หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ศาสดามุฮัมมัด ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์


ในอดีต เคยมีนักคิดและนักวิชาการหลายคนได้พยายามที่จะจัดลำดับว่าในบรรดามหาบุรุษหรือบุคคลสำคัญๆที่มีส่วนต่อการเปลี่ยนแปลงโลกนั้นมีใครบ้าง และใครควรจะจัดอยู่ในลำดับที่เท่าไหร่ และใครควรที่จะถูกจัดไว้เป็นอันดับแรกในจำนวนมหาบุรุษทั้งหมด นิตยสารรายสัปดาห์ TIME ฉบับวันที่ 15 กรกฎาคม 1974 หน้า 32-33 ได้ตีพิมพ์บทความเรื่อง Who Were History’s Great Leaders ? (ใครคือผู้ที่นำที่ยิ่งใหญ่ขอประวัติศาสตร์?) ของนักจิตวิเคราะห์ชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อจูลส์ มาสเซอร์แมน (Jules Masserman) ซึ่งได้วางหลักเกณฑ์กว้างๆในการคัดเลือกไว้ว่าผู้ที่จะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลได้นั้น จะต้องปฏิบัติหน้าที่ 3 ประการต่อไปนี้ให้สำเร็จ นั่นคือ


1) ให้ความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง
2) สร้างระเบียบทางสังคมที่ทำให้คนที่อยู่อาศัยในนั้นมีความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
3) สร้างระบบความเชื่ออย่างหนึ่งให้แก่สังคม

หลังจากกำหนดหลักเกณฑ์ที่จะตัดสินว่าใครสมควรที่จะได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดของมหาบุรุษโลกผู้ยิ่งใหญ่แล้ว นายจูลส์ มาสเซอร์แมนก็ไดแสดงความเห็นโดยอาศัยหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นเป็นพื้นฐานการพิจารณาว่า :- “คนอย่างหลุยส์ ปาสเตอร์และซอล์ค เป็นผู้นำในข้อแรก ส่วนคนอย่างคานธีและขงจื๊อในด้านหนึ่งและคนอย่างอเล็กซานเดอร์ ซีซ่าร์และฮิตเลอร์ในอีกด้านหนึ่งนั้นเป็นผู้นำในข้อที่สองและในข้อที่สาม สำหรับพระเยซูและพระพุทธเจ้านั้นก็เป็นผู้นำในข้อที่สามเท่านั้น แต่คนที่เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลก็คือมุฮัมมัดผู้ทำหน้าที่ทั้งสามได้ครบ ถึงแม้โมเสสจะทำได้เหมือนกับมุฮัมมัด แต่ก็ยังน้อยกว่า”หลังจากนั้นอีกสี่ปี คือใน ค.ศ.1978 ก็มีหนังสือออกมาอีกเล่มหนึ่งชื่อ The 100 – A Ranking of The Most Influential Persons in History ( 100 ลำดับบุคคลผู้มีอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์) ซึ่งเขียนโดยนายไมเคิล เอช. ฮาร์ท (Michael H. Hart) นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันและเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดเล่มหนึ่งในเวลานั้น หนังสือเล่มนี้ได้จัดลำดับบุคคลสำคัญๆในแขนงสาขาต่างๆจำนวน 100 คนที่เขาเห็นว่าเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ในที่นี้จะนำมากล่าวเพียง 20 ลำดับเท่านั้นคือ

1) นบีมุฮัมมัด
2) ไอแซค นิวตัน
3) พระเยซูคริสต์
4) พระพุทธเจ้า
5) ขงจื๊อ
6) เซนต์ ปอล
7) ไซหลุน
โยฮาน กูเต็นเบิร์ก
9) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
10) อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
11) คาร์ล มาร์กซ
12) หลุยส์ ปาสเตอร์
13) กาลิเลโอ
14) อริสโตเติล
15) เลนิน
16) โมเสส
17) ชาร์ส ดาร์วิน
18) ซีหวังตี
19) ออกัสตัส ซีซ่าร์
20) เหมาเจ๋อตุง

ในหนังสือเล่มนี้ นายไมเคิล เอช. ฮาร์ต ได้แสดงความคิดเห็นข้อพิจารณาในการจัดลำดับมหาบุรุษของโลกไว้หลายแง่หลายมุมด้วยกัน ลองมาดูว่าเขาได้กล่าวถึงท่านนบีมุฮัมมัดไว้อย่างไร

1) ประสบความสำเร็จสูงสุด “ที่ผมเลือกเอานบีมุฮัมมัดขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของรายชื่อบุคคลผู้มีอิทธิพลที่สุดของโลกนั้นอาจทำให้ผู้อ่านบางคนแปลกใจและบางคนอาจจะสงสัย แต่ท่านเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดทั้งในด้านศาสนาและด้านโลกวัตถุ” (หน้า 4 และ 33)

