บรรจง บินกาซัน
มนุษย์ทุกคนต้องการให้ชีวิตของตัวเองมีความปลอดภัยและมีกิน โดยเฉพาะมนุษย์เพศหญิงที่อ่อนแอ ดังนั้น ผู้หญิงในอดีตจึงต้องการผู้ชายมาคุ้มครองและหาเลี้ยงไม่ว่าตนเองจะเป็นภรรยาลำดับที่เท่าไหร่ของผู้ชายที่เป็นสามีของตน นอกจากนี้แล้ว สัญชาติญาณของความเป็นแม่ยังทำให้ผู้หญิงต้องการมีลูกเพื่อดูแลช่วยเหลือตัวเองในอนาคตหลังจากที่สามีต้องจากไป
ในสังคมเผ่าที่ความเข้มแข็งขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ชาย หัวหน้าเผ่ามักจะมีภรรยาหลายคนโดยหวังว่าจะมีลูกชายหลายคนมาสร้างความเข้มแข็งและสืบทอดอำนาจการปกครองเผ่าต่อไป
การมีภรรยาหลายคนในอดีตจึงเป็นเรื่องธรรมดาหรือเป็นความจำเป็นของสังคมเสียด้วยซ้ำถ้าเราไม่เอาแว่นตายี่ห้อ MONOGAMY (การมีภรรยาเพียงคนเดียว)ที่ฝรั่งคิดขึ้นมาใส่มองสังคมในยุคนั้น
แต่การมีภรรยาหลายคนในอดีตไม่ได้มีการจำกัดจำนวน ปัญหาที่ตามมาก็คือ ในบางกรณี (มิใช่ทุกกรณี) สามีไม่สามารถดูแลภรรยาและลูกๆได้ทั่วถึงและเป็นธรรม
สังคมอาหรับในยุคอวิชชาก่อนหน้าอิสลามก็ไม่แตกต่างไปจากสังคมในส่วนอื่นๆของโลก
ในขณะที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสนทูตของพระเจ้า นบีมุฮัมมัดแต่งงานเมื่ออายุ 25 ปีกับนางเคาะดีญะฮฺแม่หม้ายเศรษฐีนีวัย 40 ปีทั้งๆที่เวลานั้นท่านสามารถที่จะแต่งงานกับสาวโสดอายุรุ่นน้องคนใดก็ได้ เพราะคุณสมบัติของท่านจัดอยู่ในขั้นที่เรียกได้ว่าเนื้อหอมพอสมควร
หลังแต่งงาน นบีมุฮัมมัดใช้ชีวิตกับภรรยาเพียงคนเดียวในสถานะนายมุฮัมมัดและมีลูกด้วยกัน 6 คน เป็นผู้หญิง 4 คนและผู้ชาย 2 คน แต่ลูกชายทั้งสองคนของท่านได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก
เมื่อท่านได้รับภารกิจการเป็นนบีทำหน้าที่ประกาศสัจธรรมอิสลามในวัย 40 ปี ท่านต้องประสบกับการต่อต้านทุกรูปแบบ นางเคาะดีญะฮฺภรรยาของท่านนี่เองที่ให้การสนับสนุนท่านทั้งทรัพย์สินและกำลังใจจนกระทั่งความตายได้มาแยกคนทั้งสองออกจากกันหลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมาเป็นเวลา 25 ปี
เมื่อนางเคาะดีญะฮฺจากไปโดยทิ้งลูกสาวสี่คนไว้ให้รับผิดชอบท่ามกลางภารกิจที่ยากลำบากและการต่อต้านที่รุนแรง ท่านจึงต้องแต่งงานอีกครั้งหนึ่งเพื่อหาภรรยามาคอยดูแลลูกสาว แม้ท่านจะเลือกแต่งกับหญิงสาวคนใดก็ได้ แต่ท่านเลือกแต่งงานกับนางเซาด๊ะฮหญิงหม้ายที่มีอายุมากกว่าท่าน
การแต่งงานครั้งที่สามของนบีมุฮัมมัดเกิดขึ้นเมื่อสาวกคนสนิทเสนออาอิชะฮฺลูกสาววัยประมาณ 10 ขวบให้แต่งงานกับท่านเพื่อผูกความสัมพันธ์กับนบีที่ตัวเองรักให้แนบแน่นยิ่งขึ้น พิธีแต่งงานมีขึ้นมิได้หมายความว่าจะต้องอยู่ด้วยกันเสมอ จนกระทั่งหลังจากนั้นอีกสี่ห้าปี เมื่อนบีมุฮัมมัดอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮฺแล้ว ท่านจึงให้คนมารับตัวเธอไปอยู่ที่มะดีนะฮฺ
การแต่งงานกับนางอาอิชะฮฺมีความสำคัญมาก เพราะเมื่อนบีมุฮัมมัดเสียชีวิตในวัย 63 ปี นางอาอิชะฮฺยังมีอายุยืนยาวต่อไปอีกหลายสิบปี นางจึงเป็นผู้ทำหน้าที่รายงานคำสอนและจริยวัตรของนบีมุฮัมมัดได้ยาวนานกว่าภรรยาคนอื่นๆโดยเฉพาะเรื่องการใช้ชีวิตสามีภรรยาในครอบครัว
ขณะที่อยู่ในเมืองมะดีนะฮฺ นบีมุฮัมมัดได้แต่งงานกับหญิงอีกหลายคนเพราะเหตุผลบางประการ เช่น ท่านแต่งงานกับหญิงหม้ายสองคนที่มีลูกติด คนหนึ่งสามีทิ้งและอีกคนหนึ่งสามีพลีชีพในสนามรบเพื่ออุปการะหญิงหม้ายทั้งสอง
ท่านแต่งงานกับหญิงบางคนเพราะพระเจ้าสั่งให้แต่งเพื่อลบล้างประเพณีความเชื่อดั้งเดิมของชาวอาหรับที่ไม่อนุญาตให้แต่งงานกับภรรยาของบุตรบุญธรรม เพราะถือว่าบุตรบุญธรรมเป็นเหมือนบุตรโดยสายเลือด
ภรรยาบางคนเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าชาวยิวที่แพ้มุสลิมในสงคราม และกฎของสงครามในเวลานั้นคือ ผู้แพ้ต้องตายหรือถูกขายเป็นทาส แต่ท่านนบีได้ขอแต่งงงานกับลูกสาวหัวหน้าเผ่ายิว เมื่อลูกสาวหัวหน้าเผ่ายิวตอบตกลง หลังแต่งงาน นางได้เลื่อนสถานะจากเชลยเป็นภรรยาของผู้นำรัฐอิสลาม และมุสลิมได้ปล่อยคนในเผ่าของนางที่ถูกจับเป็นเชลยเพื่อเป็นของขวัญการแต่งงานของนางกับท่านนบี
สิทธิการมีภรรยาหลายคนได้รับอนุญาตจากพระเจ้าเฉพาะนบีมุฮัมมัดเท่านั้นเพื่อเหตุผลในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในแผ่นดินอาหรับและเพื่อเหตุผลทางกฎหมาย
เมื่อมีสงครามเกิดขึ้นและสาวกของนบีมุฮัมมัดหลายคนต้องเสียชีวิตซึ่งทำให้มีเด็กหญิงกำพร้าและแม่หม้ายเกิดขึ้น คำบัญชาของพระเจ้าจึงได้กำหนดให้มุสลิมสามารถแต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองพึงใจเพื่อนำไปอุปการะได้ แต่ถูกกำหนดไว้ว่าต้องไม่เกินสี่คนโดยมีเงื่อนไขว่าสามารถให้ความยุติธรรมแก่ภรรยาทุกคนได้ หากเกรงว่าไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้ จงแต่เพียงหนึ่งเท่านั้น
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Why do Prophet Muhammad have many wives?
Banjong Binkason
