หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เมื่อมักก๊ะฮฺถูกรุกราน


บรรจง บินกาซัน 

อับรอฮะเป็นแม่ทัพชาวอาฟริกันที่ถูกกษัตริย์นะญาชีย์แห่งอาณาจักรอักซุมส่งมาช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ถูกกดขี่ข่มเหงในแผ่นดินอาหรับโดยซูนูวาสผู้นับถือศาสนายูดาย หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น  เขาไม่ได้กลับไปยังอาฟริกาเพราะเขาได้กลายเป็นกษัตริย์แห่งเยเมนไปแล้ว

เมื่ออยู่ในเยเมนหลายปี  อับรอฮะสังเกตเห็นว่าในเดือนหนึ่งของทุกปีจะมีกองคาราวานขนาดใหญ่เดินทางขึ้นไปทางเหนือและไปเป็นเวลานานกว่าจะกลับมา  ด้วยความสงสัย  อับรอฮะจึงถามคนท้องถิ่นที่เป็นคนรับใช้เขาว่ากองคาราวานเหล่านั้นไปไหนและไปทำอะไรกันทุกปี

อับรอฮะได้คำตอบว่ากองคาราวานเหล่านั้นเดินทางไปยังมักก๊ะฮฺเพื่อทำพิธีฮัจญ์ร่วมกับผู้คนในเผ่าต่างๆทั่วคาบสมุทรอาหรับ  และพิธีฮัจญ์ได้ทำสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งอับราฮัมสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺขึ้นมาเมื่อหลายพันปีก่อน  

เมื่อเขาถามต่อไปว่าพิธีฮัจญ์ทำกันอย่างไร  เขาได้รับคำตอบว่าผู้คนที่ไปทำพิธีฮัจญ์จะไปเดินเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺและเชือดสัตว์พลีกันที่นั่น  เสร็จพิธีฮัจญ์แล้ว  ผู้คนก็จะแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าที่ตัวเองนำไปก่อนเดินทางกลับ  

อับรอฮะรุกถามต่อว่าก๊ะอฺบ๊ะฮฺคืออะไร มีลักษณะอย่างไร  เขาได้รับคำตอบว่าก๊ะอฺบ๊ะฮฺเป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้าสร้างด้วยก้อนหินธรรมชาติที่ถูกนำมาก่อเป็นกำแพงสี่ด้าน ไม่มีเสา ไม่มีการตกแต่งใดๆ  และผู้คนนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนกราบไหว้บูชามาตั้งไว้รอบๆ  ทุกปี ผู้คนจะมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นั่นและผู้คนบางกลุ่มเปลือยกาย  บางกลุ่มปรบมือ  บางกลุ่มผิวปากในขณะเดินเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น  อับรอฮะจึงเกิดความคิดที่จะทำให้อาณาจักรของเขายิ่งใหญ่ขึ้นมาทันที   หลังจากนั้น  เขาได้สร้างวิหารขนาดใหญ่และสวยงามกว่าก๊ะอฺบ๊ะฮฺขึ้นมาหลังหนึ่งในเยเมน  เมื่อสร้างเสร็จแล้ว  เขาได้ส่งตัวแทนของเขาออกไปเรียกร้องเชิญชวนชาวอาหรับเผ่าต่างๆทั่วอาหรับให้มาทำฮัจญ์ที่วิหารแห่งใหม่ที่เขาสร้างขึ้นในเยเมน

แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี  ยังไม่มีชาวอาหรับเดินทางมาทำฮัจญ์ที่เยเมนและพลเมืองของเขาที่เยเมนก็ยังคงไปทำฮัจญ์ที่มักก๊ะฮฺเหมือนเดิม   อาจเป็นเพราะอับรอฮะไม่รู้ว่าพิธีฮัจญ์ต้องทำที่มักก๊ะฮฺเท่านั้น  ด้วยเหตุนี้  เขาจึงคิดว่าก๊ะอฺบ๊ะฮฺคืออุปสรรคที่ขัดขวางผู้คนไม่ให้มาทำฮัจญ์ที่เยเมน  ดังนั้น  เขาจึงต้องทำลายก๊ะอฺบ๊ะฮฺที่เป็นอุปสรรคทิ้ง

อับรอฮะสั่งเตรียมกองทัพและมุ่งหน้าไปยังมักก๊ะฮฺเพื่อปฏิบัติภารกิจทำลายก๊ะอฺบ๊ะฮฺ  กองทัพของเขานอกจากจะมีทหารชาวอาฟริกาที่มากับเขาจำนวนหนึ่งแล้ว  ยังมีช้างอีกหลายตัวที่เขานำมาตั้งแต่ตอนที่ถูกส่งมาช่วยชาวคริสเตียนด้วย

ยิ่งกองทัพอับรอฮะเข้ามาใกล้มักก๊ะฮฺมากเท่าใด  ชาวอาหรับยิ่งตื่นตระหนกตกใจและหวาดกลัวยิ่งขึ้นเท่านั้นเพราะชาวอาหรับไม่เคยเห็นช้างมาก่อน  ดังนั้น  อับดุลมุฏฏอลิบ หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺจึงสั่งให้ชาวเมืองหนีขึ้นไปหลบภัยคอยดูสถานการณ์อยู่บนภูเขารอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺ

