ถ้าเอ่ยชื่อมุฮัมหมัด อาลี สิงห์จอมโว ผมเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักโดยเฉพาะแฟนกีฬาหมัดมวย ทุกครั้งที่มีการถ่ายทอดการชกของเขา ชาวโลกจะคอยจับจ้องหน้าจอโทรทัศน์ด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน บางคนอยากเห็นเขาโดนน็อกเพราะหมั่นไส้ที่เขาชอบคุยโวว่าจะน็อกคู่ต่อสู้ยกนั้นยกนี้ บางคนชื่นชอบในลีลาการเคลื่อนไหวเหมือนผีเสื้อ แต่ออกหมัดชกคู่ต่อสู้แต่ละหมัดเหมือนผึ้งต่อยของเขา และเนื่องจากเป็นคนผิวดำ เขาจึงได้ฉายาว่า “แบล็ค ซูเปอร์แมน”
หลายคนที่อายุวัยห้าสิบขึ้นไปคงจำได้ว่าวันที่เขาชกกับโจ ฟราเซียและยอร์จ โฟร์แมนนั้น ถนนหนทางในกรุงเทพเงียบเหมือนช่วงวันสงกรานต์
แม้การต่อสู้บนสังเวียนมวยของเขาได้สร้างความตื่นตาประทับใจให้แก่ชาวโลก แต่การต่อสู้นอกสังเวียนของเขาน่าสนใจกว่านั้นอีก
มุฮัมหมัด อาลี เดิมมีชื่อว่าแคสเซียส เคลย์ เป็นชาวอเมริกันผิวสี เขาได้ชื่ออิสลามเมื่อเขาเข้าไปร่วมเป็นสมาชิกของขบวนการคนผิวดำที่มีชื่อว่า “ชาติแห่งอิสลาม” (Nation of Islam) ใน ค.ศ.1964 ขบวนการนี้มีผู้นำชื่อเอลิยาห์ มุฮัมหมัด ซึ่งสมาชิกในขบวนการนี้เชื่อว่าเอลิยาห์เป็นนบีหรือศาสดาที่พระเจ้าส่งมาเพื่อคนผิวดำในอเมริกาเป็นการเฉพาะ
การประกาศตัวว่าเขาหันมารับอิสลามและใช้ชื่อใหม่ทำให้คนในครอบครัวและเพื่อนๆรอบตัวเขารู้สึกไม่พอใจ แต่กระนั้นก็ตาม เขาก็ยังใช้ชีวิตด้วยความยึดมั่นในหลักศรัทธาของอิสลามตามที่เขาเข้าใจในเวลานั้นโดยไม่หวั่นไหว
ระหว่างทศวรรษที่ 60 และ 70 เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายในสหรัฐเนื่องจากการประท้วงสงครามเวียตนามของชาวอเมริกันอย่างต่อเนื่อง หลายคนจึงมองขบวนการชาติอิสลามว่าเป็นการข่มขู่อย่างหนึ่งต่อความมั่นคงภายใน
ช่วงเวลาแห่งสงครามเวียตนามนี้เองที่มุฮัมหมัด อาลีได้รับหมายเรียกจากรัฐบาลสหรัฐให้ไปรายงานตัวที่กองทัพบกเพื่อส่งเขาไปสู่สมรภูมิเวียตนาม แต่เขาปฏิเสธหมายเรียก ความจริงแล้ว เขาจะขอใช้สิทธิ์ยกเว้นการเกณฑ์ทหารโดยอ้างสถานะภาพทางอาชีพค้ากำปั้นของเขาก็ได้ แต่เขาต้องการให้โลกรู้ถึงเหตุผลจริงๆที่เขาไม่ยอมรับหมายเรียกเกณฑ์ทหาร
มุฮัมหมัด อาลีไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลสหรัฐที่ทำสงครามเวียตนามและเขาไม่ต้องการที่จะเข้าไปร่วมในการกดขี่ข่มเหงคนอื่น รัฐบาลอเมริกันและชาวโลกต้องตะลึงในท่าทีของเขาเมื่อเขาออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่า :
“ผมไม่ได้ทะเลาะกับพวกเวียตกง ไม่มีเวียตกงคนใดเรียกผมว่า นิกเกอร์(หมายถึงนิโกร) ไม่ ผมจะไม่เดินทางไปเป็นพันไมล์เพื่อไปเข่นฆ่าและเผาคนอื่นเพื่อช่วยให้นายทาสผิวขาวมีอำนาจเหนือคนผิวสีทั่วโลก นี่เป็นเป็นยุคที่ความไม่เป็นธรรมอันชั่วร้ายเช่นนั้นต้องจบสิ้นลงแล้ว” นั่นเป็นคำพูดของเขาใน ค.ศ.1966
