ปาฏิหาริย์มีจริง

บรรจง บินกาซัน

ปาฏิหาริย์คือสิ่งที่เกินกว่าความสามารถของมนุษย์ที่จะทำ สิ่งใดที่มนุษย์ทำได้จึงไม่ถูกเรียกว่าปาฏิหาริย์ ดังนั้น ปาฏิหาริย์จึงไม่มีในทางวิทยาศาสตร์ 

ปาฏิหาริย์เป็นสิ่งที่มีแต่ในศาสนาเท่านั้น เพราะปาฏิหาริย์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากพระเจ้าผู้มีอำนาจเหนือมนุษย์ ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างพร่ำเพรื่อจากอำนาจของมนุษย์แม้จะเป็นศาสนทูตที่พระเจ้าเลือกมาให้เผยแผ่คำสอนของพระองค์ก็ตาม 

ในยุคเมโสโปเตเมีย เมื่อกษัตริย์นิมรูดแสดงความโอหังตั้งตัวเป็นพระเจ้าและอ้างว่าตัวเองสามารถให้ชีวิตคนและทำให้คนตายได้ อับราฮัมได้บอกว่าพระเจ้าของเขาเป็นผู้ทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก ด้วยความโกรธ กษัตริย์นิมรูดจึงสั่งประหารอับราฮัมด้วยการเผาไฟเขาทั้งเป็น แต่อับราฮัมรอดชีวิตเพราะพระเจ้าได้ช่วยเขาไว้ นิมรูดจึงไม่สามารถทำให้อับราฮัมตายตามที่เขาอ้างและอับราฮัมได้กลายเป็นบรรพบุรุษของศาสนาที่ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว

ในยุคที่อียิปต์เป็นมหาอาณาจักรใหญ่ของโลก ฟาโรห์ก็อ้างตัวเป็นพระเจ้า โมเสสจึงถูกส่งให้ไปทำหน้าที่บอกฟาโรห์ว่าพระเจ้าที่แท้จริงไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นผู้ทรงสร้างจักรวาลและมนุษย์  เมื่อฟาโรห์ไม่เชื่อ พระเจ้าจึงสั่งให้โมเสสแสดงหลักฐานยืนยันอำนาจของพระเจ้าโดยการโยนไม้ลงไปและไม้เท้านั้นได้กลายเป็นงูใหญ่ต่อหน้าฟาโรห์

ปาฏิหาริย์แห่งไม้เท้าที่กลายเป็นงูและปาฏิหาริย์อื่นๆมิได้เกิดขึ้นเพราะความต้องการของโมเสสเอง แต่มันเกิดขึ้นจากความต้องการของพระเจ้าผ่านทางโมเสสต่างหาก

สมัยที่อาณาจักรโรมันมีความเจริญรุ่งเรืองและเกรียงไกรทางทหาร พระเยซูได้แสดงปาฏิหาริย์หลายอย่างให้ผู้คนเห็นอำนาจของพระเจ้า เช่น การรักษาคนตาบอดให้กลับมามองเห็น รักษาคนเป็นโรคเรื้อนให้หายเพื่อเป็นการท้าทายอำนาจและความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ในยุคนั้น 

นบีทุกคนที่ถูกส่งมายังโลกนี้มีหน้าที่เชิญชวนมนุษย์ให้มาสู่การศรัทธาในพระเจ้าและดำเนินชีวิตตามแนวทางที่พระเจ้าประทานมา แต่นบีทุกคนเป็นมนุษย์ธรรมดา ผู้คนจึงไม่เชื่อในสัจธรรมที่นบีนำมา ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่านบีมาจากพระเจ้าและสิ่งที่นบีนำมาสอนเป็นสัจธรรมที่มาจากพระองค์

นบีหรือศาสนทูตที่พระเจ้าแต่งตั้งจึงได้รับปาฏิหาริย์มาพร้อมกับสัจธรรมด้วยกันทุกคน 

นบีมุฮัมมัดก็ไม่ต่างไปจากนบีคนก่อนๆที่มีภารกิจเหมือนกันและได้รับปาฏิหาริย์เป็นหลักฐานยืนยันว่าท่านมาจากพระเจ้าเหมือนกัน มีหลายคนต้องการให้ท่านแสดงปาฏิหาริย์ แต่ท่านบอกว่าท่านไม่สามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้เว้นแต่พระเจ้าจะทรงประสงค์

ความจริงแล้ว มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับนบีมุฮัมมัดนับหลายร้อยอย่าง  แต่ปาฏิหาริย์เหล่านั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จบไป แต่สำหรับนบีมุฮัมมัดยังมีสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์หลงเหลืออยู่อย่างหนึ่งจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือคัมภีร์กุรอาน เพราะนบีมุฮัมมัดไม่ได้เป็นคนเขียนและคัมภีร์กุรอานไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขแม้แต่ตัวอักษรเดียวนับตั้งแต่ถูกประทานมาเมื่อประมาณ 1,500 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ คัมภีร์กุรอานยังมีข้อความท้าทายมนุษย์ให้เขียนขึ้นมาสักบทหนึ่งที่เหมือนกับถ้อยคำของพระเจ้า

