บรรจง บินกาซัน
หนึ่งในหลักศรัทธาสำคัญ 6 ประการของมุสลิมคือศรัทธาในนบีที่พระเจ้าคัดเลือกจากมนุษย์ในชุมชนต่างๆทุกยุคทุกสมัยเพื่อทำหน้าที่นำวจนะของพระองค์มาเผยแผ่สั่งสอนมวลมนุษย์ การไม่ศรัทธาในบรรดานบีจึงมีผลเท่ากับการไม่เชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้าและไม่เชื่อฟังพระองค์
มีบันทึกคำพูดของนบีมุฮัมมัดว่านับตั้งแต่อาดัมผู้เป็นมนุษย์และนบีคนแรกมาจนถึงท่าน มีนบีเกิดขึ้นบนโลกนี้จำนวน 124,000 คนกระจายกันไปตามชุมชนต่างๆทุกยุคสมัย ในจำนวนนี้ เรารู้ชื่อจากคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอานประมาณ 25 ท่าน เราไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อนบีทั้งหมด เพราะนบีทุกคนสั่งสอนผู้คนเหมือนกันว่าพระเจ้าที่แท้จริงมีองค์เดียวที่มนุษย์ต้องเคารพสักการะและเชื่อฟัง และมนุษย์ทุกคนต้องกลับไปหาพระองค์เมื่อวันสิ้นโลกมาถึง
มุสลิมถูกกำหนดให้ศรัทธาในบรรดานบีทั้งหมดและศรัทธาว่านบีมุฮัมมัดเป็นนบีคนสุดท้ายของพระเจ้า ทั้งนี้เพราะแนวทางในการดำเนินชีวิตที่พระเจ้าประทานมายังมนุษย์ผ่านทางนบีต่างๆก่อนหน้านี้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้วในรูปของคัมภีร์กุรอานที่ถูกประทานแก่นบีมุฮัมมัดและแบบอย่างการปฏิบัติของท่าน จึงไม่จำเป็นต้องมีคัมภีร์และนบีอีกหลังจากนั้น
เนื่องจากคัมภีร์ที่พระเจ้าประทานมายังนบีบางคนก่อนหน้านี้ได้รับความเสียหายจากการถูกทำลายโดยกลุ่มชนผู้ปฏิเสธพระเจ้า และเมื่อมีการรวบรวมขึ้นใหม่ในตอนหลัง วจนะดั้งเดิมได้ขาดความสมบูรณ์ไปเพราะถูกเปลี่ยนแปลง พระเจ้าจึงประทานคัมภีร์กุรอานลงมาเพื่อยืนยันวจนะอันบริสุทธิ์ของพระองค์
คัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอานมีเรื่องราวของนบีหลายคนที่แม้แต่ชาวคริสเตียนและมุสลิมเองหลายคนไม่มีความรู้หรือมีความเข้าใจผิดๆ หนึ่งในนั้นคือ เยซัสไครสต์(นบีอีซา) เช่น
1. พระเยซูเป็นศาสนทูตของพระเจ้าที่เกิดก่อนหน้านบีมุฮัมมัดประมาณ 570 ปี ชื่อของท่านถูกกล่าวในคัมภีร์กุรอานหลายครั้ง คัมภีร์กุรานกล่าวว่าท่านได้รับคัมภีร์อินญีลจากพระเจ้าและท่านเป็นผู้บอกข่าวล่วงหน้าถึงการมาของนบีมุฮัมมัด
2. คัมภีร์กุรอานเอ่ยถึงนบีอีซาด้วยฉายา “อัลมะซีฮฺ” หรือเมสซีอาห์ นักวิชาการอิสลามกล่าวว่าคำนี้มาจากรากศัพท์อาหรับ “มะซะฮะ” ซึ่งแปลว่าลูบหรือสัมผัส เพราะพระเจ้าได้ให้หลักฐานยืนยันการเป็นนบีของพระองค์แก่นบีอีซาโดยการที่หากท่านลูบมือบนตัวของคนป่วย พระองค์จะให้คนป่วยนั้นหายจากโรคที่เป็นอยู่ทันที
3. นบีอีซามีกำเนิดอันมหัศจรรย์โดยไม่มีพ่อจากครรภ์ของนางมารีย์หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ คัมภีร์กุรอานได้กล่าวถึงการกำเนิดของท่านว่า “แล้วเรา (พระเจ้า)ได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไปในนางและเราได้ทำให้นางและบุตรของนางเป็นสัญญาณหนึ่งแก่มวลมนุษย์” (กุรอาน 21:91) นั่นหมายความว่าพระเจ้าต้องการให้มนุษย์ได้เห็นว่าพระองค์ทรงอยู่เหนือกฎธรรมชาติ แม้แต่อาดัมที่เกิดมาโดยไม่มีทั้งพ่อและแม่ พระองค์ก็ทำมาแล้ว
4. ด้วยเหตุนี้ เมื่อคัมภีร์กุรอานเอ่ยถึงนบีอีซาหรืออัลมะซีฮฺ จะมีคำว่าบุตรของนางมัรฺยัม(มารีย์)ตามหลังเสมอ
5. ในคัมภีร์กุรอาน นบีอีซากล่าวว่าท่านเป็น “บ่าวของพระเจ้า” และ “ผู้ได้รับความจำเริญ” (กุรอาน 19:30-31)
6. คัมภีร์กุรอานกล่าวว่าท่านเป็น “วจนะของพระเจ้า” และ “เป็นผู้มีเกียรติอย่างสูง” (กุรอาน 3:45)
7. คัมภีร์กุรอานกล่าวว่านบีอีซาเป็น “สัญญาณ” และ “ความเมตตา” ของพระเจ้า (กุรอาน 19:21)
นอกจากคัมภีร์กุรอานได้บอกเล่าเรื่องราวการกำเนิดอันมหัศจรรย์ของนบีอีซา(เยซัสไครสต์)ไว้แล้ว คัมภีร์กุรอาน (19:22-26) ยังได้บอกให้รู้อีกว่า เมื่อนางมัรฺยัม(หรือนางมารีย์หญิงผู้บริสุทธิ์)รู้ว่านางตั้งครรภ์โดยที่นางไม่ได้แต่งงานและไม่เคยถูกชายใดแตะต้อง นางวิ่งตรงไปยังต้นอินทผลัมต้นหนึ่งและร้องไห้เสียใจอยากตายไปก่อนหน้านี้หรือไม่ก็เป็นผู้ที่ไม่มีใครอยากจดจำ
ในตอนนั้นเอง นางได้ยินเสียงปลอบว่า “อย่าโศกเศร้าเสียใจไปเลย พระเจ้าของนางได้จัดเตรียมธารน้ำไว้ให้ที่ใต้เท้าของนางและจงเขย่าต้นอินทผลัมที่อยู่ข้างหน้า ผลสุกของมันจะหล่นลงมาให้นางกิน”
คำบอกเล่าในคัมภีร์กุรอานข้างต้นชี้ชัดว่า
1) นางมัรฺยัมให้กำเนิดนบีอีซาใต้ต้นอินทผลัมข้างธารน้ำ ไม่ใช่ในคอกสัตว์ที่มีโยเซฟช่างไม้อยู่ด้วยตามตำนานของชาวคริสเตียน นอกจากนี้แล้ว นบีอีซาไม่ได้ถูกชัยฏอนสัมผัสในตอนคลอดออกมาด้วย
2) ชาวคริสเตียนในตะวันตกเชื่อว่าเยซัสไครสต์เกิดวันที่ 25 ธันวาคม แต่นักวิชาการมุสลิมกล่าวว่านบีอีซาเกิดในฤดูร้อนเพราะอินทผลัมจะสุกพร้อมเก็บเกี่ยวในฤดูร้อน(ในราวเดือนกรกฎาคม)
3) คัมภีร์กุรอานกล่าวว่านบีอีซาพูดได้ตั้งแต่อยู่ในเปล หรือวัย 40 วันในขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของนางมัรฺยัมผู้เป็นแม่
4) คัมภีร์กุรอานกล่าวว่านบีอีซาถูกส่งมาเพื่อนำทางลูกหลานอิสราเอล(หรืออิสรออีล) ท่านพูดกับผู้คนของท่านว่า “โอ้ลูกหลานอิสราเอล” ผิดกับนบีคนก่อนๆที่พูดกับผู้คนในยุคของตนว่า “โอ้หมู่ชนของฉัน” คำว่า “อิสราเอล” เป็นฉายาของยาโกบผู้มีลูกชาย 12 คนที่เป็นต้นกำเนิดเผ่าอิสราเอล 12 เผ่า นบียูซุฟหรือโยเซฟเป็นคนสำคัญที่สุดในบรรดาลูกชาย 12 คนของยาโกบ
5) นบีมุฮัมมัดเคยไปเยี่ยมสถานที่เกิดของท่านในการเดินทางอันมหัศจรรย์เมื่อทูตสวรรค์นำตัวท่านเดินทางจากมักก๊ะฮฺมายังเมืองเยรูซาเล็มก่อนเดินทางขึ้นสู่ชั้นฟ้าและกลับมายังมักก๊ะฮฺภายในคืนเดียวกัน ในเมืองนี้มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกกันว่าเบธเลเฮมซึ่งเป็นสถานที่เกิดของนบีอีซา ภาษาอาหรับเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “บัยต์ละฮัม” ซึ่งแปลว่าบ้านของเนื้อ