2) ผู้ที่รวมอาหรับได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ “ชนเผ่าเบดูอินแห่งอารเบียเป็นเผ่าที่มีชื่อเสียงร่ำลือมากในเรื่องความเป็นนักรบที่ดุร้าย แต่เนื่องจากมีจำนวนน้อยและแตกแยกเป็นก๊กเป็นเผ่าทำสงครามเข่นฆ่ากันอยู่ตลอดเวลา พวกอาหรับจึงไม่มีทางที่จะเปรียบเทียบได้กับกองทัพที่ใหญ่กว่าของอาณาจักรต่างๆในเขตการเกษตรที่เป็นหลักแหล่งแล้วในทางตอนเหนือ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ถูกรวบรวมเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โดยมุฮัมมัดและด้วยความศรัทธาอันแข็งแกร่งในพระเจ้าที่แท้จริงแต่เพียงพระองค์เดียว กองทัพอาหรับเล็กๆเหล่านี้ก็เริ่มทำการพิชิตต่อเนื่องกันอย่างน่าประหลาดที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ”(หน้า 34-35)

3) ผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอิสลาม “ประการแรก นบีมุฮัมมัดมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอิสลามมากกว่าที่พระเยซูมีต่อการพัฒนาศาสนาคริสต์ถึงแม้ว่าพระเยซูจะเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญต่อคำสอนทางด้านจริยธรรมและศีลธรรมของศาสนาคริสต์ เซนต์ปอลต่างหากที่เป็นคนพัฒนาวิชาการคริสตศาสนาและเป็นคนเปลี่ยนแปลงศาสนาที่สำคัญและเป็นผู้เขียนเนื้อหาส่วนใหญ่ของคัมภีร์ใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม นบีมุฮัมมัดก็เป็นผู้รับผิดชอบต่อทั้งศาสนศาสตร์และหลักการทางศีลธรรมและจริยธรรมของอิสลาม นอกจากนั้นแล้ว ท่านยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงความเชื่อใหม่และในการวางรากฐานการปฏิบัติศาสนกิจของอิสลามด้วย” (หน้า 39)

4) ผู้นำทางโลกและทางศาสนาที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ “เนื่องจากกุรอานเป็นสิ่งสำคัญต่อมุสลิมเช่นเดียวกับที่คัมภีร์ไบเบิลมีความสำคัญต่อชาวคริสเตียน อิทธิพลของนบีมุฮัมมัดผ่านทางคัมภีร์กุรอานจึงยิ่งใหญ่มาก ดังนั้น มันจึงเป็นไปได้ที่อิทธิพลของนบีมุฮัมมัดต่ออิสลามจะยิ่งใหญ่กว่าอิทธิพลของพระเยซูและเซนต์ ปอลที่มีต่อศาสนาคริสต์รวมกันเสียอีก” “ยิ่งไปกว่านั้น มุฮัมมัดยังเป็นผู้นำทางโลกและทางศาสนาด้วยซึ่งไม่เหมือนกับพระเยซู ความจริงแล้ว ในฐานะที่เป็นพลังผลักดันอยู่เบื้องหลังการพิชิตของชาวอาหรับ ท่านน่าที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้นำทางการเมืองที่มีอิทธิพลที่สุดในทุกยุคทุกสมัยเสียด้วยซ้ำ” “ในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญๆ บางคนอาจพูดว่าเหตุการณ์นั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และมันเกิดขึ้นมาเองถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้นำทางการเมืองคนใดคนหนึ่งมานำทางเหตุการณ์นั้น ตัวอย่างเช่น อาณานิคมอเมริกาใต้อาจจะได้รับเอกราชจากสเปนก็ได้ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนอย่างไซม่อน โบลิวาร์ แต่กรณีเช่นนี้จะนำมาใช้กับการพิชิตของพวกอาหรับไม่ได้ เพราะไม่มีสิ่งใดเช่นว่านี้เกิดขึ้นก่อนนบีมุฮัมมัด และไม่มีเหตุผลใดที่จะเชื่อว่าการพิชิตของพวกอาหรับจะเกิดขึ้นได้หากปราศจากนบีมุฮัมมัด”(หน้า 39-40)

5) บุคคลเดียวที่มีอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ “ดังนั้น เราจะเห็นว่าการพิชิตของพวกอาหรับในศตวรรษที่ 7 ยังมีบทบาทสำคัญต่อไปในประวัติศาสตร์มนุษยชาติเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน” “การรวมกันของอิทธิพลทางโลกและศาสนาอย่างไม่มีอะไรมาเสมอเหมือนได้นี้เองที่ทำให้ผมรู้สึกว่านบีมุฮัมมัดสมควรที่จะถูกพิจารณาว่าเป็นบุคคลเดียวที่มีอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ” (หน้า 40)