ถ้อยคำในคัมภีร์กุรอานแต่ละวรรคจึงไม่ถูกเรียกว่าประโยค แต่จะถูกเรียกว่า “อายะฮฺ” ซึ่งมีความหมายว่า “หลักฐาน สัญญาณ สิ่งมหัศจรรย์”

แม้หลังสมัยนบีมุฮัมมัดจะไม่มีนบีหรือศาสนทูตคนใดที่มาจากพระเจ้าอีกแล้ว แต่ปาฏิหาริย์จากพระเจ้ายังมีให้มนุษย์ได้เห็นรอบตัว เช่น น้ำนมแม่ที่ไม่มีผู้หญิงคนใดสามารถทำให้เกิดขึ้นได้หากไม่ตั้งครรภ์และนมแม่ยังเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทำเทียมได้แม้วิทยาศาสตร์ด้านอาหารจะเจริญแล้วก็ตาม การจัดวางตำแหน่งและการทำงานของอวัยวะในร่างกายที่มนุษย์มิได้เป็นผู้กำหนดเอง เป็นต้น

การหมุนของโลกรอบตัวเองบนแกนที่เอียง 23 องศาและการโคจรรอบดวงอาทิตย์ในขณะที่มีดวงจันทร์หมุนโคจรติดตามไปด้วยนับเป็นปาฏิหาริย์จากพระเจ้าโดยตรงที่ประจักษ์ต่อสายตามนุษย์ทุกวัน

มี “อายะฮฺ” หนึ่งในคัมภีร์กุรอานกล่าวว่า “เราจะให้พวกเขาได้เห็นอายะฮฺต่างๆของเราในฟากฟ้าและในตัวของพวกเขา จนกระทั่งพวกเขารู้ชัดเจนว่ากุรอานนั้นคือสัจธรรม” (กุรอาน 41:53) 

ปรากฏการณ์อันมหัศจรรย์นับไม่ถ้วนเหล่านี้เป็นปาฏิหาริย์หรือเป็นสัญญาณยืนยันการมีอยู่ของพระเจ้าผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงจัดระเบียบ ผู้ทรงนำทาง  มนุษย์มีสติปัญญาและมีเจตนารมณ์เสรีที่พระเจ้าให้มาแล้ว ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้า พระองค์ไม่ทรงบังคับ

ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]

Miracles are real.

Banjong Binkason

 

Miracles are things that go beyond the human ability to do. Anything that humans can do is not called a miracle, so miracles are not scientific.

Miracles are religious only. Because a miracle is something that arises from a superhuman God. It did not come so intensely by human power, even though it was the Lord's chosen messengers to spread His teachings.

In Mesopotamia When King Nimrud was arrogant, set himself up as God and claimed that he could give life and cause death. Abraham said that his Lord was the one who made the sun rise in the east and set in the west.In anger, King Nimrud ordered to kill Abraham by burning him alive. But Abraham was saved because God had saved him. Nimrud was unable to kill Abraham as he claimed, and Abraham became the ancestor of the one faithful religion.

In the era when Egypt was the great empire of the world. Pharaoh claimed to be God. Moses was sent over to do the duty of telling Pharaoh that the true God was not human. But is the Creator of the universe and man. When Pharaoh didn't believe God ordered Moses to show evidence of God's power by throwing a stick, and the rod had turned into a huge serpent before Pharaoh.

The miracles of the serpent-like staff and other miracles did not come about because of the will of Moses. But it arose from the will of God through Moses.

The Roman Empire was prosperous and mighty in the military. Jesus showed many miracles to show people the power of God, such as to heal the blind to see. Curing leprosy was a challenge to the power and advancement of medicine at that time.

Every prophet sent to this world has a duty to invite mankind to believe in God and live the way God has given. But all prophets are human beings. The people did not believe in the truth that the prophet brought, so God made a miracle happen as evidence that the prophet was from God and that what the prophet taught was the truth that came from Him.

Prophet, or the Messiah appointed by God, receives a miracle with all the truths.

Prophet Muhammad was no different from the previous Prophet who had the same mission and received miracles as evidence that he was from God as well. Many people want him to perform miracles. But he said that he could not make it happen unless God wanted it.

In fact, hundreds of miracles happened to Prophet Muhammad. But those miracles, when they happened, were over. But for Prophet Muhammad, there is still one miracle left to this day. That is the quran Because the Prophet Muhammad was not the author and the Quran has not been modified for even a single letter since it was given about 1,500 years ago to the present day. Come up with a chapter that is like the words of God

Therefore, each paragraph of the Quran is not called a sentence. But it will be called "ayah" which means "evidence, signs, wonders".

Even after the Prophet Muhammad no longer had a prophet or messenger from God. But miracles from God are also available for humans to see all around, such as breast milk that no woman can do without conceiving, and breast milk is something that humans cannot artificially, despite the fact that food science has grown. The placement and function of organs in the human body that are not defined by the human being, etc.

The rotation of the Earth around itself on an axis of 23 degrees and its orbit around the Sun while it is followed by the Moon is a direct miracle from God that is manifested in human eyes every day.

There is one "ayah" in the Quran said. “We will show them my verses in the sky and in them. Until they clearly know that the Quran is the truth ”(Qur'an 41:53).

These innumerable wondrous phenomena are miracles or signs of the existence of the Creator God. The organizeder, the wise man, and has the free will that God has already given. Who will believe or not believe in the existence of God? He does not force

Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason