่อตระกูลสะอู๊ดมีอำนาจเหนือแผ่นดินอาหรับและรัฐของสะอู๊ดถูกสถาปนาขึ้นก่อนจะกลายมาเป็นราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย แนวคิดหลักทางศาสนาของซาอุดิอาระเบียจึงถูกเรียกว่าแนวคิดวะฮาบีย์ที่ไม่ประนีประนอมกับอุตริกรรมทางศาสนาและอวิชชาทั้งปวง
ในช่วงเวลาที่รัฐบาลแห่งอาณาจักรออตโตมานเติร์กขยายอำนาจเข้ามาในแผ่นดินอาหรับ ขบวนการวะฮาบีย์ได้รวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลเติร์ก ดังนั้น ใน ค.ศ.1814 มุฮัมมัด อะลี ผู้ปกครองอียิปต์ผู้คิดจะทำลายขบวนการวะฮาบีย์มานานแล้วจึงสบโอกาสนำกองทัพเข้ามาในแผ่นดินอาหรับ ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างหนักใกล้เมืองฏออีฟ สาวกของมุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบเสียชีวิตไปราว 5,000 คน ผู้นำขบวนการวะฮาบีย์หลายคนถูกจับและถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด สร้างความดีใจให้แก่รัฐบาลอังกฤษในเวลานั้นที่กำลังขยายอำนาจเข้ามา
แม้วันนี้ ความเจริญและวัฒนธรรมตะวันตกจะเข้ามาในคาบสมุทรอาหรับจนทำให้ลูกหลานวะฮาบีย์ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยผิดไปจากบรรพบุรุษของพวกตน แต่แนวคิดของวะฮาบีย์ยังคงมีอยู่และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการฟื้นฟูอิสลามในโลกมุสลิม ขบวนการภราดรภาพมุสลิม(อัลอิควาน อัลมุสลิมูน)เป็นหนึ่งในผลผลิตจากแนวความคิดของขบวนการวะฮาบีย์
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Wahabi
Banjong BinkasonThe Shakyamuni Shrine was built by the Prophet Ibrahim as a place of worship for the Arabs, who were called by Allah only. But after the Prophet Ibrahim from this world was not long ago. His Arab descendants brought hundreds of pieces to be enshrined for thousands of years.
When Prophet Mohammed began his mission of Islam in AD 671, his mission was to salvage alms to a place of worship for the one God, according to the will of his Prophet Ibrahim. Prophet Muhammad tried to tell the townspeople that the gods they created were not real gods. But the result is that the resistance from the Makhsan people is so intense that you have to evacuate from the Makkah to the city of Ahmadinejad.
After ten years When Muslims are strong The Prophet Muhammad brought his disciples tens of thousands into the conquest of the Prophet (peace and blessings of Allaah be upon him). The first thing you do is to destroy all the idols around and declare that from now on. A mosque is a place for worship and supplication to a single God.
Since then, the Arab world has been devoid of the worship of man-made idols.
But over time, through the 17th century, the behavior of the pre-Islamic ignorance has returned to the Arabs. Arabs are obsessed with superstition. Magic spells and ignorance. Some people travel to the grave of a person who is considered a holy person and pleads for the blessings of the grave instead of asking for God directly. At this time, Mohammed Abdulwabah was born in 1702 in a family of religious people. When he grew up, he saw that the behavior of the Arabs was against Islamic doctrine and would bring about a decline in the Muslim community.
Muhammad bin Abdulwabah began teaching and inviting the Arabs to return to the essence of Islam. It is a simple and logical way to follow the Quran and the teachings of the Prophet Muhammad. So many people turned to Muhammad's followers. Abdul Wahab and these disciples themselves were called "Wahabi".
The restoration of his Islamic teachings not only results in the loss of benefits to the sorcerers, magicians and tombs. Even the rulers in his hometown still see the Wahabies shaking their power, so they are the target of destruction.
Muhammad bin Abdulwabah fled from his homeland and had the opportunity to meet Muhammad bin Zayed, a strictman who strictly adheres to Islamic principles. Both have the same need to bring Islam back to the Arabian Peninsula. One is a powerful governor. The other side has strong knowledge and faith, so they swear by each other that they are going to destroy all ignorance and non-Islamic doctrines and bring the true teachings of Islam according to the concept of Muhammad. Abdulashab returned to Islamic land all over again.
Muhammad bin Abdulwabah and his followers not only spread Islamic doctrines in the Arab world, but also spread the word. But he also wrote letters to parents. Authorities and academics in various cities And the knowledge of religion, the importance of the al-Qaum and Ahmadineh. Outside the Arabian Peninsula. He wrote correspondence with key figures of Syria, Iraq, India and Yemen. He explains these people to his goals and objectives. At the same time, they persuade them to help destroy the false beliefs and practices in the Muslim world. In the Arabian Land The graves and places where people pray and pray are destroyed by the Wahabi.
Muhammad bin Abdulwabah died in 1792, but his religious influence remained in the Muslim world, both in and outside the Arabian Peninsula.
When the Saudis gained control of the Arab state and the state of Saud was established, it became the Kingdom of Saudi Arabia. The religious concept of Saudi Arabia is called the Vaishnava concept, which does not compromise religious and ignorance.
At a time when the government of the Ottoman Empire expanded its power into the Arabian Lands. The Vahabs have gathered together against the Ottoman government, so in 1814 Mohammed Al-Ahli, the ruler of Egypt, thought to have destroyed the Wahabbi movement for a long time, then took the opportunity to bring the army into the Arabian territory. The two sides clashed hard near Taif. Followers of Muhammad Abdul Wahbab died about 5,000 people, many of whom were arrested and murdered. Greetings to the British Government at that time, who were expanding power.
Even today, prosperity and Western culture are coming into the Arabian Peninsula, so that the Wahabi children live extravagantly, extravagantly from their ancestors. But the concept of the Vaishnava still exists and inspired Islamic revival in the Muslim world. Muslim Brotherhood Movement Al-Mussolim) is one of the products of the Vaishnava movement.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น