หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2566

สังคมแห่งความเท่าเทียมกัน

บรรจง บินกาซัน  

เรื่องต่อไปนี้มีบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์อิสลามที่สามารถหาอ่านได้

สงครามบะดัรฺเป็นสงครามครั้งแรกที่เกิดขึ้นในเมืองมะดีนะฮฺหลังจากมุสลิมอพยพจากเมืองมักก๊ะฮฺได้สองปี  เป้าหมายของฝ่ายมักก๊ะฮฺคือกำจัดนบีมุฮัมมัดและมุสลิมให้สิ้นซาก สงครามครั้งนี้  ฝ่ายนบีมุฮัมมัดมีกำลังคนประมาณม 300 คนและเป็นฝ่ายตั้งรับผู้รุกรานจากเมืองมักก๊ะฮฺที่มีประมาณ 1,000 คน

นบีมุฮัมมัดนำสาวกของท่านออกมาตั้งรับนอกเมืองที่ทุ่งบะดัรฺ  ขณะจัดแถวนักรบ  ท่านได้ใช้ไม้ตีไปที่ท้องของสาวกคนหนึ่งเพื่อให้ถอยไปอยู่ในแถว  สาวกคนนั้นร้องว่า “โอ้นบี  ฉันเจ็บนะ”  นบีมุฮัมมัดจึงกล่าวว่า “ขอโทษด้วย ท่านตีฉันกลับอย่างที่ฉันทำกับท่านได้เลย” กล่าวจบท่านได้เปิดเสื้อคลุมหน้าท้องของท่านออกและยื่นไม้ให้  สาวกคนนั้นจึงออกมาจูบท้องของท่านนบีและกล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ” 

อีกเรื่องหนึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในเมืองมะดีนะฮฺ 

ผู้หญิงคนหนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียงถูกจับโทษฐานขโมยและเรื่องนี้ได้ถูกนำไปให้นบีมุฮัมมัดพิจารณา  พ่อแม่และผู้ใหญ่ของฝ่ายผู้หญิงได้ขอให้เซด บินฮาริซะฮฺ บุตรบุญธรรมของนบีมุฮัมมัดช่วยขอร้องนบีให้ยกเว้นการลงโทษผู้หญิงคนนี้  แต่ท่านนบีได้ตอบว่า “หลายชนชาติแล้วก่อนหน้าเจ้าได้ถูกพระเจ้าทำลายเพราะพวกเขาลงโทษคนธรรมดาที่ทำความผิดและปล่อยให้คนมีเกียรติในหมู่พวกเขาไม่ต้องถูกลงโทษในความผิดที่พวกเขาทำไป  ฉันขอสาบานต่อพระเจ้าผู้ทรงกำชีวิตของฉันไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่าถึงแม้ฟาฏิมะฮฺลูกสาวของฉันทำความผิดนี้  ฉันจะตัดมือของเธอ”

อีกเรื่องหนึ่งหลังสมัยนบีมุฮัมมัด  ระหว่างที่อุมัรฺเป็นเคาะลีฟะฮฺปกครองแผ่นดินอิสลามที่ขยายอาณาเขตออกไปถึงอียิปต์  มุฮัมมัดลูกชายของอัมร์ อิบนุลอาศ เจ้าเมืองอียิปต์ได้เฆี่ยนชาวอียิปต์คนหนึ่งโดยไม่เป็นธรรม  ชาวอียิปต์คนนั้นจึงไปยังเมืองมะดีนะฮฺและร้องทุกข์เรื่องนี้แก่เคาะลีฟะฮฺ

เมื่อได้รับคำร้องทุกข์  เคาะลีฟะฮฺอุมัรฺจึงเรียกเจ้าเมืองและลูกชายของเขามายังมะดีนะฮฺทันที 

เมื่อสองพ่อลูกมายังเมืองมะดีนะฮฺ  เคาะลีฟะฮฺอุมัรฺได้ยื่นแส้อันหนึ่งให้แก่ชาวอียิปต์ที่มาร้องทุกข์และบอกเขาให้เฆี่ยนลูกชายของเจ้าเมืองต่อหน้าเขา  หลังจากแก้แค้นแล้ว  ชาวอียิปต์ได้ส่งแส้คืนให้แก่อุมัรฺ  แต่อุมัรฺบอกชาวอียิปต์คนนั้นว่า “เฆี่ยนเจ้าเมืองผู้มีเกียรติหนึ่งทีด้วย  ลูกชายของเขาคงจะไม่เฆี่ยนท่านถ้าเขาไม่ทะนงคิดว่าพ่อตัวเองมีตำแหน่งใหญ่โต”  