มูฮัมหมัด ศาสดาในอุดมคติสู่ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

หากศึกษาประวัติศาสตร์ของโลกก็จะพบบรรดาผู้นำทั้งหลายที่มีอิทธิพลต่อโลกในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิ์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ อเล็กซานดอร์แห่งมาเซโดเนีย
ซีซาร์แห่งโรม นาโปเลียนแห่งฝรั่งเศสหรือนักปรัชญาที่มีชื่อเสียงอย่าง โสเครติส
เพลโต อริสโตเติล แม้แต่ชีวิตของนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ เช่น ไอแซค นิวตัน หลุยส์ ปาสเตอร์ กาลิเลโอ จนมาถึงในยุคร่วมสมัย ที่มีคนอย่าง คาร์ล มาร์กซ เลนิน เหมาเจ๋อตุง และ จอห์น เอฟ เคนเนดี้

แต่หากเราพิจารณาถึงผู้นำในอุดมคติ ที่มีอิทธิพลอย่างครอบคลุมทุกแง่มุมต่อมนุษย์ชาติ แล้ว เขาจะต้องสามารถเป็นแบบอย่างของคุณธรรมและความดีงามให้แก่บุคคลที่ต้องการดำเนินตามได้ โดยสามารถที่จะแก้ปัญหาต่างๆของสังคม สร้างความเสมอภาค ภารดรภาคให้แก่มนุษย์ รวมทั้งประสบผลสำเร็จในการฟื้นฟู จิตวิญญาณ ศีลธรรม จริยธรรม ที่ดีงามของมนุษย์ ซี่งเขาจะต้องสามารถสร้างแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้
ผู้คนเกิดความศรัทธาได้

ซึ่งก็คงต้องกล่าวถึงชีวิตและอิทธิพลของบรรดาศาสดาหรือศาสนทูต (ที่เชื่อว่าได้รับสาส์นจากพระผู้เป็นเจ้า)ในศาสนาต่างๆไม่ว่าจะเป็น โมเสส พระเยซูคริสต์ และ นบีมุฮัมมัด ซึ่งถือว่าเป็นศาสนทูตคนสุดท้าย ที่มาย้ำคำสอนดั้งเดิมเรื่องความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว หรือ พระพุทธเจ้า เราจะเห็นถึงคำสอนที่ท่านเหล่านี้ได้นำมา
มีมหาชนผู้ที่เลื่อมใส ศรัทธา และต้องการดำเนินตามแบบอย่างจำนวนมาก
โดยที่ คริสต์ อิสลาม พุทธ เป็นศาสนาใหญ่ที่สุดในโลก หากจะนับตามจำนวน
ประชากรที่นับถือ

ในอิสลาม มีการบันทึก ชีวประวัติของนบีมุฮัมมัดไว้อย่างละเอียดและเป็นจัดศาสตร์หนึ่งที่เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งครอบคลุมชีวิตตลอดการเผยแผ่ศาสนาของท่าน 23 ปี โดยถือว่าแบบอย่างของท่านเป็นแหล่งที่มาของบทบัญญัติในศาสนาลำดับสองหลังจาก คัมภีร์อัลกุรอาน โดยเริ่มแรกมีมวลชนจำนวนมหาศาลในยุคแรกที่ได้ “ท่องจำ” แบบอย่างของนบีมุฮัมมัด ไม่ว่าจะเป็นคำพูดและการกระทำของท่านศาสนฑูต

ดร. เอ สปริงเกอร์ ชาวตะวันตกคนแรกที่เขียนชีวประวัติของนบีมุฮัมมัดจากแหล่งดั้งเดิมภาษาอาหรับได้แสดงความอัศจรรย์ใจ โดยกล่าวไว้ในงานเขียนของเขาว่า
“ หากว่าบันทึกชีวิตของมุสลิมเหล่านี้ถูกรวบรวมขึ้น เราอาจมีรายชื่อของบุคคลที่โดดเด่นถึงครึ่งล้าน… ” (Nadwi 1977 : 68)

ท่านนบีมุฮัมมัด ได้เป็นต้นแบบในการบูรณาการชีวิตทั้งหมดไปสู่ “รูปแบบชีวิต” ที่ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิด
“ความเป็นหนึ่งของพระเจ้า” ไม่ว่าในด้านความประพฤติทั้งภายในภายนอก ทั้งหมดนั้นเพื่อการเป็น “แบบแห่งชีวิต”
ดังปรากฏในคัมภีร์อัล กุรอานว่า “เพื่อผู้นำสาส์น(มุฮัมมัด) จะได้เป็นพยาน(แบบ) ต่อพวกเจ้า ” (กุดามะฮฺ 2547 : 42-43 )