คำร้องขอยกเว้นการเกณฑ์ทหารโดยอาศัยเหตุผลทางศาสนาของเขาถูกทางการสหรัฐปฏิเสธ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถูกปรับเป็นเงิน 10,000 ดอลล่าร์และถูกจำคุก 5 ปี สหพันธ์มวยอาชีพที่ครั้งหนึ่งเคยยกย่องเขาได้ริบตำแหน่งแชมเปี้ยนโลกรุ่นเฮฟวีเวทของเขาและห้ามเขาชกมวยอีกต่อไป
ถึงแม้รัฐบาลสหรัฐและองค์กรมวยอาชีพจะทำลายอาชีพของเขา แต่เขาก็ยังมั่นคงในความศรัทธาและความเชื่อส่วนบุคคลของเขา เขาไม่แยแสต่อเงินหรือชื่อเสียง แต่เขาต้องการที่จะเห็นคนของเขาและคนทั่วโลกมีสิทธิเท่าเทียมกัน ช่วงเวลาห้าปีที่เขาถูกสั่งห้ามขึ้นเวทีชกมวยนี้เองจึงเป็นช่วงเวลาแห่งการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ถึงสิ่งที่เขาเชื่อมั่นและมันเป็นการต่อสู้ที่หนักกว่าบนสังเวียนมวยอย่างเทียบกันไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ท้อถอยและเชื่อว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องสร้างแบบอย่างที่ดีให้แก่ชาวอเมริกันเชื้อสายอาฟริกาและมุสลิมทั่วโลก
หลังจากถูกห้ามชกเป็นเวลาสามปีครึ่ง เขามีโอกาสกลับมาชกอีกครั้งหนึ่งกับเจอร์รี ควอรี ใน ค.ศ.1970 ที่แอตแลนตา และเขาได้พิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นว่าเขายังเป็นแชมเปี้ยนโลกอยู่
มุฮัมหมัด อาลี เลิกชกมวยอาชีพใน ค.ศ.1981 แต่เขายังคงต่อสู้ในทางความเชื่อส่วนตัวและความเชื่อทางศาสนาด้วยการให้เงินสนับสนุนหลายองค์กรที่เขารัก ถึงแม้เขาจะเป็นโรคพาร์คินสัน(โรคมือเท้าสั่น) แต่เขาก็ไม่เคยบ่นน้อยใจในสภาพของเขา ในทางตรงข้าม เขากลับพูดอยู่เสมอว่าโรคของเขาเป็นความโปรดปรานจากพระเจ้าที่ช่วยให้เขาใช้ชีวิตทางศาสนาได้มากขึ้นและเปิดประตูให้เขาได้ช่วยคนอื่นได้มากขึ้น
เขาเป็นผู้เริ่มต้นก่อตั้งศูนย์พาร์คินสันมุฮัมมัด อาลี และสนับสนุนองค์กรกีฬาและองค์กรการกุศลหลายแห่ง ใน ค.ศ.1998 เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้นำสารแห่งสันติภาพของสหประชาชาติเพราะการที่เขาออกไปช่วยพัฒนาประเทศต่างๆ
เมื่อเขาได้มีโอกาสศึกษาคำสอนอิสลามดั้งเดิมและมีความเข้าใจอิสลามมากขึ้น เขาจึงได้ออกจากการเป็นสมาชิกขบวนการชาตินิยมผิวดำที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองว่าเป็นขบวนการต่อต้านชาวอเมริกันและเป็นอันตราย
ในช่วงวัยชรา เขายังคงพูดเรื่องของอิสลามให้แก่คนที่ต้องการฟังและเขาเรียกร้องให้คนทั่วไปอ่านคัมภีร์กุรอานและท้าให้คนที่อ่านจับผิดสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์กุรอาน
ด้วยหัวใจอันแข็งแกร่งจากความศรัทธาและผลงานของเขานี้เองที่ทำให้นิตยสารไทม์สจัดเขาเป็นหนึ่งในยี่สิบชาวอเมริกันที่มีอิทธิพลที่สุด
วันนี้ แม้พระเจ้าจะรับชีวิตของเขาไปแล้วในวัย 72 ปี แต่ตำนานการชกอันลือลั่นของเขายังคงถูกบันทึกไว้ในวงการกีฬาตราบนานเท่านาน หลับให้สบายมุฮัมมัด อาลี ตื่นมาอีกทีขอให้ได้รับความเมตตาจากอัลลอฮฺที่นายศรัทธา
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Life outside the ring of Muhammad Ali.
