หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

วิทยาศาสตร์ต้องมีศาสนานำทาง




บรรจง บินกาซัน

เมื่อพระเจ้าสร้างจักรวาล พระองค์ไม่ได้สร้างมันขึ้นมาโดยปราศจากระเบียบ แต่พระองค์ได้ทรงสร้างกฎระเบียบขึ้นมาควบคุมมันไว้ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เพื่อรับใช้การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตบนโลก


โลกของเราถูกกำหนดให้อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 93 ล้านไมล์ซึ่งเป็นระยะที่พอเหมาะพอดีกับการมีชีวิต ถ้าหากโลกเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่านี้ มนุษย์ก็ร้อนตับแตกตาย ถ้าหากโลกออกห่างจากดวงอาทิตย์มากกว่านี้ มนุษย์ก็หนาวตาย

นอกจากนี้ โลกยังถูกกำหนดให้หมุนรอบตัวเองเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อให้เกิดเวลากลางคืนสำหรับมนุษย์ไว้พักผ่อนและมีเวลากลางวันไว้สำหรับทำงาน ไม่เพียงเท่านั้น โลกยังถูกกำหนดให้หมุนรอบดวงอาทิตย์เพื่อเกิดฤดูกาลต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์อีกด้วย

นี่คือกฎธรรมชาติที่เป็นความโปรดปรานของพระเจ้าต่อมวลมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ถูกจัดเตรียมไว้ก่อนที่มนุษย์จะเกิด ธรรมชาติจึงไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นความจริงที่มีอยู่ดั้งเดิม

มนุษย์เป็นสิ่งถูกสร้างที่มีชีวิตไม่ต่างไปจากสัตว์ทั้งหลาย ในร่างกายของมนุษย์มีอวัยวะนับหลายร้อยชิ้นที่ถูกสร้างขึ้นและถูกกำหนดหน้าที่ให้ทำงานเพื่อการมีชีวิตของมนุษย์ แม้อวัยวะต่างๆจะอยู่ในร่างกายของมนุษย์ แต่มนุษย์ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริงของมัน มนุษย์ไม่อาจสั่งให้หัวใจเต้นช้าหรือเร็วตามที่มนุษย์ต้องการได้ มนุษย์ไม่อาจสั่งกระเพาะให้หยุดย่อยอาหารเพราะเสียดายสิ่งที่กินเข้าไป อวัยวะทุกชิ้นจะฟังคำสั่งของพระเจ้าผู้ทรงสร้างมันขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของมนุษย์เอง

นอกจากนี้แล้ว มนุษย์ยังเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงเผ่าพันธุ์เดียวที่ได้รับศาสนาเป็นกฎระเบียบในการอยู่ร่วมกัน เนื่องจากกฎของศาสนากับกฎทางชีวภาพในตัวมนุษย์และกฎทางภายภาพรอบตัวมนุษย์มาจากแหล่งที่มาเดียวกัน นั่นคือพระเจ้า ดังนั้น กฎทั้งสามนี้จึงไม่ขัดแย้งกัน แต่จะเอื้ออำนวยกันให้เกิดประโยชน์สุขสูงสุดแก่มนุษย์ถ้ามนุษย์ปฏิบัติตามกฎของศาสนา เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายนอกตัวมนุษย์และอวัยวะทั้งหมดในตัวมนุษย์ปฏิบัติตามกฎระเบียบของพระเจ้าแล้ว เหลือแต่มนุษย์เท่านั้นที่จะปฏิบัติตามกฎศาสนาของพระเจ้าหรือไม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญาและเจตนารมณ์เสรีของมนุษย์

ถ้ามนุษย์ปฏิบัติตามกฎของศาสนา สมดุลและประโยชน์สุขก็จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตของมนุษย์เอง

แก่นธรรมคำสอนที่แท้จริงศาสนาต่างๆมีสิ่งที่เป็นประโยชน์เหมือนกันมากมายสำหรับมนุษย์ทั้งในด้านความเชื่อและการปฏิบัติ

ในอดีต ก่อนที่โลกจะมีระบบรัฐสภาเพื่อการออกกฎหมาย เราปฏิเสธไม่ได้ว่าคำสอนของศาสนาทำหน้าที่เป็นกฎระเบียบของสังคมมนุษย์ เมื่อมนุษย์ปฏิบัติตามกฎศาสนา ปัญหาในสังคมก็น้อยลงหรือแทบไม่มีเลย

นอกจากนี้ คำสอนของศาสนายังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการค้นพบทางวิทยาศาสตร์มากมาย เมื่อชาวอาหรับได้รับคัมภีร์กุรอานและอ่านพบว่า “เรา(พระเจ้า)จะให้พวกเขาได้เห็นสัญญาณต่างๆของเราในท้องฟ้าและในตัวของพวกเขาจนกระทั่งพวกเขาเชื่อมั่นว่าคัมภีร์กุรอานเป็นความจริง” ชาวอาหรับเกิดความสงสัยว่าสัญญาณของพระเจ้าในท้องฟ้าคืออะไร จึงเฝ้าคอยดูอยู่ทุกคืน ในการเฝ้าดูท้องฟ้ายามราตรีนั้น ชาวอาหรับได้ทำการบันทึกตำแหน่งดวงดาวไว้ทุกวันจนกระทั่งกลายเป็นแผนที่ดวงดาวในที่สุด