เมื่อถูกถามถึงคุณลักษณะของท่านนบีมุฮัมมัด ท่านหญิงอาอิชะฮฺภรรยาของท่านกล่าวว่า “บุคลิกภาพของท่านคืออัลกุรอาน”(รายงานโดย อัล นะซาอี)
เพราะชีวิตของท่านคือผลสะท้อนของคัมภีร์อัลกุรอาน พระดำรัสของพระผู้เป็นเจ้า

อัลกุรอานที่ถูกประทานมาจากอัลลอฮฺ ก็ไม่อาจส่งผลใดๆต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมมนุษย์ได้เว้นแต่ต้องผ่านการแปรเปลี่ยนสู่การปฏิบัติได้ในตัวของท่านนบี (มัยมูน 2548:58 )
จากนั้นบรรดาสหายผู้อยู่ร่วมกับท่าน ได้รับการฝึกฝน กล่อมเกลาด้วยกับแบบอย่างของท่าน ดังเช่นน้ำพุอันใสบริสุทธิ์ที่พวกเขาได้ดื่มกิน ส่งผลให้พวกเขาได้รับความโดดเด่นเป็นเอกในประวัติศาสตร์

ซึ่งมิติต่างๆของชีวิตท่านส่งผลให้บุคคลที่อยู่รายล้อมท่านนั้นล้วนแล้วแต่โดดเด่นในเรื่องต่างๆ เช่น อุมัร อิบนุ คอฏฏอบ ผู้ปกครองผู้ทรงธรรม ซึ่งถูกจัดเป็น บุคคลอันดับที่ 52 ที่มีอิทธิพลสูงสุดตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์ (โดยชาวตะวันตก)
ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเป็นผู้นำมุสลิมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังจากท่านนบีมุฮัมมัด ผู้ซึ่งได้ขยายอณาจักรการปกครองของอิสลามออกไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวางจากดินแดน อาราเบีย ไปจนถึงอิยิปต์ และเปอร์เซีย โดยไม่มีการละเมิดและการรุกราน แต่ใช้ความสันติธรรม ดังเช่นในการปกครอง เยรูซาเล็ม ซึ่งจัดว่าเป็นยุคทองของการสมานฉันท์ ของผู้คนใน 3 ศาสนา ยิว คริสต์ อิสลาม ซึ่งอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
อีกทั้งสหายของท่าน คนอื่นๆก็มีความสามารถไปคนละด้าน ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองผู้ทรงธรรมสามท่านในยุคแรก คือ อบูบักร อัซ ซิดดิ๊ก , อุษมาน อิบนฺ อัฟฟาน และ อาลี อิบนฺ อบี ตอลิบ

ตลอดหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม 1400 ปี แบบอย่างของท่านได้ก่อให้เกิดบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่ดำเนินชีวิตตามในแนวทางของท่าน ไม่ว่าจะเป็น ซอลาฮุดดีน อัล อัยยูบี ในยุคกลาง ที่ชาวตะวันตกเรียกว่า สลาดิน เป็นผู้ปกครองผู้ทรงธรรมเฉกเช่นคนยุคแรก
และปรากฏผู้ปกครองอย่าง มุฮัมมัด อัล ฟาติฮฺ ในตุรกี และ กษัตริย์โอรังเซป แห่งราชวงโมกุล ในอินเดีย

การฟื้นฟูศิลปวิทยาการในยุคกลาง ที่เริ่มขึ้นได้มีต้นกำเนิดจากอารยธรรมอิสลาม P.K.Hitti นักประวัติศาสตร์โลก ได้กล่าวไว้ในงานเขียน The History of Arabs ของเขาว่า “ มหาวิทยาลัยคอร์โดวา ถือเป็นสถาบันการศึกษาที่ดีที่สุดในสมัยนั้น
เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้เกิดก่อนมหาวิทยาลัย อัล อัสฮัร ในไคโร และมัดรอซะฮฺ นิซอมมิยะฮฺ ที่แบกแดด ในมหาวิทยาลัย คอร์โดวาแห่งนี้มีทั้งนักศึกษาที่เป็นมุสลิม คริสเตียน และศาสนิกอื่น นักศึกษาเหล่านั้นมีทั้งชาวเสปน ชาวยุโรป ชาวอัฟริกา
และ ชาวเอเชีย มหาวิทยาลัยคอร์โดวาตั้งอยู่ในมัสยิดที่เมืองหลวง (อิบราเฮ็ม ณรงค์รักษาเขต 2546 : 86 ) ”ของเสปนซึ่งเป็นดินแดนที่มุสลิมครอบครอง เราจึงพบนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียง อาทิเช่น อิบนุ ซินานักปรัชญา และนักการแพทย์ อัล ฆอซาลี นักปรัชญา อิบนุ คอลดูน นักรัฐศาสตร์ ซึ่งพวกเขาเป็นผู้ดำเนินตามแบบของศาสนฑูตในการเป็น ครู ของมนุษยชาติ