Every human being wants his life to be safe and to eat. Especially the weak female human beings. Therefore, women in the past wanted men to protect and support regardless of the rank of their wives, the men who were their husbands. Besides The maternal instinct also makes women want to have children to take care of themselves in the future after the husband has to leave.
In tribal societies where strength depends on the number of men The tribal leaders tend to have multiple wives, hoping to have many sons to strengthen and inherit the power of the tribe.
Polygamy in the past is therefore a natural thing or even a necessity for society. If we don't wear monogamy glasses (having only one wife) that Westerners thought of to look at society at that time
But polygamy in the past did not limit the number The problem is that, in some cases (not all cases), husbands are unable to look after their wives and children thoroughly and fairly.
Arab society in the period of ignorance before Islam was no different from societies in other parts of the world.
While not yet appointed as a messenger of God Prophet Muhammad married at the age of 25 years with Mrs. Khabdi Jah, widow of the 40-year-old widow, although at that time you were able to marry single women of any age Because your qualifications are in a level that can be called
After marriage, Muhammad lived with only one wife as Mr Muhammad and had 6 children, 4 women and 2 men, but both of his sons died as an infant.
When he was given the mission of prophet Muhammad at the age of 40, he faced all forms of opposition. Tapped Dijah, his wife, supported him with both property and encouragement until death separated two people after living together for 25 years.
When she knocked Dijah away, leaving her four daughters responsible in the midst of a difficult mission and fierce resistance. He had to marry again to find a wife to look after his daughter. Although you can choose to marry any girl But he chose to marry Lady Saowah, a widow older than him.
The third marriage of the Prophet Muhammad occurred when a close follower proposed Aisha, a daughter aged about 10 years, to marry him in order to strengthen the relationship with his beloved prophet. The wedding ceremony does not mean that it must always be together. Until after four or five years When the prophet Muhammad migrated to Medina So he asked someone to come and pick her up in Madinah.
Marriage with Aisha is very important. Because when Prophet Muhammad died at the age of 63, Mrs. Aichah continued to live for many more decades She therefore is responsible for reporting the teachings and ethics of the Prophet Muhammad longer than other wives, especially about living the husband and wife in the family.
While in Medina The Prophet Muhammad married many other women for some reason, such as he married two widows who had children. One husband left and the other died in battle to support the two widows.
He married some women because God had instructed them to abolish the traditional beliefs of the Arabs that did not allow marrying their adopted wife. Because he considered an adopted child to be like a child by blood
Some wives are daughters of Jewish chiefs who were defeated by Muslims in war. And the rules of war at that time were Losers must die or be sold as slaves. But the prophet asked to marry the daughter of the chief of the Jewish tribe. When the Jewish chief's daughter agreed after the marriage, she was promoted from captivity to the wife of the Islamic state leader. And the Muslims released her captives as a gift for her marriage to the Prophet.
Polygamy is granted by God only for Prophet Muhammad for the purpose of creating unity in the Arab land and for legal reasons.
When war broke out and many of the followers of Prophet Muhammad died, resulting in the birth of an orphan and a widow. The commandment of the Lord has determined that Muslims can marry women that they like to be adopted. But was determined not to exceed four persons, provided that it was able to give justice to all wives If afraid that justice cannot be given Only one
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น