บรรจง บินกาซัน
ดาวนับแสนล้านดวงในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลมิได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ แต่พระเจ้าเป็นผู้สร้างมันขึ้นมาอย่างมีวัตถุประสงค์ กลางคืน กลางวัน ฤดูกาลที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปเพื่อรับใช้มนุษย์บนโลกใบนี้เป็นหลักฐานเพียงพอแล้วที่ยืนยันถึงความจริงดังกล่าว
จักรวาลดำรงอยู่อย่างสงบเพราะดาวแต่ละดวงยอมอยู่ในกฎที่พระเจ้าสร้างไว้ควบคุมมัน ไม่ต่างไปจากอวัยวะในร่างกายเราที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาและวางกฎทางชีวภาพไว้ควบคุมมัน ถ้าอวัยวะในร่างกายทุกชิ้นปฏิบัติตามกฎ ร่างกายของมนุษย์ก็เป็นปรกติสุข ถ้าอวัยวะสำคัญไม่ปฏิบัติตามกฎเมื่อใด ชีวิตมนุษย์ก็มีปัญหาเมื่อนั้น
เมื่อพระเจ้าสร้างกฎขึ้นมาไว้ควบคุมทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง มีหรือที่พระเจ้าจะไม่สร้างกฎที่เรียกว่ากฎหมายไว้ควบคุมมนุษย์? กฎหมายเก่าแก่ที่สุดและยังมีร่องรอยหลักฐานให้เราเห็นอยู่ก็คือโตราห์ซึ่งเป็นกฎหมายที่พระเจ้าประทานแก่โมเสสเพื่อนำไปใช้กับพวกลูกหลานอิสราเอล
กฎธรรมชาติกับกฎหมายของพระเจ้าต่างกันตรงที่ทุกสรรพสิ่งภายใต้กฎธรรมชาติล้วนเชื่อฟังอย่างไม่ฝ่าฝืนเพราะมันไม่มีสติปัญญา ไม่รู้ว่าอะไรดีและอะไรชั่ว มันจึงไม่ต้องรับผิดชอบ ผิดกับมนุษย์ที่พระเจ้าให้สติปัญญารู้ดีรู้ชั่วและมีเสรีภาพที่จะเลือก ดังนั้น มนุษย์จึงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเลือก
กฎทุกกฎย่อมต้องมีอธิปไตยหรืออำนาจสูงสุดที่ผู้อยู่ใต้กฎต้องเชื่อฟัง กฎหมายสำหรับมนุษย์ก็เช่นกัน บทบัญญัติสิบประการจากกฎหมายโตราห์ของโมเสสจึงเริ่มต้นด้วยการประกาศถึงอธิปไตยของพระเจ้าและการเชื่อฟังดังนี้
1. จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าองค์เดียวของท่าน
2. จงอย่าออกพระนามพระเจ้าโดยไม่สมเหตุ
3. จงอย่าลืมฉลองวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
4. จงนับถือบิดามารดา
5. อย่าฆ่าคน
6. อย่าผิดประเวณี
7. อย่าลักขโมย
8. อย่าพูดเท็จใส่ร้ายผู้อื่น
9. อย่าปลงใจผิดประเวณี
10. อย่ามักได้ทรัพย์สินของผู้อื่น
โตราห์จึงมิใช่คัมภีร์ที่มีไว้อ่านในพิธีกรรมทางศาสนา แต่มันเป็นกฎหมายที่มีคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามเหมือนกฎหมายอาญา อีกทั้งยังมีบทลงโทษด้วย ความแตกต่างระหว่างกฎหมายของพระเจ้ากับกฎหมายที่มนุษย์สร้างขึ้นก็คืออธิปไตยในกฎหมายของพระเจ้าเป็นของพระเจ้า ส่วนกฎหมายที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้น อธิปไตยอยู่ที่รัฐบาลหรือประมุขของประเทศและไม่ต้องการให้พระเจ้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์
เราจะเห็นได้ว่ากฎหมายสมัยใหม่ก็มีข้อห้ามและมีบทลงโทษการฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้า เพราะการทำความผิดดังกล่าวเป็นสิ่งที่สามัญสำนึกที่พระเจ้าสร้างไว้ในตัวมนุษย์ต่างยอมรับว่าเป็นสิ่งไม่ดี
พระเจ้าเป็นผู้ออกกฎหมาย แต่พระเจ้าให้มนุษย์เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายเพื่อให้สังคมจะได้เกิดความสงบและปลอดภัย ดังนั้น ผู้ที่บังคับใช้กฎหมายก็คือผู้รู้กฎหมายในหมู่มนุษย์ด้วยกันและซื่อสัตย์สุจริต
หลังสมัยโมเสส สังคมลูกหลานอิสราเอลที่ได้รับกฎหมายโตราห์ต้องระหกระเหเร่ร่อนอยู่ในทะเลทราย ผู้รู้กฎหมายที่ซื่อสัตย์ล้มหายตายจากไป การทุจริตในหมู่ผู้คนจึงเริ่มแผ่ขยายมากขึ้นและผู้ร่ำรวยกลายเป็นผู้มีอำนาจที่ผู้คนเชื่อฟัง พระเจ้าจึงได้ประทานกฎหมายมาให้กษัตริย์เดวิดใช้ปกครองอาณาจักรอิสราเอลอีกครั้ง
หลังสมัยโซโลมอน อาณาจักรอิสราเอลล่มสลาย กฎหมายเดิมที่มีอยู่ได้ถูกทำลายหรือสูญหายหรือถูกตัดเสริมเติมแต่งจนผิดไปจากเดิม พระเจ้าจึงส่งเยซัสไครสต์มา “เพื่อยืนยันธรรมบัญญัติเดิม” หมายถึงยืนยันกฎหมายของโมเสส แต่เพราะการยืนยันธรรมบัญญัติเดิมของท่านได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวยิวผู้มีอิทธิพลทางการเงิน คนกลุ่มนี้จึงวางแผนกำจัดท่าน
หลังสมัยของเยซัสไครสต์ ธรรมบัญญัติ(กฎหมาย)ของพระเจ้าได้ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ธรรมบัญญัติที่ถูกแก้ไขนี้ได้เป็นที่ยอมรับโดยกษัตริย์แห่งอาณาจักรโรมันไบแซนตินประมาณ ค.ศ.380
เมื่อคริสตจักรผู้รักษากฎหมายเกิดความเสื่อม ไม่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ของธรรมบัญญัติไว้ได้ พระเจ้าจึงได้ประทานคัมภีร์กุรอานเป็นกฎหมายสุดท้ายแก่นบีมุฮัมมัดและเป็นกฎหมายที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนถึงวันสิ้นโลก
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Natural Law and God's Law
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น