พฤติกรรมที่สมบูรณ์แบบแห่งความเมตตา ( Perfect Behavior of Mercy )

ในนิยามของคำว่า “ผู้นำที่ดี” คือนิยามที่ให้โดยเดมมิ่ง (Deming ) ซึ่งเขากล่าวว่า “ผู้นำที่ดี คือผู้นำ คือผู้ที่สามารถสร้างภาวะผู้นำให้เกิดแก่ผู้อื่นรับฟังประชาชนและอภัยต่อความผิดของพวกเขาเหล่านี้ ” ...ซึ่งมีสาระใกล้เคียงกับคำสอนอิสลาม ว่า (นาเซอร์ แจบนาว์น 2548 : 116 ) คัมภีร์อัลกุรอานซึ่งเป็นพระดำรัสของอัลลอฮฺได้กล่าวถึงท่านนบีมุฮัมมัดว่า “และเราไม่ได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นได้เว้นแต่เพื่อเป็นความเมตตาแก่สากลโลก”

“เนื่องด้วยความเมตตาจากอัลลอฮ์นั่นเอง เจ้า(มุฮัมมัด) จึงได้สุภาพอ่อนโยนแก่พวกเขา และถ้าหากเจ้าเป็นผู้ประพฤติหยาบช้าและมีใจแข็งกระด้างแล้วไซร้ แน่นอนพวกเขาก็ย่อมแยกตัวออกไปจากรอบ ๆ เจ้ากันแล้ว ดังนั้นจงอภัยให้แก่พวกเขาเถิด และจงขออภัยให้แก่พวกเขาด้วย และจงปรึกษาหารือกับพวกเขาในกิจการทั้งหลาย ครั้นเมื่อเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ก็จงมอบหมายแด่อัลลอฮ์เถิด แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักใคร่ผู้มอบหมายทั้งหลาย”

ซึ่งได้นักประวัติศาสตร์มุสลิมได้บรรยายถุงภาพของท่านในเรื่องนี้ว่า
“ ท่านศาสดาซึ่งถูกห้อมล้อมโดยสาวก รอบๆตัวท่านนั้นเปรียบได้กับจันทร์เต็มเดือนอันสุกใส และกลุ่มของดวงดาวที่แปล่งแสงอยู่รอบ ในขณะที่มีรัศมีออกมาสุกใสยิ่งขึ้น พวกเขาก็เลยมีรัศมีไปด้วย แบบอย่างการเป็นผู้นำของท่านมิใช่แบบอย่างของขุนนางผู้ใช้อำนาจผู้หมกมุ่นอยู่กับการนสร้างภาพตัวเอง และหยิบฉวยความเข้มแข็งให้ตัวเอง ท่านมิได้รูปแบบของศาสตราจารย์ขี้อิจฉาซึ่ึ่งจะถูกระคายเคืองทันที หากว่านักศึกษาของตัวเองโดดเด่นขึ้นมา นอกจากจะไม่พยายามทำให้สาวกมัวหมอง และลดคุณความดีของพวกเขาลงแล้ว ท่านศาสดายังได้ยกระดับและพัฒนาพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
และนำพวกเขาไปสู่การยอมรับว่าสิ่งใดที่ดีที่สุด และสูงส่งที่สุดสำหรับพวกเขา” (สะกะรียา บะชีร 2540 :58)

คัมภีร์อัลกุรอานซึ่งเป็นพระดำรัสของอัลลอฮฺได้กล่าวถึงท่านนบีมุฮัมมัดว่า “และเราไม่ได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นได้เว้นแต่เพื่อเป็นความเมตตาแก่สากลโลก”

อบุล ฮะซัน อะลีย์ อันนัดวีย์ นักปราชญ์อิสลาม ชาวอินเดีย ได้กล่าวถึงผลประโยชน์ที่โลกนี้ได้รับจากการมาของท่าน