เมื่ออับรอฮะมาถึงมักก๊ะฮฺและเห็นก๊ะอฺบ๊ะฮฺอยู่ตรงหน้า   เขาได้สั่งควาญช้างให้ไสช้างตรงไปทำลายก๊ะอฺบ๊ะฮฺ  แต่ช้างศึกไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของควาญช้างไม่ว่าจะทำกับมันอย่างไรก็ตามยกเว้นมันถูกบังคับให้หันไปทางอื่นที่ไม่ใช่ก๊ะอฺบ๊ะฮฺ

เมื่อช้างปฏิเสธ  อับรอฮะได้สั่งให้ทหารนับหมื่นคนของเขาบุกเข้าไปทำลายก๊ะอฺบ๊ะฮฺ  แต่ทันใดนั้น  ชาวเมืองมักก๊ะฮฺได้เห็นฝูงนกขนาดมหึมาที่พวกไม่เคยเห็นมาก่อนบินโฉบผ่านก๊ะอฺบ๊ะฮฺและหย่อนเม็ดหินเล็กๆลงมาใส่กองทหารของอับรอฮะ

คัมภีร์กุรอานเล่าว่านกฝูงนี้มีชื่อว่า “อะบาบีล” และเมื่อหินที่นกคาบมาตกใส่ทหารคนใด  เนื้อหนังของทหารคนนั้นจะมีสภาพเหมือนกับใบไม้ที่ถูกหนอนกัดกินและล้มตาย  เมื่อเจอการโจมตีทางอากาศจากฝูงนก  กองทัพของอับรอฮะจึงล่าถอยกลับไปโดยที่ชาวมักก๊ะฮฺไม่ต้องลงมือรบและก๊ะอฺบ๊ะฮฺรอดจากการถูกทำลาย  ชาวมักก๊ะฮฺเรียกปีที่เกิดเหตุการณ์นี้ว่าปีช้าง  

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านไปไม่ถึงปี  อับดุลมุฏฏอลิบหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺก็ได้หลานชายที่ชื่อว่า “มุฮัมมัด”  ที่ถูกส่งมาเป็นศาสนทูตคนสุดท้ายของพระเจ้าและผู้นำคัมภีร์กุรอานมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตสำหรับมนุษยชาติ




ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]


When Mecca was invaded

Banjong Binkasan

Abraham was an African general sent by the Najaji king of Aksum to help Christians who were being persecuted in Arabia by the Judaizer Sunuwas. After the mission is completed He did not return to Africa because he had already become king of Yemen.
Having lived in Yemen for many years Abraham noticed that in one month every year a large caravan would travel north and go for a long time before returning. with doubt Abraha asked his local servants where the caravans went and what they did every year.
Abrah's answer was that the caravan had traveled to Mecca to perform the Hajj along with people from tribes all over the Arabian Peninsula. And the Hajj has been performed since the time Abraham built the Ka'bah thousands of years ago.
When he further asked how the Hajj ceremony was performed. He was told that people going for Hajj would go around the Ka'bah and slaughter animals there. Hajj rites completed People would trade the goods they brought before returning.
Abraharuk asked what the Ka'bah was. What does it look like? He was told that the Ka'bah was a rectangular building made of natural stones that had been built into four walls, with no pillars or decorations. And people put sacred objects that they worship around and place them around every year. People come to worship there and some people are naked. Some groups applaud Some groups whistle while circling the Ka'bah.
When he heard that Abrah immediately thought of making his kingdom bigger. After that, he built a temple larger and more beautiful than the Ka'bah in Yemen. When completed He sent his representatives to invite Arab tribes throughout the Arab region to perform Hajj at the new temple he was building in Yemen.
But as the years have passed No Arab has yet come to perform the Hajj in Yemen and his citizens of Yemen still go to Mecca to perform the Hajj as before. It may be because Abraham did not know that the Hajj must only be performed in Makkah. Therefore, he thought that the Ka'bah was an obstacle that prevented people from coming to Yemen to perform Hajj. Therefore, he had to destroy the Ka'bah. that is an obstacle
Abrah ordered the army to be prepared and headed to Mecca on a mission to destroy the Ka'bah. His army included a number of African soldiers accompanying him. There are also many elephants that he brought with him when he was sent to help the Christians.
The closer Abrah's army came to Makkah, The Arabs were even more alarmed and frightened because the Arabs had never seen an elephant before. Therefore, Abd al-Muttalib The head of the city of Mecca ordered the people to flee and take refuge in the mountains around the Ka'bah to monitor the situation.
When Abraham came to Makkah and saw the Ka'bah in front of him, He ordered the mahout to drive the elephant straight to destroy the Ka'bah. But the war elephant refused to obey the mahout's commands no matter what was done to him unless he was forced to turn in a direction other than the Ka'bah.
When the elephant refused Abrah ordered 10,000 of his soldiers to invade and destroy the Ka'bah. But suddenly the people of Mecca saw an enormous flock of birds, the likes of which they had never seen before, swooping past the Ka'bah and dropping seeds. Small rocks fell on Abraham's troops.
The Quran tells that this group of birds was called "Ababil" and when a stone that the birds carried fell on any soldier, The soldier's flesh would be like a leaf that had been eaten by a worm and he would die. When faced with an air attack from a flock of birds Abrah's army retreated so that the Meccans did not have to fight and the Ka'bah was spared from destruction. The people of Mecca call the year in which this event occurred the Year of the Elephant.
After that event, less than a year had passed. Abdul Muttalib, the head of Makkah, had a grandson named "Muhammad" who was sent to be the last messenger of God and who brought the Quran as a guideline of life for mankind.


Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น