6) แม้พวกลูกหลานอิสราเอลบางกลุ่มกล่าวว่าพวกตนได้สังหารเยซัสไครสต์ แต่คัมภีร์กุรอานยืนยันว่านบีอีซาไม่ได้ถูกประหารบนไม้กางเขน แต่พระเจ้าได้ทำให้ใครคนหนึ่งมีใบหน้าเหมือนท่านถูกนำตัวไปตรึงบนไม้กางเขนแทน และพระองค์ได้รับท่านขึ้นไปสู่ชั้นฟ้าเบื้องบนในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
7) การกลับมาครั้งที่สองของนบีอีซายังโลกนี้เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าวันแห่งการพิพากษาใกล้เข้ามาแล้ว นบีอีซาจะลงมาที่เมืองดามัสกัสในซีเรีย
8) นบีอีซาได้บอกล่วงหน้าถึงการมาของนบีมุฮัมมัดไว้ว่า “ลูกหลานอิสรออีลทั้งหลาย ฉันเป็นศาสนทูตคนหนึ่งที่พระเจ้าได้ส่งมายังพวกท่านเพื่อยืนยันคัมภีร์เตารอตที่มาก่อนฉันและแจ้งข่าวดีถึงศาสนทูตคนหนึ่งที่จะมาหลังจากฉัน นามของเขาผู้นั้นคืออะหมัด” (กุรอาน 61:6)
9) พระเจ้ารับนบีอีซาขึ้นสู่ชั้นฟ้าเมื่อท่านอายุ 33 ปี และนบีมุฮัมมัดได้บอกว่าชาวสวรรค์จะมีอายุประมาณ 33 ปี
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Interesting facts about Jesus Christ (1)
Banjong Bingasan
One of the six major beliefs of Muslims is the faith in the Prophets that God has chosen from humans in various communities of all ages to carry His word to preach to mankind. Disbelief in the prophets is equivalent to disbelief in the existence of God and disobedience to Him.
There is a record of the sayings of the Prophet Muhammad that from Adam the human and the first Prophet came to him. There are 124,000 prophets in this world spread across different communities in every era. Of these, about 25 of them we know from the Bible and the Quran. We don't need to know all the prophets. Because all prophets teach people the same thing that there is only one true God that human beings must worship and obey. And all human beings must return to Him when the end of the world comes.
Muslims are destined to have faith among all the prophets and to believe that Prophet Muhammad is God's last prophet. This is because the way of life that God has given to mankind through the earlier prophets has already been completed in the form of the Quran that was revealed to the Prophet Muhammad and his example. Therefore, there is no need for scriptures and prophets after that.