If you mention the name Muhammad Ali Wong Sing Vol I believe that I do not know, especially boxing fans. Every time there is a transfer of his punches. The world will be glued to TV screens with different emotions. Some people want to see him get knocked disturbing because he likes to brag that will knock the lift is raised. Some like rhythmic movement like a butterfly. But out punch punch punch each opponent like a bee sting him. And since blacks He is dubbed the "Black Superman".
Many people over age fifties still remember the day he punches Joe. Latif Sierra and George Foreman in the streets of Bangkok during the Songkran-like silence.
Although the fighting on the boxing ring, he has made a stunning impression on the world. But the fight outside the ring, he's more interesting than that.
Muhammad Ali, formerly Cassia South American clay-colored skin. His name when he was a member of the Islamic Movement Blacks named. "Nation of Islam" (Nation of Islam) in 1964, this movement has a leader Elijah Muhammad, who in this movement believe that Elijah was a prophet or a prophet sent by God to man. blacks in America, specifically
Announced that he converted to Islam and took the name of the family and make new friends around him feel unwelcome. Notwithstanding He was still living with adherence to the faith of Islam as they understand at the time, without wavering.
During the 60s and 70s was a time of turmoil in the United States since the Vietnam War protests of Americans continues. Many people look at the Islamist movement as a threat to internal security.
At the time of the Vietnam War, this is Muhammad. Ali received a subpoena from the US government to report to the Army to send him to the Battlefield Vietnam. But he refused the summons fact, he reserves the right to exclude drafted by the professional status of his fist. But he wants the world to know the real reason he did not accept the summons drafted.
Muhammad Ali did not agree with the US government's war in Vietnam and he did not want to be involved in the persecution of others. American government and people of the world must be wrapped in his attitude when he announced clearly.
"I have no quarrel with them Viet West d. Weir was not the one calling me. Niggers (the Negro) No, I will not travel thousands of miles to kill and burn other people to help the white slave dominating the black world. This is an era of injustice as an evil that must end, "it's his word in 1966.
Except petition drafted by religious reasons, was denied a US official. not only He also was fined 10,000 dollars and imprisonment for five years, the Federal boxing career was once considered to have forfeited his World Heavyweight Champion, and he banned boxing anymore.
Although the US government and to destroy his professional boxing career. But he was firm in his faith and personal beliefs. His indifference to money or fame. But he wants to see his people and the world have equal rights. But he was not discouraged and believes it is his duty to create a role model for African-Americans and Muslims around the world.
DUI after being banned for three and a half years. He has a chance to strike again with Jerry quart Oval in 1970 at Atlanta, and he has proven to the world that he is a world champion.
Muhammad Ali's boxing career, retiring in 1981 but he continued to struggle in the faith and religious beliefs by providing financial support to organizations that they love. Despite his disease, Parkinson's disease (hands, feet shaking), but he never complained offense in his condition in the opposite way, he always said that his disease is a grace from God that allows him to use. religious life has become more and opened the door for him to help others more.
He was the initial founder Muhammad Ali Parkinson Center and supported many charities and sports organizations in 1998, he was chosen as a messenger of peace, UN, because he went out to help developing countries. various
When he had the opportunity to study Islamic teachings and the traditional Islamic understanding more. He got out of a black nationalist movement that most Americans viewed as anti-American and dangerous.
In old age, he continued to speak about Islam to anyone who wants to listen, and he urges people to read the Quran and the challenges that girls read what is in the Quran.
With the heart of a strong faith, and his work is what will make the Times he was one of the twenty most influential Americans.
Even today, God will take away his life at the age of 72 years, but the legend of the famous punch to release his remains were saved in the sport for a long time. Muhammad Ali waking sleep well again asked to receive mercy from Allah that the believers.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น