“ โลกที่ได้มาซึ่งความสดใหม่ของชีวิต ความยุติธรรม ความดีงาม กลายเป็นเครื่องหมายของมัน ความอ่อนแอได้เป็นความกล้าหาญ ที่จะอ้างสิทธิของพวกเขาจากความสูงค่าและความแข็งแรงโดยที่ ความเมตตา และความอ่อนโยนกลายเป็นบรรทัดฐาน มันเป็นเวลาที่มนุษยนิยมได้กลายเป็นแรงขับดัน ความศรัทธา และความเชื่อมั่นจับหัวใจมนุษย์ มนุษยชาติเริ่มมีความภูมิใจ และไม่เห็นแก่ตัวเอง และ พฤติกรรมที่ดีงาม กลายเป็นลักษณะนิสัยของผู้คนรายการข้างล่าง เป็นของขวัญอันล้ำค่าของอิสลามโดยสรุป ซึ่งอิสลามมีบทบาทสำคัญในการยกระดับ คุณค่า และวัฒนธรรมของมนุษย์ โลกใบใหม่อันสดใส ที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากความเสื่อมลงและการแตกสลายของมนุษย์ธรรมในเวลาที่มาถึงของมัน ซึ่งเป็นผลจากเหล่านี้ของ การเดินการแบบอิสลาม

1. หลักศรัทธาในความเป็นหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ
2. แนวคิดเกี่ยวกับความเท่าเทียมกันของมนุษย์ และความเป็นพี่น้อง
3. แนวคิดเกี่ยวกับความมีเกียรติของมนุษย์ และ มนุษย์เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า
4. การยอมรับสถานภาพอย่างบริบูรณ์ของผู้หญิงและการฟื้นคืนสิทธิทางกฎหมายให้กับพวกเธอ
5. การปฏิเสธความสิ้นหวังและเพิ่มความหวัง ความมั่นใจ ในการเป็นอยู่ของมนุษย์
6. การหลอมละลายเรื่องทางโลก และ เรื่องทางธรรมเข้าด้วยกัน การปฏิเสธที่จะยอมรับการแยกออกระหว่างทั้งสอง
7. การผสมผสานของศาสนาและความรู้ โดยการทำให้สิ่งหนึ่งพึ่งพาอีกสิ่ง และการยกเกียรติแก่ความรู้ โดยเปิดเผยความหมายของการเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า
8. การให้ความสำคัญต่อการใช้สติปัญญาในเรื่องเกี่ยวกับศาสนาและจิตวิญญาณ และกระตุ้นให้มีการศึกษาและพิจารณาปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
9. การสั่งใช้ให้ผู้ที่ปฏิบัติตามอิสลามรับผิดชอบต่อการเผยแผ่คุณค่า และ ความดีงาม ให้แก่โลก และทำให้มีภาระหน้าที่เหนือพวกเขาในการฟื้นคืนสัจธรรม และ ความยุติธรรม
10. การสถาปนาความศรัทธาและวัฒนธรรมสากล




| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | 


[ Translate by Google Translate ]

The Prophet Muhammad The greatest leaders of the world. The most influential people in history.


In the past, many scholars and thinkers have tried to order that those great men, or individuals who have contributed to changing the world with anyone. And who should be in order as well. And who should be held first of all great men. TIME magazine issue dated July 15, 1974 at pages 32-33 published an article titled Who Were History's Great Leaders? (Who are the great waters like history?) Of psychoanalyst American named Jules Sir man (Jules Masserman) which lay down the rules broadly in qualifying that those who would be leaders. Greatest of all time is. Must perform the following three ways to accomplish that.

1) to the well-being of those who live under the rule.
2) create a social order that people living in it has a solid feel safe.
3) Create a system of beliefs to society.

After determining criteria to decide who deserves to be called the culmination of great men, the great Mr. Jules Sir man was commented by the rules mentioned above are the basis for determining that. - "People Louis. Pasteur and Salk Leadership in the Home People like Gandhi and Confucius, on one side, and people like Alexander's. Caesar and Hitler on the other hand, is a leader in the second and the third. For Jesus and Buddha, it is only in the third. But who is the greatest of all time, it was Mohammed who served three down. Although Moses is just like Muhammad. But it is also less, "after four years in 1978, it is a book out another book called The 100 - A Ranking of The Most Influential Persons in History (100 influential people in the history respectively). written by Mr. Michael H. Hart (Michael H. Hart) American astrophysicist and best-selling books, one book at a time. The book has prioritized key areas in the various branches of the 100 people he saw as the most influential in history. But this will be the only sequence is only 20.

1) The Prophet Muhammad
2) Isaac Newton.
3) Jesus Christ
4) Buddha
5) Confucius
6) St. Paul
7) King Lun
Johan Gutenberg.
9) Christopher Columbus.
10) Albert Einstein's cough.
11) Karl Marx.
12) Louis Pasteur.
13) Galileo
14) Aristotle
15) Lenin
16) Moses
17) Charles Darwin.
18) C. Hope City
19) of Caesar Augustus.
20) Mao Zedong

In this book, Mr. Michael H. Hart commented consideration in the ranking of the world's great men for several terms, many corners together. Let's see what he has to say about the Prophet Muhammad, however.

1) The most successful "I pick up the Prophet Muhammad is a list of the most influential people of the world that might surprise some readers and may be questionable. But he was the only person in history to be successful in both the religious and the earth "(pages 4 and 33).

