หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2562

วิวัฒนาการของทานนิยม


บรรจง บินกาซัน

แค่เพียงศึกษาศาสนาอย่างผิวเผิน เราจะพบว่าทุกศาสนามีคำสอนร่วมกันอยู่ประการหนึ่งคือการบริจาคทาน และวัตถุประสงค์สำคัญของการบริจาคคือการขัดเกลาวิญญาณของมนุษย์ให้สะอาดหมดจดจากมลทินแห่งความโลภและตระหนี่ที่ทำให้วิญญาณของมนุษย์สกปรกและกลายเป็นวิญญาณชั่ว


ในตอนที่มนุษย์ยังมีชีวิต ใจหรือวิญญาณคือนาย กายคือบ่าว ถ้าวิญญาณเป็นนายชั่ว นายชั่วจะไม่บงการบ่าวกายให้ทำความดี แต่ถ้าวิญญาณเป็นนายที่ดี นายที่ดีจะไม่บงการบ่าวกายให้ทำความชั่ว

คำสอนของทุกศาสนาจึงมุ่งแก้ปัญหามนุษย์ทางด้านวิญญาณโดยเน้นเรื่องการขัดเกลาวิญญาณให้สะอาดผ่องแผ้วจากมลทินต่างๆเป็นสำคัญ และหนึ่งในมลทินนั้นคือความตระหนี่โดยเฉพาะตระหนี่ทรัพย์ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมคำสอนของทุกศาสนาจึงส่งเสริมให้ศาสนิกของตนบริจาคทานและตำหนิความขี้เหนียว

ในโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์ทุกคนเกิดมายากดีมีจนไม่เท่ากัน แต่เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนรวยกับคนจนมิให้ห่างกัน ศาสนาจึงใช้การบริจาคทานเป็นสะพานเชื่อมความเหลื่อมล้ำของคนทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน ด้านหนึ่งเพื่อป้องกันมิให้คนยากจนเกิดความหิวโหยและความอิจฉาริษยา อีกด้านหนึ่งเพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัยให้แก่คนร่ำรวย

การบริจาคทานในคำสอนของศาสนาในยุคต้นๆไม่มีกฎเกณฑ์กติกาใดๆ เพียงแค่สอนให้ทำมาหากินโดยสุจริตและหมั่นบริจาคทานเนืองๆ ยิ่งบริจาค จิตใจของผู้บริจาคทานก็ยิ่งสะอาดหมดจดจากมลทินแห่งความตระหนี่และยิ่งผ่องใสมีความสุข ส่วนผู้ได้รับบริจาคทานก็พลอยมีความสุขไปด้วย

การบริจาคโดยความสมัครใจเป็นสิ่งดีที่ธรรมชาติของมนุษย์ยอมรับ ดังนั้น การบริจาคยังคงเป็นที่ปฏิบัติกัน แต่เนื่องจากเป็นความสมัครใจไม่มีการบังคับ บางคนจึงไม่บริจาคและคนมีมากแต่บริจาคน้อย ดังนั้น ในศาสนาคริสต์จึงมีการวางกฎเกณฑ์กำหนดให้ทุกคนปฏิบัติเป็นหน้าที่เหมือนกับการจ่ายภาษี หากจะเปรียบก็เหมือนกับศาสนาส่งเสริมให้อาบน้ำโดยไม่บังคับ แต่พอไม่บังคับ คนมักง่ายจึงไม่อาบน้ำ ดังนั้น จึงต้องวางกฎบังคับให้ทุกคนอาบน้ำอย่างน้อยปีละครั้ง

ในคัมภีร์ไบเบิล การบริจาคส่วนที่เป็นข้อบังคับมีลักษณะคล้ายภาษีที่ไม่เรียกว่าบริจาค แต่เรียกว่า “จ่าย” แทน เช่น ลูกหลานอิสราเอลถูกกำหนดให้จ่าย 1/10 ของผลิตผลเกษตรและปศุสัตว์ อายุยี่สิบขึ้นไปไม่ว่ารวยหรือจนต้องจ่ายครึ่งเชเคลเป็นภาษีศาสนาทุกสามปี (อพยพ 30:13-15) ผู้จัดเก็บคือกองคลังของวิหารแห่งเยรูซาเล็ม ครึ่งหนึ่งของทศางค์ที่เก็บได้จะถูกจัดสรรให้เจ้าหน้าที่ทางศาสนา 1/10 จากที่เหลือถูกนำไปให้พวกเลวี 1/10 สำหรับดูแลคนที่ไปแสวงบุญที่เยรูซาเล็ม ส่วนที่เหลือนำไปใช้ดูแลแม่ม่าย เด็กกำพร้า คนยากจน

เมื่ออิสลามถือกำเนิดขึ้นในทะเลทรายที่ทุระกันดาร ผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ที่ฐานะยากจนรู้สึกอิจฉาคนรวยที่มีโอกาสละหมาดและบริจาค แต่พวกตนไม่สามารถละหมาดได้ ท่านนบีมุฮัมมัดจึงบอกว่าการบริจาคทาน(เศาะดะเก๊าะฮฺ)ไม่จำเป็นต้องมีเงินก็สามารถทำได้ เช่น การยิ้ม การให้คำแนะนำที่ดี การเก็บสิ่งที่เป็นอันตรายออกจากทางเดิน หรือแม้กระทั่งการเอาข้าวใส่ปากให้ภรรยาก็ถือว่าเป็นทาน

