ที่มาของซะกาตุลฟิฏร์

บรรจง บินกาซัน

เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลามในเมืองมักก๊ะฮฺ ไม่เพียงแต่ท่านเท่านั้นที่ถูกต่อต้าน แต่ใครก็ตามที่หันมารับความศรัทธาและคำสอนของนบีมุฮัมมัดจะถูกข่มเหงรังแกด้วยไม่ว่าคนผู้นั้นจะยากดีมีจนหรือมีสถานะทางสังคมอย่างไรก็ตาม

การกดขี่ข่มเหงดำเนินไปเป็นเวลา 13 ปีโดยที่นบีมุฮัมมัดสั่งบรรดาสาวกของท่านมิให้โต้ตอบ แต่ให้ใช้ความอดทนและวิงวอนขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้า แต่เมื่อการต่อต้านรุนแรงจนถึงขั้นหัวหน้าเผ่าที่เป็นผู้นำชาวเมืองมักก๊ะฮฺวางแผนลอบสังหารนบีมุฮัมมัด พระเจ้าจึงบัญชาให้ท่านและบรรดาสาวกอพยพไปยังเมืองยัษริบ


การอพยพเป็นไปแบบลับๆโดยแบ่งออกเป็นกลุ่มๆและเดินทางในเวลากลางคืนเพื่อมิให้มีใครรู้ความเคลื่อนไหว จนกระทั่งทุกคนเดินทางไปหมดแล้ว นบีมุฮัมมัดจึงออกเดินทางอพยพเป็นรายสุดท้ายโดยมีสหายสนิทติดตามไปเพียงคนเดียว

มุสลิมที่อพยพไปยังเมืองยัษริบอยู่ในสภาพเดียวกัน นั่นคือ ทุกคนอยู่ในสภาพยากจน เพราะสาวกของท่านนบีส่วนใหญ่เป็นคนจนหรือไม่ก็เป็นทาส ส่วนคนที่มีฐานะก็ต้องทิ้งทรัพย์สินเช่นบ้าน สัตว์เลี้ยงและสวนไว้ในมักก๊ะฮฺ ไม่สามารถนำอะไรติดตัวมาได้

เมื่อนบีมุฮัมมัดอพยพตามมาถึง ท่านจำเป็นต้องแก้ปัญหาปากท้องของสาวกของท่านก่อนเป็นเบื้องแรก ท่านขอร้องชาวเมืองมะดีนะฮฺที่เป็นมุสลิมให้รับผู้อพยพจากมักก๊ะฮฺไปอุปการะโดยจับคู่สร้างความสัมพันธ์ฉันญาติธรรมให้จนถึงขั้นสามารถรับมรดกจากกันได้ แต่ถึงกระนั้นก็ทำได้ไม่กี่คน ยังมีผู้ศรัทธาที่ยากจนอีกหลายๆสิบคนรอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในมัสยิดที่ท่านสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักพิง

ในสภาพลำบากยากจนดังกล่าว นบีมุฮัมมัดสั่งสาวกของท่านให้ช่วยกันบริจาคสิ่งที่มีแก่คนที่ไม่มี สาวกบางคนเข้าใจเจตนาของท่าน แม้ไม่มีอะไรจะให้ แต่ก็ไปทำงานหรือค้าขายเพื่อหาสิ่งของมาบริจาคตามคำสั่ง สาวกที่ทำเช่นนี้หลายคนได้มีฐานะมั่งคั่งในเวลาต่อมา

ในตอนที่อพยพไปถึงเมืองยัษริบใหม่ๆ ยังไม่มีคำสั่งเรื่องการถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน นบีมุฮัมมัดได้สั่งให้มุสลิมถือศีลอดตามแบบอย่างชาวยิวในยัษริบ แต่เมื่อชาวยิวปฏิเสธการเป็นนบีของท่าน พระเจ้าจึงได้มีบัญชาให้มุสลิมถือศีลอดตามแบบอิสลามในเดือนรอมฎอนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ในช่วงเวลานั้น แม้ชาวเมืองยัษริบจะมอบความเป็นผู้นำให้แก่นบีมุฮัมมัด แต่ท่านยังไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลสวัสดิการประชาชน ท่านได้สั่งให้มุสลิมดูแลกันเองโดยทุกคนที่มีอาหาร เช่น ข้าว แป้ง อินทผลัมเหลือกินหนึ่งวันต้องนำอาหารเหล่านี้ในปริมาณสี่กอบมือไปให้คนยากจนก่อนสิ้นสุดเดือนเราะมะฎอน อาหารจำนวนนี้ถูกเรียกว่า “ซะกาตุลฟิฏร์” และท่านกล่าวว่าใครถือศีลอดแล้วไม่จ่ายซะกาตุลฟิฏร์ พระเจ้าจะไม่รับการถือศีลอดของเขา นอกจากนี้แล้ว การจ่ายซะกาตจะช่วยชดเชยความบกพร่องในการถือศีลอดอันเกิดจากการซุบซิบนินทา หรือข่มอารมณ์โกรธไม่ได้ เป็นต้น

คำสั่งนี้ออกมาก่อนหน้าการถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอนครั้งแรกจะเริ่มต้น

