หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ไม่มีตาใจ ไม่เห็นความจริง



บรรจง บินกาซัน

มนุษย์และสัตว์มีตาเหมือนกัน แต่กระนั้น มนุษย์และสัตว์ก็มองเห็นสิ่งเดียวกันอย่างแตกต่างกัน

สัตว์มองเห็นใบไม้ใบหญ้าเป็นอาหาร มันจึงกินใบไม้ที่มองเห็น กินเสร็จแล้วก็จบกันไป

มนุษย์มองเห็นใบไม้เหมือนกัน แต่มนุษย์แตกต่างไปจากสัตว์ตรงที่มนุษย์(บางคน)มองใบไม้แล้วสงสัยว่าทำไมใบไม้จึงมีสีเขียว


ความสงสัยกระตุ้นให้สมองคิดหาคำตอบ มนุษย์จึงเริ่มศึกษาค้นคว้า ไม่นานนัก ปัญญาซึ่งเป็นขุมพลังของสมองได้ให้คำตอบจากการค้นคว้าทดลองว่าใบไม้สีเขียวเพราะมีสารคลอโรฟิลที่ทำหน้าที่เป็นตัวสังเคราะห์แสงแดดเพื่อสร้างอาหารให้แก่พืช หลังจากนั้น มนุษย์ก็นำเอาความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆทางโลกวัตถุ

แต่ในหมู่มนุษย์ด้วยกันมีบางคนมองวัตถุทะลุไปไกลกว่านั้นอีกว่าใบไม้เกิดขึ้นมาอย่างไร ? ใครเป็นผู้สร้างใบไม้นั้นขึ้นมา ? ทำไมใบไม้จึงมีสีสันและรูปร่างแตกต่างกัน ?

ตาเนื้อบนเรือนร่างของมนุษย์มองเห็นแค่คลอโรฟิล แต่ตาใจของวิญญาณมองเห็นว่าพระผู้ทรงสร้างใบไม้เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณและทรงยิ่งใหญ่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมพระองค์ ปัญญาอันเกิดจากตาใจนี้เองที่ทำให้มนุษย์เชื่อมั่นศรัทธาในการมีอยู่ของพระเจ้าและกราบสยบนบนอบต่อพระองค์ด้วยความถ่อมตนและยำเกรง

ประโยชน์จากการที่ตาใจมองเห็นธรรมเบื้องหลังวัตถุก็คือผู้ศรัทธาไม่กล้าทำผิดบาปเพราะเห็นถึงการลงโทษอันเจ็บปวดแสนสาหัสในโลกหน้า ชีวิตทางด้านวิญญาณของคนผู้นั้นจึงรอดพ้นจากถูกทรมานในโลกหลังความตายซึ่งเป็นโลกที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์

หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศต่างๆซึ่งทำให้บ้านเรือนนับพันนับหมื่นหลังพังพินาศและผู้คนเสียชีวิตนับแสนคน มนุษย์ทั่วโลกได้เห็นภาพพิบัติภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิที่สาดซัดเข้าทำลายเมืองชายฝั่งของญี่ปุ่นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

หลายคนมองเห็นแล้วเกิดความเวทนาสงสารต่อผู้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ความรู้สึกนี้กระตุ้นมโนธรรมของมนุษย์จากทุกส่วนของโลกให้ส่งความช่วยเหลือไปยังผู้ประสบเคราะห์กรรมในญี่ปุ่นอย่างไม่ขาดสาย

ส่วนนักวิทยาศาสตร์และนักธรณีวิทยาต่างพากันออกมาอธิบายว่าคลื่นยักษ์สึนามิเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวรุนแรงใต้ทะเลและเกิดแรงดันแผ่นเปลือกโลกให้เทน้ำปริมาณมหึมาในท้องทะเลเข้าสู่ชายฝั่งอย่างปัจจุบันทันด่วนในรูปของคลื่นยักษ์ที่มีอำนาจในการทำลายล้างสูงพอๆกับพลังนิวเคลียร์

นักวิทยาศาสตร์ยังอธิบายต่อไปอีกว่าสาเหตุของแผ่นดินไหวเกิดจากการระเบิดของหินหลอมละลายภายใต้เปลือกโลกตามธรรมชาติของมัน แต่จนทุกวันนี้ มนุษย์ก็ยังไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อใด ที่ไหนและรุนแรงเพียงใด

มนุษย์รู้ดีว่าตัวเองไม่มีความรู้ความสามารถและอำนาจพอที่จะยับยั้งการระเบิดของหินหลอมละลายและการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกได้ จึงได้แต่หาทางป้องกันตัวเองด้วยการสร้างกำแพงคอนกรีตป้องกันคลื่นยักษ์ แต่ถึงกระนั้น ความรู้ทางเทคโนโลยีและวิศวกรรมของมนุษย์ก็ไม่สามารถป้องกันความหายนะได้อย่างที่เห็นๆกัน

นับแต่นี้ไป หายนะภัยทางธรรมชาติจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะมันเป็นกฎของความจริงที่ว่าทุกสิ่งที่ถูกบังเกิดขึ้นมาย่อมมีวาระสุดท้ายของมัน โลกและสรรพสิ่งทั้งหลายมิได้เกิดขึ้นมาเอง แต่มันถูกสร้างขึ้นมาโดยพระเจ้าและมันได้ถูกกำหนดยามอวสานของมันไว้แล้วโดยผู้ทรงสร้างมันขึ้นมา

