บรรจง บินกาซัน
คัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอานบอกเล่าเรื่องราวของอับราฮัมและครอบครัวของเขาไว้คล้ายๆกัน แต่เนื่องจากเรื่องราวการเดินทางของอับราฮัมกับนางฮาการ์(ฮาญัรฺ)ภรรยาคนที่สองและอิสมาอีลลูกชายคนแรกมายังหุบเขาบักก๊ะฮฺได้ขาดหายไป คัมภีร์กุรอานจึงได้เล่าเรื่องราวของครอบครัวนี้ต่อจากคัมภีร์ไบเบิล
อับราฮัมพานางฮาการ์และทารกน้อยอิสมาอีลเดินทางรอนแรมจากแผ่นดินกันอานผ่านทะเลทรายที่ร้อนระอุมายังหุบเขาบักก๊ะฮฺตามคำบัญชาของพระเจ้าโดยมีเสบียงติดตัวมาเท่าที่จะหาได้ในท้องถิ่น ใครเปิดแผนที่ดูเส้นทางจากแผ่นดินกันอานหรือปาเลสไตน์มาถึงเมืองมักก๊ะฮฺจะรู้ว่าระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร
เมื่ออับราฮัมเดินทางมาถึงหุบเขาบักก๊ะฮฺที่เต็มไปด้วยโขดหินและปราศจากผู้คน พระเจ้าได้บัญชาเขาให้ทิ้งภรรยาและลูกเล็กไว้ที่นั่น นี่เป็นการทดสอบอันยิ่งใหญ่สำหรับอับราฮัมผู้เป็นพ่อที่วิงวอนต่อพระเจ้าให้ประทานลูกเพื่อสืบสานความศรัทธาของเขา แต่เมื่อพระเจ้าให้ลูกชายแก่เขาแล้ว พระองค์จึงต้องการทดสอบว่าเขารักสิ่งใดมากกว่ากัน ครอบครัวหรือพระเจ้า?
ด้วยความเป็นพ่อ อับราฮัมห่วงใยครอบครัวของเขาโดยเฉพาะลูกน้อย แต่ด้วยความเป็นนบีที่มีความศรัทธากล้าแกร่งจนพระเจ้าให้ฉายาเขาว่า “มิตรสนิทของพระเจ้า” เขาจึงต้องตัดใจเดินจากครอบครัวของเขามาโดยไม่หันหลังกลับมามองเพราะเกรงว่าความสงสารภรรยาและลูกจะทำให้ความศรัทธาในพระเจ้าของเขาสั่นคลอน
ถ้าใครเป็นภรรยาที่ถูกสามีทอดทิ้งในสภาพเช่นนี้คงตกใจและโกรธสามีแน่นอน นางฮาการ์ก็เช่นกัน นางไม่นึกว่าจะต้องมาเจอสภาพเช่นนี้ นางเดินตะโกนตามหลังอับราฮัมว่าจะทิ้งนางและลูกน้อยให้อดตายกระนั้นหรือ แต่ไม่ว่านางตะโกนเรียกอย่างไร อับราฮัมก็ไม่หันหลังกลับมามอง ในที่สุด นางจึงถามอับราฮัมว่าเหตุผลที่เขาทิ้งนางไปเพราะพระเจ้าบัญชาใช่ไหม
เมื่ออับราฮัมตอบว่า “ใช่” นางฮาการ์จึงกล่าวว่า “ถ้าเป็นบัญชาของพระเจ้า เธอก็จงทำตาม พระเจ้าจะคุ้มครองดูแลฉันและลูกน้อยเอง” ทั้งสองจึงจากกันไปด้วยดี
เมื่ออับราฮัมจากไปไม่กี่วัน เสบียงและน้ำที่เตรียมมาได้หมดลง ทารกอิสมาอีลส่งเสียงร้องเพราะความหิวกระหาย นางฮาการ์ผู้เป็นแม่จึงต้องหาน้ำและอาหารให้ลูกและตัวเอง นางเดินขึ้นไปบนเนินเขาเตี้ยๆลูกหนึ่งโดยหวังว่าจะได้น้ำและอาหารจากกองคาราวานที่อาจผ่านมา แต่เมื่อนางไม่เห็นสิ่งใด นางจึงจ้ำฝีเท้าไปยังเนินเขาอีกลูกหนึ่งด้วยความหวังเดียวกัน
เมื่อไม่เห็นวี่แววของสิ่งที่นางหวัง นางก็ยังไม่หมดความพยายาม เพราะนางเชื่อมั่นว่าถ้าพระเจ้าสั่งสามีของนางให้นำนางและลูกน้อยมาไว้ที่นี่ พระเจ้าต้องคุ้มครองดูแลนางและลูก นางเดินไปเดินมาระหว่างเนินเขาสองลูกนี้ถึงเจ็ดเที่ยวด้วยความหวังเพียงอย่างเดียวคือน้ำและอาหารเพื่อลูกน้อยของนาง
ในที่สุด เมื่อนางได้ยินเสียงร้องของลูกน้อย นางจึงรีบลงมาดูลูกของนาง เมื่อมาถึง นางพบว่าที่พื้นทรายปลายเท้าของลูกน้อยอิสมาอีลมีน้ำผุดขึ้นมาไม่หยุด นางจึงนำหินมาก่อเป็นคันกั้นน้ำและร้องว่า “ซัมซัม” ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่น แปลวา หยุดไหลๆ
ซัมซัมจึงเป็นแหล่งน้ำแห่งแรกในหุบเขาบักก๊ะฮฺ เมื่อมีน้ำ ชีวิตก็อยู่รอดและมีชีวิตอื่นๆตามมา หุบเขาบักก๊ะฮฺกลายเป็นจุดแวะพักเติมน้ำของกองคาราวานที่ผ่านไปผ่านมาและมีคนเริ่มเข้ามาอาศัยจนกลายเป็นเมืองมักก๊ะฮฺในปัจจุบัน
น้ำซัมซัมเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานแก่นางฮาการ์ผู้ศรัทธาและเชื่อมั่นไว้วางใจในพระองค์ แม้เวลาผ่านไปสามพันกว่าปี น้ำซัมซัมยังคงไหลหล่อเลี้ยงผู้ทำพิธีฮัจญ์นับล้านคนทุกปี และเพื่อเป็นการระลึกถึงความเชื่อมั่นศรัทธาและความไว้วางใจในพระเจ้าของนางฮาการ์ การเดินจ้ำฝีเท้าไปมา(สะแอ)ระหว่างเนินเขาสองลูกที่มีชื่อเรียกในปัจจุบันว่า “เศาะฟา” และ “มัรฺวะฮฺ” จึงเป็นส่วนหนึ่งของพิธีฮัจญ์ที่ผู้ทำฮัจญ์ต้องปฏิบัติ
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Remembering the women who believed in God
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น