นบีมุฮัมมัดกับการเลิกทาส

บรรจง บินกาซัน

วันที่ 19 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันที่ชาวอเมริกันเรียกว่าวันจูนทีนธ์ (Juneteenth) หรือวันรำลึกการเลิกทาสของสหรัฐโดยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์นได้ออกคำสั่งเมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ.1862 หลังจากนั้น รัฐต่างๆได้ทยอยเลิกทาสกันไปจนกระทั่งรัฐเท็กซัสเป็นรัฐสุดท้ายที่ของสหรัฐที่ประกาศเลิกทาสในวันที่ 19 มิถุนาย ค.ศ. 1865 หลังทำสงครามกลางเมืองกันเป็นเวลาสองปีครึ่ง

ทาสเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่อดีตนับเป็นพันปีและเป็นสิ่งที่ทุกศาสนาต่อต้านเพราะมันเป็นการปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกันเหมือนสัตว์หรือสิ่งของ


ในอดีตกว่าสามพันปีก่อน พวกลูกหลานอิสราเอลได้รับความทุกข์ทรมานจากการตกเป็นทาสของฟาโรห์ผู้ถือว่าตัวเองเป็นพระเจ้าที่มนุษย์ต้องกราบสักการะเขา พระเจ้าจึงมีบัญชาโมเสสให้ไปบอกความจริงแก่ฟาโรห์ว่าเขาไม่ใช่พระเจ้าและมอบภารกิจให้โมเสสปลดปล่อยพวกลูกหลานอิสราเอลจากการเป็นทาสของฟาโรห์ เรื่องราวดังกล่าวนี้มีกล่าวอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอาน

หลังสมัยของโมเสส ระบบทาสได้กลับมาเกิดขึ้นอีกเพราะมนุษย์ต้องการแรงงานและเครื่องมือทำงาน จึงจับมนุษย์ด้วยกันมาเป็นเครื่องมือทำงาน และเมื่ออยู่ในสถานะเครื่องมือทำงาน ทาสจึงเป็นสินค้าที่ซื้อขายในตลาดค้าทาสเหมือนสินค้าทั่วไปและเมื่อเจ้าของทาสตาย ทาสจะกลายเป็นมรดกตกทอดของทายาทนายทาส ทาสส่วนใหญ่จะถูกจับมาจากคนที่ถูกถือว่าต่ำต้อยกว่าตนหรือเป็นคนเผ่าอื่น

ความพยายามเลิกทาสเป็นภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งของมหาบุรุษ ก่อนได้รับภาระหน้าที่เป็นนบีเผยแผ่คำสอนอิสลาม มุฮัมมัดหนุ่มชาวเมืองมักก๊ะฮฺวัย 25 ปีได้แต่งงานกับนางเคาะดีญะฮฺและเขาได้รับของขวัญเป็นทาสหนุ่มคนหนึ่งชื่อ เซด บินฮาริษะฮ์ เมื่อได้รับเซดมา มุฮัมมัดได้ปล่อยเซดให้เป็นอิสระ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังจูงมือเซดออกไปประกาศให้ผู้คนได้รู้ว่าเขารับเซดเป็นบุตรบุญธรรมของเขา

ในระบบการรับบุตรบุญธรรมของชาวอาหรับก่อนสมัยอิสลามนั้น บุตรบุญธรรมถือเป็นบุตรจริงๆและมีสิทธิ์รับมรดกจากพ่อบุญธรรม และเซดได้เปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น บินมุฮัมมัด ซึ่งแปลว่า ลูกชายของมุฮัมมัด

หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นนบีทำหน้าที่เผยแผ่คำสอนอิสลาม มีทาสหลายคนที่ศรัทธาในคำสอนของนบีมุฮัมมัดและต้องถูกนายทาสทรมานอย่างหนักเพื่อให้เลิกล้มความศรัทธา ในจำนวนนี้มีทาสผิวดำคนหนึ่งที่ถูกจับมาจากอาฟริกาชื่อบิลาล เมื่อนบีมุฮัมมัดรู้ ท่านได้สั่งให้สาวกของท่านนำเงินไปไถ่ตัวบิลาลจากความเป็นทาส หลังจากนั้น บิลาลได้เป็นผู้ติดตามใกล้ชิดท่านนบีและสาวกคนอื่นๆอย่างเท่าเทียมกัน

เนื่องจากทาสเป็นสมบัติมีค่าอย่างหนึ่งซึ่งเจ้าของทาสหวงแหน การปลดปล่อยทาสของนบีมุฮัมมัดจึงต้องทำอย่างระมัดระวังและให้คนปล่อยทาสทำด้วยความเต็มใจและไม่รู้สึกว่าตัวเองสูญเสียสิ่งมีค่า

นอกจากการใช้เงินซื้อทาสมาปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว นบีมุฮัมมัดยังใช้การทำผิดทางศาสนามาเป็นมาตรการในการปลดปล่อยทาสด้วย เช่น ระหว่างการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน หากมุสลิมคนใดมีความสัมพันธ์ทางเพศกับภรรยาในเวลากลางวัน คนผู้นั้นต้องไถ่โทษด้วยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้คือ ถือศีลอดชดใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 60 วันหรือไม่ก็ปล่อยทาสหนึ่งคน หรือเลี้ยงอาหารคนยากจน 60 คน