2) The total for the first time in Arab history. "Bedouin tribes of Arabia, a tribe renowned for its rumored as a fierce warrior. But because there are fewer and split into feuding tribes war constantly killing each other. Arabs have no way to compare it with the bigger of the Kingdom in the field of agriculture which is the main source in the north, despite having been gathered together for the first time in history, Muhammad and the faith is very strong. In the true God but Him alone. These small Arab armies began to conquer consecutive surprisingly in the history of mankind "(pages 34-35).

3) who played a key role in the development of Islam "Firstly, the Prophet Muhammad's role is especially important to the development of Islam than Jesus towards the development of Christianity although Jesus is the most important teachings. The ethics and morals of Christianity. St. Paul, who is a Christian academic and religious change is important and is the author of the content of the New Testament. However, Muhammad was responsible for both theological and moral principles and ethics of Islam. In addition, He also played a key role in the new faith and the foundation of Islamic religious practice "(page 39).

4) secular and religious leaders have great influence. "The Quran is so important to Muslims as the Bible is important to Christians. The influence of the Prophet Muhammad through the Quran, so great, so it is possible that the influence of the Islamic Prophet Muhammad is greater than the influence of Jesus and the saints. Paul on Christianity combined "" More than that. Muhammad is also the leading secular and religious, unlike Jesus, in fact, as a driving force behind the defeat of the Arabs. He seems to be in a position to influence political leaders in all ages to hand over "" in major historical events. Some may say that the incident was unavoidable and it happened that although no political leader, one of the navigation event, for example, Colonial America may be gained independence from Spain was even. No one at Simon Bolivar but such cases are used to subjugate the Arabs did not. Because nothing like this has happened before Muhammad. And there is no reason to believe that the conquest of the Arabs would occur without the Prophet Muhammad "(pages 39-40).

5) the same person as the most influential in the history of mankind, "so we can see that the defeat of the Arabs in the 7th century to play an important role in human history until the present," "The combination of influences, secular and religious. absolutely nothing like this has always made me feel that Muhammad deserves to be considered one of the most influential individuals in the history of mankind "(page 40).

Muhammad, the prophet of the ideal to the most powerful in the world.

If you study the history of the world would find those leaders who have influenced the world in various fields. Whether the Northmen Pharaoh of Egypt. Theodore Alexander of Macedonia.
Caesar of Rome The Napoleon of France or the famous philosopher Socrates.
Plato, Aristotle, even the life of a scientist, the great, like Isaac Newton, Louis Pasteur, Galileo until the contemporary with people like Karl Marx, Lenin, Mao Zedong. and John F. Kennedy.

But if we consider the ideal leader. The influence covers all aspects of human existence, then he must be a model of virtue and goodness to people who want to follow it. The ability to solve the problems of society. Created Equal Fraternity sector to humans Including successful in restoring the moral, ethical, spiritual good of mankind. For which he will be able to inspire immense.
People have the faith

Which would be the life and influence of prophets or messengers. (Believed to have received messages from God) in different religions, whether Moses, Jesus and Muhammad is considered the last messenger. I reiterate that the original teachings about faith in one God or Buddha's teachings, we will see that these people have taken.
Public has the faithful and wish to follow the example of many.
The Christian religion, Islam, Buddhism is the largest in the world. If you count the number
Respect population

In the recorded history of the Islamic Prophet Muhammad in detail and as a science, as a scientific process. Which covers all the missionary life of 23 years is considered a model of the source of the provisions in the second religion after. Quran First, there is an enormous amount of mass in the first, "memorized" the example of the Prophet Muhammad. Whether the words and deeds of the prophet.

Dr. A. Springer Westerners first to write a biography of the Prophet Muhammad from the original Arabic sources expressed amazement. By mentioned in his writings that.
"If saving the lives of these Muslims were gathered up. We may have a list of outstanding individuals to half a million ... "(Nadwi 1977: 68).

Prophet Muhammad The model for the integration of all to life. "Pattern of life" that was built on the idea.
"Unity of God," whether in terms of behavior both inside and outside. All that for a "Form of Life"
As revealed in Scripture Al Quran as "letters to the leader (Prophet Muhammad) to witness (a) to Allah" (Allah Kuda 2547: 42-43).

When asked about the characteristics of the Prophet Muhammad. Lady Ai's wife Ayesha Islam said. "Personality of the Koran" (Reported by al-Saeed's).
Because your life is a reflection of the Quran. The Word of God

Qur'an was revealed by Allah, Allah. It may not result in any change in human society except through the transformation into the action of the Holy Prophet (mule Moon 2548: 58).
Then the companions who live with you. Trained WAK with your model Such as fountains of pure water that they drink. As a result, they have been characterized as a doctorate in history.