เมื่ออิบนุสินาชาวเปอร์เซียได้เข้ารับอิสลามและศึกษาคัมภีร์กุรอาน เขาก็สงสัยว่าอะไรคือสัญญาณของพระเจ้าในตัวของมนุษย์ เขาจึงเริ่มศึกษาอวัยวะภายในของมนุษย์โดยเริ่มต้นด้วยการผ่าซากสัตว์และพบว่าอวัยวะของสัตว์ทุกตัวถูกจัดเรียงไว้ในตำแหน่งเดียวกันอย่างน่าทึ่ง หลังจากนั้น เขาได้ผ่าศพมนุษย์เพื่อค้นหาสัญญาณของพระเจ้าและทำให้เขาทึ่งในการสร้างสรรค์ของพระองค์ เขาไม่เพียงแต่ศึกษาทางด้านสรีระเท่านั้น แต่ยังศึกษาถึงการทำหน้าที่ของอวัยวะแต่ละชิ้นและยังบันทึกการค้นพบของเขาไว้เป็นตำราที่มีชื่อว่า “กฎในการแพทย์” ด้วย ตำราเล่มนี้ชาวยุโรปได้นำไปแปลเป็นภาษาละตินและใช้อ้างอิงเป็นเวลาถึงห้าร้อยปี แต่ชาวยุโรปได้เปลี่ยนชื่อของอิบนุสินาเสียใหม่ให้เป็นยุโรปว่า “อาวิเซนนา”

แรงบันดาลใจจากคำสอนทางศาสนานี้เองที่ส่งผลให้ยุโรปเกิดยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการในเวลาต่อมาและเป็นรากฐานของความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในโลกสมัยใหม่

น่าเสียดายที่เมื่อวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้า นักวิทยาศาสตร์สายพันธุ์ใหม่กลับหลงลืมคำสอนของศาสนาและวิทยาศาสตร์ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในทางทำลาย ขณะเดียวกัน บุคลากรในวงการศาสนากลับหมกมุ่นอยู่กับเรื่องพิธีกรรมและไสยศาสตร์จนลืมมิติทางสังคมและวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ในคำสอนของศาสนา คนสองกลุ่มนี้จึงแยกขาดออกจากกัน

สังคมใดที่บุคลากรทางศาสนาขาดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ สังคมนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนขาเป๋ แต่สังคมใดมีนักวิทยาศาสตร์ที่ขาดศาสนา สังคมนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนตาบอด ถ้าประเทศใดมีสังคมสองประเภทนี้ เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตของประเทศนั้นจะเป็นอย่างไร


ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]


Science must have a religion of navigation.

Banjong Bin Gan Sun


When God created the universe He did not create it without a mess. But He created the rules to control it according to His purpose to serve the existence of the creatures of the world.

Our planet is set about 93 million miles from the sun, which is a life-size fit. If the world is closer to the sun? Humans are hot, liver is dead. If the world is far away from the sun. Man is cold

In addition, the world is set to rotate itself for 24 hours to make it a night for humans to rest and have lunchtime for work. not only The world is also set to rotate around the sun to produce seasons that are beneficial to humans.

This is a natural law that is God's favor to mankind. These were prepared before human beings were born. Nature is not a coincidence. But it is true that there is a traditional existence.

Human beings are creatures that live no differently from all animals. In the human body there are hundreds of organs created and assigned to work for human life. Even organs are in the human body. But man is not its true owner. Human beings may not order the heart beats slow or fast as human need. Humans can not order the stomach to stop digestion because of the regret of what to eat. Every organ will listen to the command of God, who created it for the benefit of mankind.

In addition Humans are also the only living beings who have been given the religion as a rule of co-existence. Because the laws of religion and the biological laws of man and the rules of the human world come from the same source. That is God, so these three rules are not contradictory. But it will be most beneficial for human beings if they obey the laws of religion. Because everything outside of human beings and all the organs of the human body obey God's rules. Only humans can follow the divine rules of the law. It depends on the wisdom and the free will of man.

If a man obeys the rules of religion. The balance and benefit will be in the life of mankind.

True doctrines and religions have many of the same benefits for man in both belief and practice.

In the past, before the world would have a parliamentary system for legislation. We can not deny that the doctrine of religion acts as a regulation of human society. When a man obeys the rules of religion. The problem is less or less in society.

In addition, the doctrines of religion have also inspired many scientific discoveries. When the Arabs received the Quran and read that. "We (God) will let them see our signs in the sky and in their bodies until they are convinced that the Quran is true." Arabs wondered what God's signs in the sky were. So watch every night. To watch the night sky. The Arabs recorded the stars every day until they finally became stars.

When Persian Ibn Sinai entered Islam and studied the Quran He wondered what was the sign of God in man. He began to study human internal organs, beginning with the carcass and found that all the organs of the animals were arranged in the same position remarkably, after which he dismembered the human body to search for God's signs and impressed them. In his creation He not only studied physiologically. But also studied the function of each organ and also recorded his discovery as a textbook called. "The law in medicine". With this textbook, Europeans have translated into Latin and referenced for five hundred years. But Europeans have changed the name of Ibn Sinai to European as "Avivine".

Inspired by this religious doctrine that resulted in the emergence of European art and later the foundation of scientific progress in the modern world.

Unfortunately, when science in modern times is progressing. New species of scientists have forgotten the teachings of religion and science have been exploited in a destructive way. At the same time, religionists are obsessed with ritual and superstition, so they forget the social and scientific dimensions of the doctrine of religion. These two people are separated from each other.

Any society where religious personnel lack scientific knowledge. Society is no different from the legs. But any society has scientists who lack religion. Society is no different from the blind. If any country has these two societies. We do not know what the future of the country will be like.



Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น