หากใครที่ยังไม่สามารถปลดปล่อยทาสได้เพราะความจำเป็นหรือเหตุผลบางอย่าง นบีมุฮัมมัดได้บอกผู้มีทาสอยู่ในครอบครองว่า “ทาสของท่านคือพี่น้องของท่าน พระเจ้าได้ให้พวกเขาอยู่ในการดูแลของท่าน และใครที่มีพี่น้องของตนอยู่กับเขา จงให้อาหารเขาเหมือนกับที่ตัวเองกิน และให้เสื้อผ้าเขาเหมือนกับที่ตัวเองใส่และอย่าให้เขารับภาระเกินความสามารถของเขา ถ้าหากท่านให้ภาระหนักแก่เขา ดังนั้น จงช่วยเขา”

ในคัมภีร์กุรอานบทที่ 24:33 พระเจ้าได้สั่งผู้ศรัทธาในพระองค์ว่าหากทาสขอให้มีการทำสัญญาปลดปล่อยโดยเงื่อนไขใดๆก็ตาม จงทำสัญญาปลดปล่อยทาสคนนั้นถ้าหากเห็นว่าทาสคนนั้นสามารถเอาตัวรอดได้เมื่อเป็นอิสระ และอย่าบังคับทาสหญิงให้ต้องเป็นโสเภณีเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง

ก่อนนบีมุฮัมมัดได้จากโลกนี้ไป ท่านได้วางหลักประกันในการปลดปล่อยทาสไว้จนถึงวันสิ้นโลกนั่นคือการกำหนดให้มุสลิมสามารถนำซะกาตหรือภาษีทางศาสนาที่ต้องจ่ายทุกปีไปใช้ในการปลดปล่อยทาสและเชลยได้





ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]



Banjong Binkason

Prophet Muhammad and the abolition of slavery

June 19th of each year is the day Americans call Juneteenth, the day of the abolition of American slavery by President Abraham. Lincoln issued an order on September 22, 1862. Afterwards, slavery was abolished until Texas was the last state in the United States to declare slavery on June 19. 1865. After the civil war for two and a half years.

Slavery has existed for thousands of years, and is something that all religions oppose, because they treat humans as animals or things.

In the past more than three thousand years ago The children of Israel suffered from the bondage of Pharaohs, who considered themselves to be gods that men worshiped. God then ordered Moses to tell the truth to Pharaoh that he was not God and gave Moses the mission to free the children of Israel from Pharaoh's slavery. This story is mentioned in the Bible and Quran.

After the time of Moses Slavery has risen again because humans need labor and tools to work. Therefore bringing humans together as working tools And when working in the working tool state Slaves are therefore traded in the slave market, just like normal goods. Slaves will become the heirs of the slave masters. Most slaves were captured from those considered inferior or inferior to other tribes.

Attempting to break up slavery is an important mission of the great man. Before receiving the obligation to spread the teachings of Islam Muhammad, 25-year-old Mohammed, married Mrs. Khabdi Jah, and he received a gift as a young slave named Sed Bin Harisah. Muhammad freed Said Not only He also led Zed's hand out to announce to people that he accepted Zed as his adopted son.

In the system of adoption of Arabs before the Islamic period An adopted child is really considered a child and has the right to inherit from an adoptive father. And Zed changed the new surname to Muhammad, which means the son of Muhammad

After being appointed as a prophet to spread the teachings of Islam There are many slaves who believe in the teachings of the Prophet Muhammad and must have been heavily tortured by the slave master to give up his faith. Among them was a black slave captured from Africa called Bilal. When the Prophet Muhammad knew He ordered his disciples to take the money to redeem Bilal from slavery. After that Bilal became a close follower of the Prophet and the other disciples equally.

Because slaves are one of the treasures that slave owners cherish. The liberation of the slaves of the Prophet Muhammad must be done carefully and allowing the freed ones to do so willingly and do not feel they have lost something of value.

Aside from using the money to buy the slaves and set them free The Prophet Muhammad also used religious offenses as a measure to release slaves, such as during fasting in Ramadan. If any Muslim has sexual relations with his wife during the day That person must pay the penalty in one of the following ways: Fasting continuously for 60 days or release one slave Or feed 60 poor people

If anyone can not release the slaves because of necessity or reason. The Prophet Muhammad told the slave-holders that "Your slave is your brother. God has placed them in your care. And whoever has their brothers and sisters with them Give him food like he eats. And give him the same clothes that he is wearing, and don't let him take over the burden of his ability If you give him a heavy burden then help him. "

In the Quran, chapter 24:33, God instructs believers in Him that if a slave requests a contract of liberation on whatever conditions Enter into the act of liberating that slave if you see that that slave can survive when he is free. And do not force female slaves into prostitutes for their own benefit

Before Prophet Muhammad departed from this world He pledged the liberation of slaves until the end of the world, which meant that Muslims were able to use zakat or religious taxes that must be paid every year to release slaves and captives.

Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason