บรรจง บินกาซัน
“จงปฏิบัติต่อเชลยศึกด้วยดี”
นี่มิใช่บทสรุปจากสนธิสัญญาเจนีวาที่ว่าด้วยการปฏิบัติต่อเชลยศึก แต่มันเป็นคำพูดของนบีมุฮัมมัดเมื่อประมาณ 1,400 กว่าปีก่อนหลังเสร็จสิ้นสงครามป้องกันการรุกรานจากศัตรูครั้งแรก
ตามประเพณีของชาวอาหรับก่อนอิสลาม หลังสงคราม หากใครตกเป็นเชลย อนาคตของคนผู้นั้นส่วนใหญ่จะตกเป็นทาสเพื่อนำไปใช้เป็นแรงงานหรือไม่ก็ขายต่อ หรือมิเช่นนั้นก็ตาย
หลังสงครามบะดัรฺซึ่งเป็นสงครามครั้งแรกของมุสลิม มีบันทึกว่าเชลยศึกบางคนถูกประหารเพราะอาชญากรรมที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ในเมืองมักก๊ะฮฺ ส่วนที่เหลือได้รับโอกาสให้เลือกว่าจะเข้ารับอิสลามเพื่อแลกกับอิสรภาพ หรือจ่ายค่าไถ่ตัวแล้วเป็นอิสระ หรือสอนมุสลิมสิบคนให้อ่านหนังสือออกแล้วได้รับการปล่อยตัว
คำสั่งของนบีมุฮัมมัดข้างต้นมาจากวจนะของพระเจ้าที่กล่าวถึงคนดีว่าคนเหล่านั้นคือ “ผู้เลี้ยงอาหารคนยากจนและเด็กกำพร้าและเชลยด้วยความรักที่มีต่อพระเจ้าและพวกเขากล่าวว่า ‘เราให้อาหารพวกท่านเพื่อพระเจ้า เราไม่ได้หวังการตอบแทนและการขอบคุณใดๆจากท่าน’” (กุรอาน 76:8-9)
สาวกของนบีมุฮัมมัดได้ปฏิบัติต่อเชลยศึกตามคำสั่งของท่านอย่างเคร่งครัด ฮุซัยร์ บินฮุมัยร์ หนึ่งในเชลยศึกกล่าวว่า “ฉันอยู่กับครอบครัวชาวมะดีนะฮฺที่ควบคุมตัวฉันหลังถูกจับตัวเป็นเชลย เมื่อใดที่พวกเขากินอาหารมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น พวกเขาให้ความสำคัญแก่ฉันก่อนโดยการให้ขนมปัง ส่วนพวกเขากินอินทผลัมทั้งนี้เพื่อเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของมุฮัมมัดที่ให้ปฏิบัติต่อเชลยด้วยดี”
อีกตัวอย่างหนึ่ง ษุมามะฮ์ อิบนุอะซาลถูกจับตัวเป็นเชลยและถูกมัดไว้กับเสาต้นหนึ่งในมัสยิด นบีมุฮัมมัดได้สั่งว่า “จงปฏิบัติต่อเขาด้วยดีในขณะที่ถูกจับกุม” เมื่อนบีกลับไปบ้าน ท่านได้สั่งให้รวมอาหารเท่าที่มีอยู่ไปให้ษุมามะฮ์”
การที่นบีมุฮัมมัดปฏิบัติต่อเชลยเช่นนั้นเพราะมนุษย์มีคุณค่าและเกียรติติดตัวมาในฐานะเป็นสิ่งถูกสร้างของพระเจ้า
ต่อมา นบีมุฮัมมัดได้เข้าไปหาษุมามะฮ์เพื่อสอบสวนและถามเขาว่า “ท่านคิดอย่างไร?” เขาตอบว่า “ท่านเป็นคนดี ถ้าท่านฆ่าฉัน ฉันก็สมควรถูกฆ่าเพราะมือฉันเปื้อนเลือดมุสลิม แต่ถ้าท่านปล่อยตัวฉันก็เท่ากับท่านทำดีต่อคนที่รู้จักสำนึกในบุญคุณ ถ้าท่านต้องการเงิน จงขอฉันเท่าที่ท่านต้องการ”
หลังจากนั้น นบีมุฮัมมัดได้ออกไปจากเขา ในวันต่อมา ท่านนบีได้ไปหาเขาและษุมามะฮ์ก็พูดเหมือนเดิม วันที่สาม นบีมุฮัมมัดได้ไปหาเขาและสั่งคนที่ควบคุมตัวเขาว่า “ปล่อยษุมามะฮ์ไป”
ผู้ควบคุมตัวษุมามะฮ์ได้แก้เชือกที่มัดตัวของเขาไว้และปล่อยเขาไป เมื่อษุมามะฮ์หลุดจากพันธนาการ เขาได้ไปที่โคนต้นอินทผลัมและทำความสะอาดร่างกาย หลังจากนั้น เขาได้กลับมาหานบีมุฮัมมัดและพูดกับท่านว่า “ฉันขอยืนยันว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺและฉันยืนยันว่าท่านเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ มุฮัมมัด ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่าไม่มีใครบนหน้าแผ่นดินนี้ที่ฉันเกลียดมากกว่าท่าน แต่ตอนนี้ ท่านเป็นผู้ที่ฉันรักมากที่สุด ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่าไม่มีศาสนาใดบนหน้าแผ่นดินนี้ที่ฉันเกลียดมากไปกว่าศาสนาของท่าน แต่ตอนนี้ ไม่มีศาสนาใดในโลกนี้ที่ฉันรักมากไปกว่าศาสนาของท่าน ก่อนนี้ ไม่มีประเทศใดในโลกที่ฉันเกลียดมากไปกว่าประเทศของท่าน แตต่อนนี้ ฉันรักประเทศของท่านมากกว่าประเทศอื่นๆในโลก คนของท่านจับตัวฉันระหว่างที่ฉันจะไปเยือนก๊ะอฺบ๊ะฮฺ ฉันควรจะทำอย่างไร?”