ในสภาพอดอยากขาดแคลนเช่นนั้น สาวกหลายคนของท่านคิดว่าการเอาอาหารที่ตัวเองมีอยู่ไปให้คนอื่นเป็นทานจะทำให้อาหารของตัวเองลดลง แต่นบีมุฮัมมัดย้ำว่าพระเจ้าจะไม่ทำให้การบริจาคเป็นสาเหตุแห่งความยากจน และพระเจ้าได้กล่าวไว้ในคัมภีร์กุรอานว่า สิ่งที่บริจาคไปในหนทางของพระเจ้าจะเป็นเหมือนเมล็ดข้าวเมล็ดหนึ่งที่แตกออกเป็นเจ็ดรวง แต่ละรวงจะมีหนึ่งร้อยเมล็ด

ด้วยความศรัทธาในพระเจ้าและความเชื่อฟังนบีมุฮัมมัดนี้เองที่ทำให้คนมีอาหารเหลือกินหนึ่งวันไปสำรวจคนที่ยากจนกว่าตนและนำอาหารไปให้ แม้ตอนนำอาหารออกจากบ้านของตนไปให้คนยากจน บางคนรู้สึกใจแป้วที่เห็นอาหารในบ้านของตนลดลง แต่เมื่อกลับมาบ้าน ปรากฏว่ามีคนนำซะกาตฟิฏร์มาให้แก่ตนมากกว่าที่ตัวเองนำไปให้คนอื่น ความเชื่อมั่นว่าการบริจาคไม่ได้ทำให้สิ่งที่ตัวเองมีอยู่น้อยลงจึงเกิดขึ้นและทำให้คนในสังคมบริจาคทานกันมากขึ้น สังคมจึงรอดพ้นจากความอดอยาก

ทุกวันนี้การจ่ายซะกาตฟิฏร์ถือเป็นข้อบังคับสำหรับมุสลิมทุกคนที่จะต้องทำ ไม่แต่เฉพาะของตัวเองเท่านั้น หัวหน้าครอบครัวยังต้องจ่ายแทนทุกคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของตนด้วย

อย่าลืมจ่ายซะกาตุลฟิฏร์ก่อนสิ้นสุดเดือนเราะมะฎอนนะครับ




ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]



Banjong Binkason

The origin of Zakatul Fid.

When the Prophet Muhammad began to spread Islam in the city of Makkah Not only you were opposed But anyone who turns to faith and the teachings of the Prophet Muhammad will also be persecuted, regardless of whether that person is difficult, poor, or has social status.

The persecution lasted for 13 years, in which the Prophet Muhammad ordered his followers not to respond. Instead, use patience and begging God for help. But when the resistance is so strong that the leader of the tribe's leader, Makkah, plans to assassinate Prophet Muhammad God commanded him and his disciples to emigrate to Yasib.

The migration was secretly divided into groups and traveled at night so that no one knew about the movement. Until everyone has traveled The Prophet Muhammad then set out to be the last immigrant, with only one close companion.

The Muslims who migrated to the city of Yasip are in the same condition: everyone is in poverty. Because the followers of the prophets were mostly poor or enslaved. As for the rich, they have to leave the property, such as houses. Pets and gardens are kept in Makkah. Unable to bring anything with him

When the prophet Muhammad arrived. You must first solve the problems of your disciples first. He begged the Muslims of Madinah to accept migrants from Makkah to sponsor them by pairing to build a relative relationship to the point that they can inherit from each other Still, few people can do it. There were dozens of poor believers waiting for immediate help in the mosque you built to shelter.

In the said difficult condition of poverty The Prophet Muhammad ordered his disciples to help each other donate what they had. Some disciples understand your intent. Although there is nothing to give But went to work or trade to find items to donate according to instructions Many of his disciples later became wealthy.

When evacuating to the new city of Yasip There is no command regarding fasting in the month of Ramadan. The Prophet Muhammad ordered Muslims to fast according to the Jewish example in Yasib. But when the Jews refused to be your prophets The Lord has commanded Muslims to fast according to Islam in Ramadan as it is today.

At that time Although the people of Yasib spoil the leadership of the Prophet Muhammad But he still doesn't have a staff to look after public welfare. He ordered Muslims to take care of themselves. Everyone who had food, such as rice, flour, dates and leftovers, had to take four handfuls of food to the poor before the end of the month of Ramadan. This amount of food is called "Zaculphidism" and he said that anyone who fasted and didn't pay God will not accept his fasting. Besides The payment of zakat will help compensate for the shortcomings of fasting caused by gossip. Or cannot withstand anger, for example

This statement came before the first fasting in the month of Ramadan will begin.

In such a famine Many of his disciples thought that by giving food to their own food to others, it would reduce their own food. But Prophet Muhammad emphasized that God will not make donations the cause of poverty. And the Lord has said in the Quran that The things donated in the Lord's way would be like a grain of rice that was broken into seven grains. Each seed would have one hundred seeds.

With faith in God and obedience, this Prophet Muhammad allowed people to have a day to eat, to explore the poor and to give food. Even when bringing food out of his home to the poor Some people feel discouraged when they see the food in their home decreases. But when he returned home It appears that more people have brought zakatfid to themselves than they have given to others. The belief that donations do not make things less available to them, and that causes more people to donate. Society then escaped famine.

Today, the payment of the Zakatfid is a requirement for all Muslims to do. Not only my own The head of the family must also pay for everyone under his care.

Don't forget to pay Sakhalatfid before the end of Ramadan.

Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason