หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ปืนปล้นธนาคาร ธนาคารปล้นโลก



บรรจง บินกาซัน

เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศเอกราชและเริ่มก่อตั้งประเทศเมื่อประมาณสองร้อยกว่าปีที่แล้ว อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนแรกของสหรัฐได้สนับสนุนให้มีการตั้งธนาคารกลางขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของชาติโดยให้เอกชนเป็นเจ้าของ ดังนั้น ใน ค.ศ.1791 ยอร์จ วอชิงตันจึงลงนามในกฎหมายก่อตั้งธนาคารแห่งแรกของสหรัฐขึ้นมา


เมื่อเศรษฐกิจพัฒนาไปและความต้องการใช้เงินมีมากขึ้น โธมัส เจฟเฟอร์สัน บิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกาและเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐระหว่างค.ศ.1801-1809 ได้แสดงถึงความกังวลต่อแนวความคิดของอเล็กซานเดอร์ แฮมิลตันว่า :-

“ผมเชื่อว่าสถาบันธนาคารเป็นอันตรายต่อเสรีภาพของเรามากกว่ากองทัพประจำการเสียอีก ถ้าชาวอเมริกันยอมให้ธนาคารเอกชนควบคุมการออกเงินตราของตนเมื่อใด โดยภาวะเงินเฟ้อในตอนเริ่มต้น หลังจากนั้นโดยภาวะเงินฝืด พวกธนาคารและบรรษัทต่างๆที่เติบโตขึ้นรอบตัวเราจะเข้ามายึดทรัพย์สินทั้งหมดของประชาชนจนกระทั่งลูกๆของพวกเขาตื่นขึ้นกลายเป็นผู้ไร้บ้านบนทวีปที่พ่อของพวกเขาพิชิตมา”

คำพูดของโธมัส เจฟเฟอร์สัน แสดงถึงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันยาวไกลและความเป็นห่วงอนาคตของคนรุ่นหลังซึ่งยากจะพบได้ในผู้นำของสหรัฐและหลายประเทศในโลกปัจจุบัน

หลังจากนั้น สิ่งที่โธมัส เจฟเฟอร์สัน กังวลก็เกิดขึ้นเมื่อประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน ได้ลงนามในพระราชบัญญัติ เฟดเดอรัล รีเสิร์ฟ ค.ศ.1913 ให้มีการจัดตั้งธนาคารเฟดเดอรัล รีเสิร์ฟ ขึ้นมาทำหน้าที่เหมือนธนาคารกลางของประเทศ แต่ที่เป็นเรื่องน่าแปลกก็คือธนาคารกลางแห่งนี้มิใช่เป็นของรัฐบาล หากแต่เป็นของกลุ่มสถาบันการเงินเอกชนในยุโรปและอเมริกา เช่น 1) เลห์แมน บราเดอร์2) โกลด์แมน แซค 3) ลาซาร์ด บราเดอร์ส 4) ร็อคกีเฟลเลอร์ 5) รอธไชล์ด 6) คูนห์ แอนด์ โลเอบ 7) วอร์เบิร์ก 8) อิสราเอล ซิฟ เป็นต้น

แต่ที่สำคัญคือธนาคารเฟดเดอรัล รีเสิร์ฟ ได้รับอภิสิทธิ์จากรัฐบาลอเมริกันให้เป็นผู้พิมพ์ธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐและเป็นแหล่งเงินกู้สำคัญของรัฐบาลสหรัฐในการทำโครงการใหญ่ๆ

กลางปี ค.ศ.1944 ขณะกำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวแทนกว่า 700 คนของ 44 ชาติพันธมิตรได้มานั่งประชุมกันที่เมืองเบรตตัน วูดส์ ในรัฐนิวแฮมป์ไชร์ของสหรัฐเพื่อตกลงเรื่องการสร้างระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่จะถูกนำมาใช้แทนทองคำ ในที่สุด ที่ประชุมได้ตกลงกันว่าทองคำหนึ่งออนซ์จะมีมูลค่าเท่ากับ 35 ดอลล่าร์สหรัฐ

นั่นหมายความว่าหากรัฐบาลสหรัฐต้องการจะพิมพ์ธนบัตรออกมา 35 ดอลล่าร์ รัฐบาลสหรัฐต้องมีทองคำสำรองหนุนหลัง 1 ออนซ์เพื่อให้คนถือเงินดอลล่าร์สหรัฐสามารถนำเงินมาไถ่ถอนทองคำได้ตามจริง แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้น รัฐบาลสหรัฐไม่ได้รักษาสัญญาที่ตกลงกันไว้กับชาติอื่นๆโดยปล่อยให้ธนาคารเฟดเดอรัล รีเสิร์ฟ พิมพ์ธนบัตรดอลล่าร์ออกมาเกินกว่าทองคำสำรอง ปัญหาเงินเฟ้อจึงเริ่มขึ้น

เมื่อจอห์น เอฟ. เคนเนดีขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ด้วยความเป็นชาวคริสเตียนที่เคร่งครัดศาสนา วันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ.1963 เขาได้ลงนามในคำสั่งของรัฐบาลเลขที่ 11110 ประกาศว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่ทำธุรกิจกับธนาคารเฟดเดอรัล รีเสิร์ฟ อีกต่อไป นั่นคือ รัฐบาลสหรัฐในสมัยของเขาจะไม่กู้เงินจากธนาคาร เฟดเดอรัล รีเสิร์ฟ โดยยอมเสียดอกเบี้ยอีกต่อไป และในคำสั่งเดียวกันนี้ได้ให้อำนาจแก่กระทรวงการคลังของสหรัฐในการออกเงินตราเองโดยไม่ต้องอาศัยธนาคารเฟดเดอรัล รีเสิร์ฟ

เพราะคำสั่งนี้เอง วันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ.1963 ประธานาธิบดีเคนเนดีจึงได้ถูกลอบสังหาร แม้จะจับตัวผู้ลอบสังหารได้ แต่ยังมิทันจะได้รับการสอบสวน ผู้ลอบสังหารก็ถูกสังหารตัดตอนไปเสียก่อน หลังจากนั้น ธนบัตรสหรัฐที่เขาสั่งให้กระทรวงการคลังพิมพ์ออกมาโดยมีทองคำสำรองหนุนหลังได้ถูกเก็บออกไปจากการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและมีธนบัตรเฟดเดอรัล รีเสิร์ฟออกมาหมุนเวียนเหมือนเดิม

แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือธนบัตรดอลล่าร์ของเฟดเดอรัล รีเสิร์ฟได้ถูกพิพม์ออกมามากเกินกว่าทองคำสำรองจริง ยิ่งเมื่อประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐได้สั่งยกเลิกระบบทองคำสำรองแต่เพียงฝ่ายเดียวใน ค.ศ.1971 ธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐได้ถูกพิมพ์ออกมาเหมือนกระดาษชำระ ภาวะเงินเฟ้อจึงไม่เกิดขึ้นในสหรัฐเพียงอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นทั่วโลกด้วยเพราะชาติต่างๆทั่วโลกใช้เงินดอลล่าร์สหรัฐเป็นสกุลเงินอ้างอิงในการซื้อขายระหว่างประเทศ

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมชาติต่างๆจึงเริ่มรังเกียจเงินดอลล่าร์สหรัฐ

เมื่อนายซัดดัม ฮุสเซน ประธานาธิบดีแห่งอิรักและพันเอก มุอัมมาร์ กอซซาฟี แห่งลิเบียประกาศว่าจะไม่รับเงินดอลล่าร์สหรัฐในการขายน้ำมันอีกต่อไป แต่จะรับเป็นทองคำหรือเงินสกุลอื่นแทน เขาจึงต้องประสบชะตากรรมเดียวกับประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ของสหรัฐอเมริกา อิหร่านจะตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของสหรัฐต่อไปเพราะเหตุผลเดียวกัน แต่ก่อนจะโจมตี ผู้นำของชาติเหล่านี้จะต้องถูกสร้างภาพให้เป็นยักษ์เป็นมารหรือเป็นปีศาจเสียก่อนเพื่อให้โลกเห็นด้วยกับการโจมตีของสหรัฐ

ขณะนี้มีคำเตือนชาวโลกทางเว็บไซต์ว่า “ให้ปืนกระบอกหนึ่งแก่ใครสักคน คนผู้นั้นสามารถปล้นธนาคารได้ ให้ธนาคารสักแห่งหนึ่งแก่ใครสักคน คนผู้นั้นสามารถปล้นโลกได้”


ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]


Bank robbery Bank robbed the world


Banjong Bin Gan Sun


When the United States declared independence and founded the country about two hundred years ago. Alexander Hamilton, the first US Secretary of the Treasury, has advocated the establishment of a central bank as a tool to stabilize the nation's economy by private ownership. So in 1791 York Washington signed the founding law of the first bank in the United States.

As the economy evolved and demand for money increased, Thomas Jefferson, father of the United States and third president of the United States between 1801-1809. Expressed concern over Alexander Hamilton's ideas: -

"I believe the banking institutions are more dangerous for our liberties than the military. If the Americans allow private banks to control their currency when? By inflation in the beginning. After that, by deflation. The banks and corporations that grow up around us will seize all the property of the people until their children wake up, becoming homeless on the continent their father conquers. "

The words of Thomas Jefferson show the long-term vision and future concerns of the generation that are hard to find in the leaders of the United States and in many of today's worlds.

After that, what Thomas Jefferson was worried about was when President Woodrow Wilson signed the Federal Reserve Act of 1913 to set up the Federal Reserve to act as Central bank of the country But, surprisingly, this central bank is not a government. If it belongs to a group of private financial institutions in Europe and America like: 1) Lehman Brothers 2) Goldman Sach 3) Laughard Brothers 4) Rockefeller 5) Roth 6) Kahl & Loe 7) Warburg 8) Israel Siberian

But the important thing is that the Federated Recipient gets the privilege of the American government to print US dollar notes and is a major source of US government funding for major projects.

In mid-1944, during the Second World War, over 700 delegates from the 44 nations gathered at Bretton Woods in New Hampshire, Finally, the meeting agreed that one ounce of gold would be valued at US $ 35.

That means that if the US government wants to print 35 dollar notes, the US government must have 1 ounce of gold reserves so that US dollar holders can actually redeem the gold. But it appears after that. The US government did not keep the deal with other nations, allowing the Federal Reserve to print dollar denominations out of gold reserves. Inflation started.

When John F. Kennedy became president On June 4, 1963, he signed a government order No. 11110 announcing that the federal government would no longer be in business with the Federal Reserve. His days will not be borrowed from the Federal Reserve Bank to surrender interest. And in the same order, it gave the US Treasury the authority to issue its own currency without having to rely on the Federal Reserve.

Because of this order, on November 22, 1963 President Kennedy was assassinated. Even the assassins can be arrested. But still, Miton will be investigated. The assassin was slain before, after which the banknotes he ordered the Ministry of Finance to print out, backed up by gold reserves, were kept out of circulation in the economy and with Federated Banknotes. Serve the same turnover.

But more importantly, it's Federated Dollar Banknotes. The service has been more out of gold than the real gold reserves. Even when President Richard Nixon of the United States ordered the removal of the gold reserve system in 1971, US dollar bills were printed like toilet paper. Inflation is not happening in the US alone. But it happens all over the world because nations around the world use the US dollar as a reference currency in international trading.

That is the reason why nations are starting to dislike the US dollar.

When Iraqi President Saddam Hussein and Libyan ambassador Marcus Zaragoza announced they would no longer accept US dollars for oil sales. But it will be gold or other currency. He suffered the same fate as President John F. Kennedy of the United States. Iran will be targeted by US attacks for the same reason. But before the attack. The leaders of these nations must be portrayed as giants, devils or demons, to allow the world to agree on US attacks.

There are warnings on the web that. "Give a gun to someone. That person can rob a bank. Give a bank to someone. That person can rob the world. "



Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น