Because the scriptures that God had previously given to some of the prophets had been destroyed by the destruction of the people who disbelieved God. and when it was re-compiled later The original word has lost its integrity because it has been changed. God then sent down the Quran to confirm His holy word.
The Bible and the Quran contain stories of many prophets that even many Christians and Muslims are ignorant or misunderstood. one of them is Jesus Christ (Nabi Isa), such as
1. Jesus was a messenger of God who was born about 570 years before Muhammad. His name is mentioned in the Quran many times. The Qur'an states that he received the Injil from God and that he was the forerunner of the Prophet Muhammad's coming.
2. The Quran mentions Prophet Isa by the nickname "Al-Masih" or Messiah. Islamic scholars say that the word comes from the Arabic root masah, which means to rub or touch. Because God has given proof of His prophetship to Isa by rubbing one's hand on the sick person's body. He will immediately make the sick person recover from their current disease.
3. Prophet Isa had a miraculous birth without a father from the womb of the virgin Mary. Regarding his birth, the Qur'an said, "Then We (God) breathed into her Our Spirit, and We made her and her sons a Sign for all people" (Qur'an 21:91). This means that God wants people to see that He is above the laws of nature. Even Adam was born without parents. He has already done it.
4. For this reason, when the Quran mentions Prophet Isa or Al-Masih Mary's son is always followed by the word.
5. In the Quran Prophet Isa said that he was "Servant of God" and "Blessed One" (Quran 19:30-31)
6. The Quran says that you are "Word of God" and "Exalted Honorable" (Quran 3:45)
7. The Quran says Prophet Isa was God's "sign" and "mercy" (Quran 19:21).
In addition to the Quran tells the story of the miraculous birth of Prophet Isa (Jesus Christ) already. The Quran (19:22-26) also tells us that When Maryam (or Virgin Mary) learned that she was pregnant without marriage and had not been touched by any man. She ran towards one of the palm trees and wept, wishing she had died earlier or someone no one wanted to remember.
At that moment, she heard a comforting voice saying, “Don't be sorrowful. Her Lord has provided a stream of water beneath her feet and shaken the palm-tree before her. its ripe fruit will fall down for her to eat.”
The narrative in the Quran above clearly indicates that
1) Maryam gave birth to Prophet Isa under a palm tree by a stream. Not in the stables with Joseph the carpenter according to Christian legend. In addition Prophet Isa was not touched by Satan when he was born.
2) Christians in the west believe that Jesus Christ was born on December 25th, but Muslim scholars say that Prophet Isa was born in summer because dates ripen and are harvested in the summer (around July).
3) The Quran states that Prophet Isa could speak from the cradle, or 40 days old, while in the arms of his mother Maryam.
4) The Quran says that Prophet Isa was sent to guide the children of Israel (or Israel). “O Children of Israel” is different from the previous Prophet who said to the people of his generation: “O my people.” The word “Israel” is a nickname for Jacob, who had 12 sons who were the originators of the 12 tribes of Israel. Prophet Yusuf or Joseph was the most important of the 12 sons of Jacob. B
5) Prophet Muhammad once visited his birthplace in a miraculous journey when he was brought by an angel from Makkah to Jerusalem before ascending into heaven and returning to Makkah in the same night. In this city there is a place called Bethlehem where the Prophet Isa was born. In Arabic, this place is called Bayt Laham, which means the house of meat.
6) Even some of the children of Israel said that they had killed Jesus Christ. But the Quran confirms that Prophet Isa was not executed on the cross. But God made someone look like he was taken to be crucified instead. and He took him up to the heavens while still alive.
7) Prophet Isa's second return to this world is one of the signs that the Day of Judgment is near. Prophet Isa will descend to Damascus in Syria.
8) Prophet Isa had foretold the arrival of Prophet Muhammad that "Children of Israel Many times, I am one of the messengers God has sent to you confirming the Torah that came before me and giving good tidings to a messenger to come after me. His name is Ahmad” (Quran 61:6).
9) God took Prophet Isa into heaven when he was 33 years old and Prophet Muhammad said that the people of Paradise will be about 33 years old.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น