บรรจง บินกาซัน
ไม่เกินความจริงที่ตั้งชื่อบทความเช่นนั้น เพราะเมื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯนั่งบนบัลลังก์ของแต่ละคนในห้องพิพากษา ทางด้านขวา ด้านหน้าและด้านซ้ายของผู้พิพากษาเหล่านั้นจะมีแผ่นภาพปูนปั้นที่แสดงถึงผู้ออกกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกจำนวน 18 คน
บนภาพปูนปั้นทางด้านขวาเป็นภาพของคนผู้หนึ่งถือคัมภีร์กุรอานซึ่งเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของอิสลาม ภาพนี้ต้องการจะสื่อให้รู้ว่านี่คือนบีมุฮัมมัดผู้เป็นหนี่งในบรรดาผู้ออกกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เช่นเดียวกับโมเสส โซโลมอน ขงจึ๊อ ฮัมมูราบีและคนอื่นๆ
ข้อความต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เวบไซต์ของศาลสูงสุดของสหรัฐกล่าวเกี่ยวกับภาพปูนปั้นดังกล่าว :
“มุฮัมมัด (ค.ศ.570-632) นบีแห่งอิสลามที่เห็นในภาพกำลังถือคัมภีร์กุรอานอยู่ คัมภีร์กุรอานเป็นแหล่งที่มาเบื้องแรกของกฎหมายอิสลาม ส่วนคำสอนและการปฏิบัติของนบีมุฮัมมัดเป็นคำอธิบายหลักการของคัมภีร์กุรอาน รูปดังกล่าวเป็นความพยายามด้วยความตั้งใจดีของนายอดอล์ฟ ไวน์แมน ประติมากรที่ต้องการให้เกียรตินบีมุฮัมมัดและมันไม่ได้เหมือนใบหน้าจริงของนบีมุฮัมมัดแต่ประการใด มุสลิมโดยทั่วไปไม่เห็นด้วยอย่างแรงต่อการปั้นหรือวาดรูปเพื่อนำเสนอนบีของตน”
รูปปูนปั้นของนบีมุฮัมมัดถูกนำไปติดตั้งในสมัยที่นายแฟรงค์กลิน ดี. รูสเวลท์เป็นประธานาธิบดีและนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ฮิวจ์ เป็นหัวหน้าผู้พิพากษา ไม่มีใครรู้ว่าศาลมีเจตนาอย่างไรในการมีส่วนร่วมทางสถาปัตยกรรมชิ้นนี้ ในตอนนั้น ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่จะเอารูปวาดหรือรูปปั้นของนบีมุฮัมมัดไปรวมไว้ในห้องศาลสูงสุดของสหรัฐฯในฐานะผู้ออกกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เพราะในสังคมสหรัฐฯเวลานั้นยังไม่มีความหลากหลายของผู้คนเหมือนสมัยนี้ ในตอนนั้น ผู้หญิงเพิ่งมีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง และชาวอเมริกันสายเลือดญี่ปุ่นเป็นเป้าหมายของการถูกจับไปเข้าค่ายกักกัน
ในขณะที่ผู้มีการศึกษาดีในสังคมโลกรู้ถึงสิ่งที่นบีมุฮัมมัดได้ทำไว้ให้แก่โลก แต่ผู้คนอีกจำนวนมากยังได้รับข้อมูลข่าวสารผิดๆเกี่ยวกับนบีมุฮัมมัดและชะรีอ๊ะฮฺ ความจริงแล้ว แนวทางของนบีมุฮัมมัดนั่นเองที่เป็นตัวอธิบายขยายความกฎหมายอิสลาม
นบีมุฮัมมัดเป็นผู้มองเห็นภาพสังคมที่ยุติธรรมและสงบสุข ท่านบรรลุถึงเป้าหมายนี้ในขณะที่ยังมีชีวิตด้วยการเคลื่อนไหวทางสันติภาพ ท่านเกลียดสงครามและชอบที่จะทำสัญญาสันติภาพกับศัตรูของท่านเสมอแม้มันจะทำให้ท่านเสียเปรียบและสาวกของท่านเสียประโยชน์ ท่านได้สร้างอาณาเขตแห่งสันติภาพครั้งแรกของท่านขึ้นในเมืองมะดีนะฮฺโดยไม่ต้องทำสงครามแต่ประการใด ท่านต่อสู้เพื่อป้องกันคนของท่านในอาณาเขตแห่งสันติภาพไม่เกินหกวันในชีวิต 63 ปีของท่าน ท่านต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพที่จะประกันความยุติธรรมและเสรีภาพของประชาชนโดยเฉพาะคนกลุ่มน้อยและผู้ถูกกดขี่
ทุกวันนี้มุสลิมทั่วโลกยังคงปฏิบัติตามกฎหมายอิสลามในส่วนที่เป็นเรื่องพิธีกรรมทางศาสนา จริยธรรม ศีลธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ มุสลิมดำเนินชีวิตตามชะรีอ๊ะฮฺทุกวันในการละหมาด การถือศีลด การกินอาหารฮาลาล การบริจาค การเลี้ยงดูครอบครัวและช่วยเหลือสังคม
ชะรีอ๊ะฮฺก็เหมือนฮาลาชาซึ่งชาวยิวในอเมริกาปฏิบัติ ชาวยิวในอเมริกาถึงขนาดมีศาลยิวในสหรัฐซึ่งเรียกว่าเบธดิน แต่มุสลิมไม่เคยมีศาลเช่นนั้น
ชาวอเมริกันมุสลิมอยู่ภายใต้กฎหมายของสหรัฐเหมือนกับพลเมืองอื่นๆ ไม่มีมุสลิมคนใดเรียกร้องให้นำชะรีอ๊ะฮฺมาแทนรัฐธรรมนูญของสหรัฐ ชะรีอ๊ะฮฺไม่ใช่รัฐธรรมนูญและไม่ใช่กฎหมายทั้งหมด แต่มันเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของผู้ศรัทธาในพระเจ้า
ดังนั้น การนำชะรีอ๊ะฮฺไปบังคับใช้กับคนทั่วไปจึงเป็นการขัดกับชะรีอ๊ะฮฺในตัวเอง ที่สำคัญคือ ชะรีอ๊ะฮฺนั้นมีไว้ใช้กับมุสลิมเท่านั้น ไม่ได้ใช้กับผู้ที่มิใช่มุสลิม
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