นบีมุฮัมมัดได้แสดงความยินดีต่อเขาและบอกเขาให้ไปทำสิ่งที่เขาต้องากร เมื่อเขามายังมักก๊ะฮฺ มีคนถามเขาว่า “ท่านเปลี่ยนศาสนาแล้วหรือ?” เขากล่าวว่า “ไม่ แต่ฉันได้ยอมจำนนต่อนบีมุฮัมมัดแล้ว ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่าท่านจะไม่ได้รับเมล็ดข้าวสาลีจากยะมามะฮ์แม้แต่เมล็ดเดียวจนกว่านบีมุฮัมมัดจะอนุญาตเสียก่อน”
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
How did Prophet Muhammad treat prisoners of war?
Banjong Binkasan
“Treat prisoners of war well.”
This is not a summary of the Geneva Conventions regarding the treatment of prisoners of war. But it was spoken by the Prophet Muhammad more than 1,400 years ago after the first war against enemy invasion.
According to the traditions of the pre-Islamic Arabs, after the war, if anyone was captive Most of that person's future will be enslaved to be used as labor or resold. Or else it will die.
After the Battle of Badr, which was the first Muslim war It is recorded that some prisoners of war were executed for crimes previously committed in Mecca. The rest were given the opportunity to choose whether to convert to Islam in exchange for freedom. Or pay the ransom and be free? Or teaching ten Muslims to read and being released.
Prophet Muhammad's command above comes from the word of God that describes good people as those who are “Who feed the poor and orphans and captives out of love for God, and they say, 'We give you food for God. We do not expect any reward or gratitude from you'” (Quran 76:8-9).
The followers of the Prophet Muhammad treated the prisoners of war strictly according to his commands. Husayr bin Humayr, one of the prisoners of war, said: “I am with the Medina family who detained me after being taken captive. When do they eat lunch or dinner? They gave me priority by giving me bread. But they ate the dates in order to fulfill the command of Muhammad to treat the captives well.”
In another example, Dhumamah ibn Azal was taken captive and tied to a pillar in the mosque. Prophet Muhammad ordered: “Treat him well while he is arrested.” When the Prophet returned home He ordered that as much food as there was available be gathered and given to Thumamah.”
The Prophet Muhammad treated the captives in such a way because humans have inherent value and honor as God's creatures.
Later, Prophet Muhammad approached Thumamah to investigate and asked him: “What do you think?” He replied, “You are a good person. If you kill me I deserve to be killed because my hands are stained with Muslim blood. But if you release me, then you are doing good to someone who knows how to be grateful. If you need money Ask of me as much as you please.”
After that, the Prophet (PBUH) departed from him. The next day, the Prophet (PBUH) went to him and Thumamah said the same thing. On the third day, the Prophet (PBUH) went to him and commanded those who detained him: “Let Sumamah go.”
Sumamah's captors untied the ropes that bound him and released him. When Sumamah was released from bondage He went to the base of a palm tree and cleaned himself. Then he returned to Prophet Muhammad and said to him, “I testify that there is no god but Allah and I testify that you are the Messenger of Allah, Muhammad. I swear by Allah that there is no one on the face of the earth that I hate more. You, but now you are the person I love the most. I swear by Allah that there is no religion on earth that I hate more than yours. But now, there is no religion on earth that I love more than yours. Previously, there was no country in The world I hate more than your country, but now I love your country more than any other country in the world. Your men captured me while I was visiting the Ka'bah. What should I do?”
Prophet Muhammad congratulated him and told him to go and do what he wanted. When he came to Makkah Someone asked him: “Have you changed your religion?” He said, “No, but I have submitted to the Prophet Muhammad. I swear by Allah that you will not receive a single grain of wheat from Yamamah until Prophet Muhammad gives permission.”
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น