ในโอกาสสำคัญทางศาสนาเช่น เดือนแห่งการถือศีลอด คนที่มีอาหารเหลือพอกินหนึ่งวันมีหน้าที่ต้องนำข้าวประมาณ 2.5 กิโลกรัมไปให้คนยากจนก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอน และในวันอีดุลอัฎฮา มุสลิมคนใดมีฐานะดีพอที่จะทำได้ คนผู้นั้นมีหน้าที่ต้องเชือดปศุสัตว์พลีถวายพระเจ้าและนำเนื้อไปแจกจ่ายให้คนยากจน

แม้จะบริจาคทานด้วยความสมัครใจมาตลอดทั้งปี แต่ถึงกระนั้น เมื่อครบรอบปีจันทรคติ 354 วัน มุสลิมต้องสำรวจทรัพย์สินดังต่อไปนี้ คือ เงินสด+ทองคำ+สินค้าคงทน+หุ้น และหักหนี้ที่ต้องชำระในเดือนที่ต้องจ่าย หากใครพบว่ายังมีทรัพย์สินเหลือเท่ากับหรือมากกว่าราคาทองคำหนัก 5.6 บาท คนผู้นั้นมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีศาสนาที่เรียกว่า “ซะกาต” 2.5% แก่ผู้มีสิทธิ์ได้รับ 8 ประเภทตามที่ศาสนากำหนดไว้

ถึงแม้นบีมุฮัมมัดเป็นผู้กำหนดกฎระเบียบการจ่ายซะกาต แต่ท่านได้กำหนดไว้เป็นกฎว่าตัวท่านและครอบครัวของท่านไม่มีสิทธิ์รับสิ่งที่บริจาคเป็นทาน(เศาะดะเก๊าะฮฺ)และซะกาต ทั้งนี้เพื่อมิให้เป็นที่ครหาว่าท่านเป็นผู้ออกกฎเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองและครอบครัว



ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]



Evolution



Banjong Binkason

Just study superficial religion. We will find that all religions have a common teaching. And the main purpose of the donation is to purify the human spirit from the taint of greed and sting that makes the human spirit dirty and an evil spirit.

In the human life. The spirit or the spirit is the master, the servant, if the spirit is evil. You will not dictate the good deeds. But if the soul is a good master. The good man does not dictate the servant to do evil.

The teachings of all religions are aimed at solving human spiritual problems, emphasizing the need to purify the soul from the defilements. And one of the defilements is the stingy, especially the miserliness. That is the reason why the teachings of all religions encourage their consecration, donate and repent of misery.

In the real world Every human being is born with great difficulty. But in order to maintain a good relationship between the rich and the poor, they should not be separated. Religion is used as a bridge to bridge the disparity of the two sides together. One side to prevent the poor from starvation and jealousy. One side to protect the rich.

There are no rules in any of the early religious teachings. Just teach them to make a living by faithfully and regularly donate more often, donate the mind of the donor eat more thoroughly clean from the stigma of the stingy and more blissful. The donation is happy with the donation.

Voluntary donations are good things that human nature accepts, so donations are still a practice. But since it is voluntary, there is no compulsion. Some people do not donate and people have so much, but donate less, so in Christianity there is a set of rules that make everyone pay the same tax. If it is like religion, encourage bathing without obligation. But not enough. Casually people do not take a bath, so it is imperative to put the rules to force everyone to shower at least once a year.

In the Bible Donations are a kind of tax that is not called donations, but is called "pay". For example, Israeli children are required to pay 1/10 of their agricultural and livestock products. No matter how rich or half the cost, Shekel is a religious tax every three years (Exodus 30: 13-15). The treasurer is the treasury of the Temple of Jerusalem. Half of the collected tumulus will be allocated to the religious authorities. One tenth of the remaining will be taken to the Levites, 1/10, to take care of the pilgrims at Jerusalem. The rest takes care of the orphaned poor widows.

When Islam was born in the desert. Most believers who are poor, feel envious of the rich who have the opportunity to pray and donate. But they can not pray. The Prophet Muhammad said that the donation of alms (teddy bears) does not need money, it can be done as a smile, good advice. Keeping things out of the way Or even put rice in the mouth to be considered a wife.

On religious occasions, such as The month of fasting Those who have enough food to eat one day are obliged to bring about 2.5 kilograms of rice to the poor before the end of Ramadan. And on the eighth day Which Muslims are good enough to do so? He is obliged to slaughter livestock, sacrifice to God, and distribute meat to the poor.

Although volunteering voluntarily throughout the year. But still On the 354th lunar month, Muslims must explore the following property: cash + gold + durable goods + shares And deduct the debt that must be paid in the month to pay. If anyone finds that the property is equal to or greater than the price of gold 5.6 baht, he is obliged to pay a religious tax called "zakat" 2.5% to the 8 kinds of people eligible for the religion.

The Prophet (peace and blessings of Allaah be upon him) said: But you have set it as a rule that you and your family are not entitled to receive the donation (sabhagakha) and zakat This is not to say that you are the rulemaker to create wealth for yourself and your family.

Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น