ถ้าการป่วยกระเสาะกระแสะเป็นลางบอกเหตุถึงวาระสุดท้ายของมนุษย์ ภัยธรรมชาติก็เป็นสัญญาณบอกเหตุถึงยามอวสานเช่นกัน เมื่อมนุษย์ไม่รู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อใด มนุษย์ก็ไม่อาจรู้ถึงยามอวสานของโลกและจักรวาลได้เช่นกัน

เมื่อถึงวาระสุดท้าย วัตถุทั้งหลายจะถูกทำลายหรือไม่ก็สูญสลายไป แต่มนุษย์มิใช่วัตถุ มนุษย์ยังมีวิญญาณที่ไม่สูญสลายและต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่มันได้ทำไว้ในขณะที่อาศัยและใช้เรือนร่างของมนุษย์บนโลกใบนี้

นบีหลายคนเคยเตือนผู้คนในยุคของท่านให้เกรงกลัวยามอวสานและการลงโทษในโลกหน้าเพื่อที่จะได้เตรียมตัวป้องกันหรือหลีกเลี่ยงเคราะห์กรรมทางวิญญาณหลังความตาย แต่ผู้คนกลับแสดงความโง่และความโอหังออกมาด้วยการท้าทายให้นำการลงโทษและเคราะห์กรรมนั้นมาแสดงให้พวกตนได้เห็นแทนที่จะฉวยโอกาสจากการมีชีวิตอยู่สำนึกผิดและกลับตัวกลับใจ

แต่เมื่อการลงโทษเกิดขึ้น ผู้คนเหล่านั้นก็ไม่มีโอกาสสำนึกผิดเพราะพวกเขาถูกทำลายอย่างฉับพลัน ซากเมืองปอมเปอีเป็นหลักฐานหนึ่งที่ยืนยันถึงความจริงในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ต่อไปนี้ มนุษย์จะได้เห็นภาพภัยพิบัติทางธรรมชาติทั่วโลก ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น แต่มันได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องเกิดเพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงยามอวสานและความหายนะในโลกหน้า มันเป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้มนุษย์ได้เห็นด้วยตาเนื้อเพื่อให้มนุษย์ใช้ตาใจมองทะลุไปถึงพลังอำนาจของผู้ทรงอยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์อันน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้น

ชีวิตทางด้านวิญญาณของมนุษย์จะมีสภาพอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการมองวัตถุด้วยตาใจของมนุษย์แต่ละคน




ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |

I do not have eyes to see the truth.


Banjong Binkason



Humans and animals have eyes like humans and animals, but also see the same thing differently.

Animals see leaves as food. It leaves visible. He then ended up.

A man leaves a But humans are different from animals in that man (someone) a leaf and then wonder why leaves are green.

Suspicion stimulates the brain to figure out the answer. Men began investigating shortly intelligence, which is the power of the brain to answer the research that leaves green because of chlorophyll, which act as artificial sunlight to create food for plants after man. he used the knowledge gained to good use in various mundane objects.

However, among men with some people looking through the foliage beyond that happen with you? Who created the leaves that up? Why foliage so colorful and different shapes?

Eye meat on the body of a man just chlorophyll. The mind's eye sees the soul leaves the Creator knows. Wise and his greatness no one equaled him. Issues arising from the human eye's own faith in the existence of God, and fell, crushing him with regard to humility and fear.

The advantage of the mind's eye to see objects behind the fair is not a sin for the faithful to see the painful punishment inflicted on the world. Life in the spirit of that person, escape being tortured in the world after death, which is the real world of human life.

After the earthquake in countries for which house thousands of people and devastated after the death of hundreds of thousands of people. The human world has seen pictures of the tsunami disaster, the tsunami that destroyed coastal towns of lapping Japan as never seen before.

Many see the compassion and sympathy on the loss of life and property. This feeling aroused the conscience of men from all parts of the world to send aid to the victim in Japan unremitting.

Scientists and geologists came out to explain the waves of tsunami caused by underwater earthquakes and pressure plates to pour massive amounts of water on the sea shore in the form of a sudden. tsunami with destructive power as well as nuclear power.

The scientists also describe further the cause of earthquakes caused by the eruption of molten rock beneath the Earth's crust, according to its nature. But today Humans did not know when it will happen. Where violence and any

No man knows his own abilities and the power to veto the eruption of molten rock and the movement of the earth's crust. But it has to protect itself by building a concrete wall to prevent tsunami. However, Knowledge, technology and human engineering, it can not prevent the disaster has seen it.

From now on, the natural disasters will continue to happen because it is the law of the fact that everything that was done, there was the end of it. And what did not happen on its own. But it was created by God, and it was defined by the Hour of them who created it.

If the patient is weakly presage the end of man. Natural disasters, it is the hour of the alarm as well. When people do not know that I could die at any time. Humans may not know about the Hour of the Earth and the universe as well.

By the end Objects shall be destroyed or perish. But human beings are not objects The human spirit has not died and was responsible for what it has done in the lives and bodies of human beings on this planet.

B. Many people had warned people in the hour of your fear and punishment in the next world to be prepared to prevent or avoid the fate of the soul after death.

But when a penalty occurs These people had no chance to repent because they were sudden. Pompeii ruins attest to the fact that the evidence in this matter as well.

With the advancement of technology, the following men would have seen images of natural disasters around the world. Nobody wants it to happen. But it was already scheduled to be born to a signal indicative of the hour and the Holocaust in the world. It was a spectacle to see a man with an eye to the human body using the mind's eye sees through the power of God behind those horrifying phenomenon.

The spiritual life of the human condition is, however, based on a material with the eyes of the individual human mind.



Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น