All US judges know the Prophet Muhammad.
Banjong Binkason
Not beyond the fact that the article is named like that Because when the United States Supreme Court judge sat on the throne of each of the judges on the right, front and left sides of those judges, there were 18 stucco plates showing the world's greatest legislators.
On the stucco image on the right is a picture of a person holding the Quran, the holy scripture of Islam. This image wants to convey that this is the Prophet Muhammad, one of the greatest lawmakers in the world. As well as Moses, Solomon, Confucius, Hammurabi and others
The following is what the US Supreme Court website says about the stucco:
"Muhammad (AD 570-632) The Prophet of Islam, as seen in the picture, is holding the Quran. The Quran is the first source of Islamic law. The teachings and practices of the Prophet Muhammad are explanations of the principles of the Quran. The image is an attempt with the good intentions of Nadolphol Winesman, a sculptor who wants to honor the Prophet Muhammad and it does not look like the true face of Prophet Muhammad. Muslims generally do not strongly oppose the molding or drawing to present their prophets. "
The stucco image of the Prophet Muhammad was installed in the days when Mr Frank Glinde Roosevelt was the president and Charles Evans Hughes was the chief judge. No one knows what the court had intended to participate in this architectural work. At that time, no one knew it was inappropriate to put the drawing or statue of the Prophet Muhammad into the United States Supreme Court. As the world's greatest legislator Because in the US society at that time there was still no diversity of people like today. At that time, women had the right to vote. And the American bloodline, Japan, is the target of being arrested for concentration camps
While those who are well educated in the world society know what the Prophet Muhammad has done for the world. But many people still receive misinformation about the Prophet Muhammad and Shari. In truth, the way of the Prophet Muhammad is described as an extension of Islamic law.
Prophet Muhammad is a visionary and peaceful society. He achieved this goal while still living in peace. He hates war and always likes to make peace with your enemies, even if it makes you disadvantageous and your disciples lose their benefits. He built his first peace territory in Madinah without any war. He fought to protect his people in the territory of peace no more than six days in his 63-year life. He fought to gain peace that would guarantee justice and freedom of the people, especially minority and oppressed.
Today, Muslims around the world continue to follow Islamic law in terms of religious rituals, ethics, morals and human relations. Muslims live every day in prayer, prayer, halal food, donations, raising families and helping society.
Chari Ahh is like Hala, which Jews in America practice. The Jews in America have polled a Jewish court in the United States called Beth Din. But Muslims never had such a court.
Muslim Americans are under US law like other citizens. There are no Muslims calling for Chari-hoh to replace the US Constitution. Chari Ahh is not a constitution and not all laws. But it is the way of life of believers in God
Therefore, bringing Chaoroh to be applied to the general people is contrary to Chari Aoh in itself. The important thing is that Chari Aoh is only used for Muslims. Not used for non-Muslims
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น