The various dimensions of life, the people who surrounded him, are all outstanding issues, such as Umar Ibn neck LL.M. a virtuous ruler. Which is being held Top 52 most influential people throughout human history. (By the West)
It may be that the leadership of the greatest Muslim after the Prophet Muhammad. Who was delaying the expansion of Islamic rule out rapidly and extensively from the land of Arabia and Persia to Egypt without abuse and aggression. But the Justice As a rule Jerusalem, which is considered the golden age of the reconciliation of the people of three religions, Judaism, Christianity, Islam, which coexist peacefully.
The companions of the Others also have the ability to either side. Whether it is parents who are in the first three virtuous Abu Bakr al-Sid, Dick, come Othman ibn Ali ibn Allah and Allah Afghan Van de Beat Talib.

Throughout the history of Islam in 1400 year model of causing a person's great to live by the guidelines of whether the Uppsala Ehud Dean Al Ai UB medieval Westerners called Slavic soil. Parents who are virtuous people like the first.
And the parents Fatima Mohammed Al Islam in Turkey and the king's nest concept. The royal Mughal India.

In the Middle Ages, the Renaissance. The start-up has originated from the Islamic civilization PKHitti world history. Has stated in writing The History of Arabs of him, "University of Cordova. Education is the best in those days.
Because of this, before the al Assumption University's waiting for her bundle of Cairo and New Zomba Islam is Islam at Baghdad University. Cordova also offers the students are Muslim, Christian and other congregations. Those students with both the Spanish Europeans Africans.
And Asian universities Cordova is located in the capital city mosque (Ibrahim Hemings keeping the campaign 2546: 86) "of Spanish, which is occupied Muslim lands. We met famous scholars such as Ibn Rosina philosopher. Medical and Juan Alberto Salinas philosopher Ibn collection, which they see as a political scientist, is operated by the Messenger to become teachers of humanity.

Perfect behavior of Mercy (Perfect Behavior of Mercy).

The definition of "good leadership" is the term given by Deming (Deming), which he said "Good leaders are leaders who can build strong leadership to others listening public and forgiveness towards. Their break these "... which is materially similar to the teachings of Islam that (Na Na Sir Brian Dawn Jan 2548: 116) The Quran is the word of Allah, Allah said to Prophet. that Muhammad "We have not sent thee but as a mercy to the worlds".

"The mercy of Allah that. (O Prophet) was polite to them. If you are uncouth behavior and are hardened and ground. Of course they would secede from around you, then so be forgiven unto them. And apologize to them. And consult them in affairs with men. When you have already decided Then rely upon Allah alone. Indeed, Allah loves those who commissioned them. "

The Arab historians had described the picture of your bag in this matter.
"The Prophet, which was surrounded by disciples. Around you is comparable to that glorious full moon month. And the stars of the Spanish down light around. While Halo came out brighter and brighter. So they have a radius. Exemplary leadership thy noble example of the power obsessed with the image itself. And filch strengthened themselves. He did not form a professor of jealous Sึeึe will soon be irritating. If students themselves stand out. The eclipse will not try to make disciples. Virtue and reduce them down. The Prophet also upgrade and improve them over time.
And lead them to admit that what is best. And most noble for them "(Ba Si Sa Zachariah R. 2540: 58).

Quran is the word of Allah, Allah has mentioned that Prophet Muhammad. "We have not sent thee but as a mercy to the worlds".

Abul Hasan Ali's appointment Garvey Hakim's Islamic Indians have discussed the benefits gained from this world to you.

"The world has come to the freshness of life, justice, goodness, became a sign of it. The weakness is courage. To claim their rights from the height and strength by the kindness and gentleness becomes the norm. It is time, humanism has become a driving force for faith and confidence to capture the human heart. Humanity is proud to And unselfish and good behavior. The character of the people listed below. Islam is a precious gift of conclusion. Which Islam plays an important role in elevating the values ​​and culture of mankind. The bright new world That's quite different from the decay and disintegration of man justified in its time of arrival. As a result of these. Walking to Islam

1. Faith in God is one of the clear, unambiguous.
2. The concept of the equality of man. And brotherhood
3. The concept of the dignity of human beings, and human beings are the creation of God.
4. Adoption complete status of women and recuperation legal rights to them.
5. rejection, despair and hope, increase confidence in being human.
6. secular and religious melting together. Refusal to accept the separation between the two.
7. The mix of religion and knowledge. By making one more thing to rely on. To raise awareness and honor. By revealing the meaning of approaching God.
8. A focus on the use of intelligence in regard to religion and spirituality. And encourage the study and considered a natural phenomenon.
9. To give those who follow Islam responsible for the propagation of values ​​and goodness to the world and to oblige them to restore the truth and justice.
10. Establishment of faith and culture internationally.













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น