ชาวอียิปต์ผู้ร้องทุกข์กล่าวว่า “ฉันแก้แค้นคนที่เฆี่ยนฉันด้วยตัวเองแล้ว ฉันขอพอแค่นี้”  อุมัรฺจึงกล่าวว่า “ขอสาบานด้วยพระเจ้า  ถ้าหากท่านเฆี่ยนเขา(เจ้าเมือง)  ฉันจะไม่ขัดขวางท่าน  ท่านไม่เฆี่ยนเขาด้วยเจตนารมณ์ของท่านเองนะ”  หลังจากนั้น  อุมัรฺได้หันไปยังอัมร์ อิบนุลอาศด้วยความโกรธและกล่าวว่า “อัมร์  ท่านเริ่มกดผู้คนของท่านลงเป็นทาสตั้งแต่เมื่อใดทั้งๆที่พวกเขาเกิดมาเป็นไทจากแม่ของพวกเขา?”

 เมื่อรัฐอิสลามรุ่งเรืองถึงขีดสุด  ประชาชนทั่วไปสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษเคาะลีฟะฮฺในยุคนั้นได้อย่างเท่าเทียมกันและเคาะลีฟะฮฺต้องไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้พิพากษาเพื่อตอบข้อกล่าวหา  และถ้าเคาะลีฟะฮฺคนใดฟ้องร้องประชาชนของตน  เคาะลีฟะฮก็ไม่สามารถใช้อำนาจหน้าที่ทางการปกครองมาทำให้คดีจบ  แต่ต้องนำเรื่องสู่ศาลเพื่อการตัดสิน



ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน

https://www.facebook.com/Banjong.Binkason




| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |



[ Translate by Google Translate ]


Society of equality


Banjong Bingasan


The following stories are recorded in the available Islamic history books.

The Battle of Badar was the first war to take place in Madinah two years after the Muslims fled from Makkah. The goal of the Makkah faction was to eradicate the Prophet Muhammad and the Muslims. this war The Prophet Muhammad had a strength of about 300 men and was on the defense of about 1,000 invaders from Makkah.

Prophet Muhammad led his disciples out of the city to the field of Badar. while lining up warriors He hit one of the disciples' stomachs with a stick to push them back into the line. The disciple cried out, "O Bi, it hurts me." Muhammad said, "Excuse me, you can hit me back like I did to you." Finished, he opened his cloak and held out a stick. give That disciple came out and kissed the Prophet's belly and said: “This is what I want.”

Another story is what happened in Madinah.

A woman from a prominent family was convicted of stealing and the matter was brought to Prophet Muhammad for consideration. The woman's parents and elders asked Zaid bin Harizah, the prophet of the Prophet Muhammad, to plead with the Prophet to exempt this woman from punishment. But the Prophet replied: “Many peoples before you were destroyed by God because they punished the common people for their crimes and left the honorable among them unpunished for their crimes. I swear by God who put my life in his hands that even if my daughter Fatimah did this wrong I'll cut off your hand."

Another story after the time of Muhammad During Umar's caliphate ruled over an Islamic land that extended to Egypt. Muhammad, the son of Amr ibn al-As, the governor of Egypt, unjustly flogged an Egyptian. So the Egyptian went to Madinah and complained about it to the Caliph.

when receiving a complaint The caliph Umar immediately summoned the governor and his son to Madinah.

When father and son came to Madinah The caliph Umar gave the complaining Egyptian a whip and told him to flog the governor's son before him. after revenge The Egyptians returned the whip to Umar. But Umar said to the Egyptian, “Beat the Honorable City Lord one time. His son wouldn't have beaten you if he hadn't conceited that his father had a great position.”

The complaining Egyptian said, “I have taken revenge myself for those who beat me. This is enough for me." Umar said: “I swear by God. If you beat him (Governor), I will not hinder you. You did not beat him of your own will." After that, Umar turned to Amr. Ibn al-As angrily said, "Amr, when did you begin to enslave your people, when they were born free from their mother?"

  When the Islamic State reached its peak People were equally able to lodge complaints against the caliph of that era and the caliph had to appear before a judge to answer his accusations. and if any caliph charges against his people The caliph was unable to use his administrative authority to settle the case. but must bring the matter to the court for a decision




Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation

https://www.facebook.com/Banjong.Binkason

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น