บรรจง บินกาซัน
กว่ายี่สิบปีก่อน ผมเคยดูภาพยนตร์สงครามเรื่องหนึ่งซึ่งจำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว ตอนหนึ่งของภาพยนตร์เป็นฉากสงครามที่ผู้บัญชาการรบอยู่ในทวีปหนึ่ง แต่สามารถมองเห็นการรบในอีกทวีปหนึ่งอย่างชัดเจนว่าข้าศึกอยู่ตรงไหนและทหารของฝ่ายตนอยู่ที่ใด ในตอนนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องจินตนาการที่เกินความจริง แต่ในยุค 5G เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่แม้แต่เด็กก็เข้าใจได้ แค่เปิดแอพพลิเคชั่นดาวเทียมในกูเกิล เราจะสามารถมองเห็นแม้กระทั่งฝาตุ่มของแต่ละบ้านโดยที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นดาวเทียมที่อยู่บนท้องฟ้า
กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ตามที่ต่างๆช่วยบันทึกภาพพฤติกรรมความเคลื่อนไหวของผู้คนและยานพาหนะสามารถนำมาเปิดย้อนดูว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ทำให้ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าสิ่งที่กล่าวมาเป็นความจริงที่ประจักษ์ได้ด้วยสายตา คำสอนที่คัมภีร์กุรอานกล่าวไว้ก็ไม่เกินความจริงที่จะเข้าใจ เมื่อประมาณ 1,400 กว่าปีก่อน นบีมุฮัมมัดผู้ไม่รู้หนังสือได้อ่านข้อความจากคัมภีร์กุรอานตอนหนึ่งซึ่งมีความหมายว่า :
“แล้วเรา(พระเจ้า)ได้ทำให้เขาเป็นเชื้ออสุจิในที่พักอันมั่นคง(มดลูก) แล้วเราได้ทำให้อสุจิเป็นก้อนเลือด ก้อนเนื้อ แล้วทำก้อนเนื้อให้เป็นกระดูกแล้วหุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ แล้วเราได้เป่าวิญญาณให้เขากลายเป็นอีกรูปร่างหนึ่ง” (กุรอาน 23:14)
โลกยุคนั้นยังไม่เข้าใจสิ่งที่คัมภีร์กุรอานกล่าวไว้ จนกระทั่งเวลาผ่านไปพันกว่าปี เมื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าจนสามารถประดิษฐ์เครื่องเอกซ์เรย์และอุลตราซาวด์ได้ มนุษย์จึงมีโอกาสได้เห็นทารกในครรภ์ที่เป็นโลกแคบๆของมนุษย์ก่อนที่จะคลอดออกมายังโลกใบนี้โดยมีวิญญาณอยู่กับร่างกาย
แต่โลกนี้ยังไม่ใช่โลกสุดท้ายของมนุษย์ เพราะมนุษย์ต้องคลอดอีกครั้งหนึ่งตอนหมดลมหายใจสุดท้าย แต่การคลอดครั้งนี้เป็นการคลอดทางด้านจิตวิญญาณเท่านั้น เมื่อมนุษย์สิ้นชีวิต วิญญาณได้ทิ้งสังขารไว้เหมือนกับหมอทำคลอดที่ทิ้งรกไปเมื่อทารกคลอดออกมา วิญญาณได้คลอดออกไปสู่อีกโลกหนึ่งซึ่งเป็นโลกที่มนุษย์ไม่อาจมองเห็นและวิทยาศาสตร์ไม่อาจเอื้อมไปถึง
ปัจจุบันนี้ ดาวเทียมทางธรณีวิทยาสามารถสำรวจทรัพยากรต่างๆที่อยู่ภายใต้ผืนโลกได้อย่างแม่นยำ เรดาร์ประจำเรือของชาวประมงสามารถบอกแหล่งฝูงปลาให้แก่ชาวประมง เครื่องสแกนภาพทางการแพทย์สามารถระบุว่าโรคร้ายที่เกิดขึ้นในร่างกายของมนุษย์อยู่ตรงที่ใดของร่างกาย แต่เครื่องมือทันสมัยเหล่านี้สามารถมองเห็นสิ่งที่เป็นวัตถุในโลกทางกายภาพเท่านั้น
ทุกวันนี้ ยังไม่มีเครื่องมือทันสมัยใดๆที่สามารถตรวจจับภาพวิญญาณของมนุษย์ได้ทั้งๆที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าวิญญาณมีอยู่จริง ด้วยเหตุนี้ ศาสนาจึงให้ความรู้เรื่องวิญญาณแก่มนุษย์เพื่อให้มนุษย์ได้เตรียมตัวไว้สำหรับชีวิตในโลกวิญญาณหลังความตาย
คัมภีร์กุรอาน 24:24 ได้กล่าวถึงชะตากรรมของมนุษย์ในวันพิพากษาในโลกหน้าว่า “ในวันนั้น ลิ้นของพวกเขา มือของพวกเขาและเท้าของพวกเขาจะเป็นพยานในสิ่งที่พวกเขาได้ทำไว้”
และในอีกตอนหนึ่ง คัมภีร์กุรอาน 36:65 ได้กล่าวว่า “ในวันแห่งการพิพากษา เรา(พระเจ้า)จะปิดผนึกปากของพวกเขาและมือของพวกเขาจะพูดแก่เราและเท้าของพวกเขาจะเป็นพยานตามที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้”
ในปัจจุบันนี้ บาร์โค้ดและคิวอาร์โค้ดที่อยู่บนถุงหรือกล่องสินค้าสามารถบอกรายละเอียดของสินค้าได้หมด ภาพและเสียงของมนุษย์สามารถถูกบันทึกไว้ในอุปกรณ์ต่างๆที่สามารถนำมาเปิดดูหรือฟังได้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า
ถ้ามนุษย์สามารถประดิษฐ์อุปกรณ์บันทึกภาพและเสียงของมนุษย์และสามารถนำมาเปิดย้อนดูภาพหรือฟังเสียงในอดีตได้ ทำไมพระเจ้าจะไม่รู้สิ่งที่มนุษย์ได้ทำไปและตัดสินมนุษย์ได้อย่างยุติธรรม
คัมภีร์กุรอาน 4:1 เตือนมนุษย์ให้รู้ว่า “แท้จริง พระเจ้าเฝ้ามองสูเจ้าอยู่เสมอ”
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
God is always watching over man.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkasonc
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น