บรรจง บินกาซัน
ในเมืองดามัสกัส มีชาวยิวคนหนึ่งเป็นผู้รู้คัมภีร์ทางศาสนา วันหนึ่ง เขาอ่านพบชื่อของนบีมุฮัมมัดอยู่ในคัมภีร์ที่เขาศึกษา ด้วยความไม่ชอบ เขาได้ลบชื่อนั้นออกไป แต่วันรุ่งขึ้น เขาก็พบชื่อของนบีมุฮัมมัดอยู่ในคัมภีร์นั้นอีก เขาจึงลบชื่อนั้นอีก แต่วันที่สาม ชื่อนั้นก็ปรากฏขึ้นอีก เขาจึงคิดว่า “บางที นี่คือสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าศาสนทูตที่แท้จริงได้มาแล้ว ฉันจะเดินทางลงใต้ไปยังเมืองยัษริบ”
หลังจากออกเดินทางรอนแรมมาอย่างยาวไกล ในที่สุด เขาได้มาถึงเมืองยัษริบ เมื่อมาถึงที่นั่น เขาไม่รู้จักใคร ขณะที่เดินเข้ามาใกล้มัสยิด อนัสผู้เป็นสาวกคนหนึ่งของนบีมุฮัมมัดมาถึงพอดี เขาจึงบอกอนัสว่า “นี่ พ่อหนุ่ม ช่วยพาฉันไปหานบีมุฮัมมัดหน่อยสิ”
อนัสได้พาชาวยิวคนนั้นเข้าไปในมัสยิดที่เต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังโศกเศร้าอาดูร ในเวลานั้น อบูบักร์ผู้สืบอำนาจการปกครองต่อจากนบีมุฮัมมัดนั่งเป็นประธานในที่ชุมนุม ชายชราชาวยิวคนนั้นได้ตรงไปหาเขาโดยคิดว่าเขาต้องเป็นนบีมุฮัมมัดอย่างแน่นอน เมื่อถึงตัว เขาได้กล่าวว่า “โอ้ศาสนทูตผู้ได้รับการคัดเลือกของพระเจ้า ชายชราที่หลงทางคนหนึ่งมาหาท่าน ขอความสันติจงมีแด่ท่าน”
เมื่อได้ยินฉายาที่ชาวยิวคนนั้นใช้เรียกนบีมุฮัมมัด ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างพากันน้ำตาไหลพราก ชาวยิวคนนั้นจึงประหลาดใจจนทำอะไรไม่ถูก เขากล่าวว่า “ฉันเป็นคนต่างถิ่นและเป็นชาวยิว ฉันไม่รู้ถึงพิธีกรรมแห่งความศรัทธาของอิสลาม ฉันพูดอะไรผิดหรือ? ฉันควรจะนิ่งเงียบใช่ไหม? หรือนี่คือการปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา? พวกท่านร้องไห้ทำไม? ถ้ามันเป็นพิธีกรรม ฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อน”
อุมัรฺ สาวกคนสนิทอีกคนหนึ่งของนบีมุฮัมมัดได้บอกเขาว่า “เราไม่ได้ร้องไห้เพราะสิ่งที่ท่านได้พูดหรือทำไป แต่ท่านต้องได้ยินเรื่องราวเศร้าโศกที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์หนึ่งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน นั่นคือการจากโลกนี้ไปของมุฮัมมัด ศาสนทูตของพระเจ้า ดังนั้น เมื่อเราได้ยินชื่อของนบี ความเศร้าโศกจึงประเดประดังเข้ามาในหัวใจของพวกเราอีกครั้งหนึ่ง”
ทันทีที่ชายชราชาวยิวได้ยินเรื่องนี้ เขาได้ฉีกเสื้อผ้าของเขาด้วยความโศกเศร้าอาลัยตามประเพณีของชาวยิว เมื่อเขาคลายความโศกเศร้าลงบ้าง เขาจึงกล่าวว่า “พวกท่านทำอะไรให้ฉันหน่อยได้ไหม อย่างน้อยที่สุด ขอให้ฉันได้มีเสื้อคลุมของนบีไว้ ถ้าฉันไม่สามารถเห็นเขาได้ ขอให้ฉันมีเสื้อคลุมของเขาไว้กับตัวก็ยังดี”
อุมัรฺตอบว่า “ฟาฏิมะฮฺลูกสาวของนบีเท่านั้นที่สามารถให้เสื้อคลุมของนบี” อะลีลูกเขยของนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า “แต่นางไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้นาง” ดังนั้น พวกเขาจึงไปที่บ้านของนางและเคาะประตูบ้านเพื่ออธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการ
ฟาฏิมะฮฺตอบว่า “พ่อฉันพูดอะไรไปแล้วเป็นจริงทุกอย่าง ก่อนหน้าพ่อเสียชีวิต พ่อได้กล่าวว่า “จะมีคนเดินทางคนหนึ่งมาที่บ้าน คนผู้นั้นเป็นผู้ที่รักฉันและเป็นคนดีด้วย แต่เขาจะไม่เห็นฉัน จงให้เสื้อคลุมที่มีรอยปะชุนตัวนี้แก่เขาเหมือนกับว่าฉันให้เขา จงดูแลเขาแทนฉันด้วยดีและฝากสลามจากฉันถึงเขาด้วย”
เมื่อฟาฏิมะฮฺนำเสื้อคลุมของนบีมาให้ ชาวยิวคนนั้นได้สวมเสื้อคลุมด้วยตัวเองและขอให้คนพาเขาไปที่หลุมฝังศพของนบี เมื่อเขาถูกพาไป เขาได้พบว่าที่บ้านของนบีนี้เองที่นบีมุฮัมมัดได้หายใจเป็นครั้งสุดท้ายและศพของท่านถูกฝังที่นั่น
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
The robes of the prophets that were deposited for the Jews
Banjong BinkasonIn Damascus There was a Jew who knew religious scriptures. One day he read the name of the Prophet Muhammad in the scriptures he studied. With dislike He removed that name. But the next day He found the name of the Prophet Muhammad in it again. He then deleted the name, but the third day appeared again, so he thought, "Perhaps this is a sign that the true messengers have already come. I will travel south to Yassib. "
After leaving for a long time, he finally came to Yassib. When there He doesn't know anyone. While approaching the mosque Anas, one of the disciples of the Prophet Muhammad, came to fit. He then told Anas, "This young man helped me to go to Prophet Muhammad."
Anas led the Jews into a mosque full of people who were sad. At that time, Abu Bakr, who continued his rule after the Prophet Muhammad, sat as president. The old Jewish man went straight to him, thinking that he was certainly a prophet when he said that "Oh, the messengers who have been chosen by God. An old man who lost one way to him May peace be upon you. "
When he heard the name that the Jew used to call the Prophet Muhammad All those who were there brought tears. The Jew was so surprised that he could not do anything. He said, "I am a foreigner and a Jew. I do not know of the ritual of Islamic faith. Am I saying something wrong? Should I be silent? Or is this a ritual practice? Why are you crying? If it is a ritual I never knew before. "
One of the close disciples of the Prophet Muhammad told him that "We didn't cry because of what he had said or done. But you have to hear the sad story that just happened one week ago. That is from the world of Muhammad. God's messengers, so when we hear the name of the Prophet The grief therefore came into our hearts again. "
As soon as the Jewish old man heard this He tore his clothes with sadness, lamenting the Jewish tradition. When he relieved some sadness He said "What can you do for me? At least May I have the robe of the Prophet If I can't see him Let me have his robe on my body, still good. "
Umar replied, "Fatima, the daughter of the Prophet, can only give the robe of the Prophet." Ali, the son of the Prophet Muhammad said, "But she didn't allow anyone to approach her." So they went to her house and knocked on the door to explain what they wanted.
Fatimah replied that "What did my father say? It's true. Everything. Before his father died Father said "There will be a person traveling to the house. That person is the one who loves me and is a good person too. But he will not see me Give him this robe that has a patch of hair as if I had given him. Take good care of him instead of me, and leave me from him. "
When Fatima brought the robe of the Prophet The Jew had put on his own robe and asked him to take him to the grave of the prophet. When he was taken He found that the house of the Prophet Muhammad had breathed for the last time and his body was buried there.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น