สันโดษได้ แต่ต้องไม่ทิ้งโลก

บรรจง บินกาซัน

ตราบใดที่มนุษย์ยังมีชีวิต ตราบนั้นแสดงว่ามนุษย์ยังมีวิญญาณอยู่ในตัว ดังนั้น มนุษย์จึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสวงหาความนิรันดร เพราะวิญญาณมนุษย์เคยอยู่ในโลกนิรันดรมาก่อน แต่เพราะมนุษย์หลงใหลวัตถุและยึดติดอยู่กับมัน วิญญาณมนุษย์จึงไม่สามารถหลุดพ้นโลกวัตถุที่ก่อกิเลสไม่รู้จบ

ด้วยเหตุนี้ ในอดีตที่ผ่านมา โลกจึงมีมนุษย์บางกลุ่มพยายามจะหาทางหลุดจากโลกวัตถุให้ได้โดยใช้ชีวิตสันโดษในรูปของนักพรตหรือฤาษีชีไพรที่ปฏิเสธความต้องการใดๆแม้แต่เสื้อผ้าห่อหุ้มตัว การปฏิบัติตัวของคนกลุ่มนี้ทำให้มีผู้คนเลื่อมใสเคารพนับถือและฤาษีหลายคนได้กลายเป็นเจ้าลัทธิที่ตัวเองตั้งขึ้นมา


อย่างไรก็ตาม การใช้ชีวิตที่ปฏิเสธโลกวัตถุมิใช่แนวทางของศาสนา เพราะศาสนาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่สอนให้มนุษย์ใช้ชีวิตโดยตอบสนองความต้องการของร่างกายและวิญญาณอย่างสมดุลเพื่อทำให้ชีวิตสมบูรณ์

เมื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของนบีหรือศาสดาผู้นำศาสนามาสั่งสอน เราจะไม่พบว่านบีคนใดดำรงตนเป็นนักพรตหรือฤาษี คัมภีร์กุรอานได้ยืนยันเรื่องนี้ไว้ชัดเจนว่า

“เรา(พระเจ้า)ได้ส่งบรรดาศาสนทูตของเรามาคนแล้วคนเล่าและตามมาด้วยเยซัสบุตรของมารีย์ เราได้ประทานคัมภีร์แก่เขาและเราได้ทำให้ความสงสารและความเมตตาเกิดขึ้นในหัวใจของบรรดาผู้ปฏิบัติตามเขา แต่เรามิได้กำหนดเรื่องการเป็นนักบวชถือสันโดษแก่พวกเขา พวกเขาอุตริคิดกันขึ้นมาเองเพื่อที่จะแสวงหาความโปรดปรานของพระเจ้า แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิบัติตามมันอย่างที่มันควรจะต้องได้รับการปฏิบัติตาม (กุรอาน 57.27)

ข้อความดังกล่าวข้างต้นกล่าวไว้ชัดเจนว่าพระเจ้าไม่ได้กำหนดเรื่องการเป็นนักบวชถือสันโดษแก่บ่าวของพระองค์ แต่มนุษย์คิดกันขึ้นมาเองโดยคิดว่าการละทิ้งโลก ทิ้งครอบครัวจะเป็นหนทางที่ทำให้วิญญาณกลับไปหาพระเจ้าได้

หลังสมัยพระเยซู(หรือนบีอีซา)ประมาณ 200 ปี มีความคิดว่าการดำรงชีวิตเป็นโสดดีกว่าการแต่งงานและการไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกเป็นอุดมคติทางศีลธรรม ความคิดนี้ได้แพร่ไปจนการครองตนเป็นโสดเป็นที่ปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย ประกอบกับความเจริญทางวัตถุของอาณาจักรไบแซนตินทำให้ศีลธรรมตกต่ำเสื่อมทราม ผู้คนที่ใฝ่ศีลธรรมจึงหาทางปลีกตัวออกจากสังคมที่ฟอนเฟะมากขึ้น

มาถึงสมัยของนบีมุฮัมมัด มีสาวกของท่านบางคนหาทางจะบรรลุธรรมและความหลุดพ้นด้วยการละหมาดทั้งคืน อีกคนหนึ่งกล่าวว่าจะถือศีลอดต่อเนื่องกันโดยไม่พัก อีกคนหนึ่งกล่าวว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงหรือแต่งงาน

เมื่อนบีมุฮัมมัดได้ยินเช่นนั้น ท่านจึงได้เตือนสาวกของท่านมิให้ทำเช่นนั้น เพราะตัวท่านเองเป็นผู้มีความผูกพันกับพระเจ้ามากที่สุด แต่ถึงกระนั้น ท่านก็ถือศีลอดและละศีลอด ท่านละหมาดเพิ่มเติมในตอนกลางคืนหลังจากนอนพักผ่อนแล้ว และท่านแต่งงานมีครอบครัว หลังจากนั้น ท่านได้บอกสาวกของท่านว่า “ใครที่ไม่ปฏิบัติตามฉันก็ไม่ใช่คนของฉัน”

อย่างไรก็ตาม อิสลามได้เตรียมวิธีการไว้สำหรับตอบสนองมุสลิมบางคนที่ต้องการความหลุดพ้นจากโลกวัตถุเป็นบางเวลา แต่มิใช่ตลอดเวลา วิธีการนี้เรียกว่า “อิอฺติก๊าฟ” ซึ่งไม่บังคับให้ทุกคนทำ

“อิอฺติก๊าฟ” คือการปลีกตัวเองออกจากครอบครัวไปอยู่ในมัสญิดตามลำพังในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน ในช่วงเวลานี้ ผู้ปลีกตัวจะไม่ออกไปจากบริเวณของมัสญิดยกเว้นกรณีที่จำเป็นต้องไปห้องน้ำหรือกินอาหารที่ยังคงอยู่ในอาณาบริเวณของมัสญิด

สิ่งที่ผู้ปลีกวิเวกปฏิบัติในระหว่างการอิอฺติก๊าฟก็คือ การละหมาดเพิ่มเติม การนั่งสงบจิตสงบใจ การกล่าวคำรำลึกถึงพระเจ้า การอ่านหรือการศึกษาคัมภีร์กุรอาน เป็นต้น

อาจกล่าวได้ว่าการอิฺติก๊าฟเป็นการเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกจิตวิญญาณให้มีความเข้มแข็งมากขึ้นกว่าการถือศีลอดที่อดแต่พาะข้าวและน้ำเท่านั้น เพราะการอิอฺติก๊าฟคือการทำใจให้หลุดพ้นจากการยึดติดกับครอบครัวและการงานที่เคยทำเป็นประจำในโลกวัตถุมาตลอดทั้งปี



ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]

Solitude, but must not leave the world

Banjong Binkason


As long as men are alive As long as it shows that human beings have their own souls, then humans are creatures that seek eternity. Because the human spirit had been in the eternal world before But because human beings are fascinated with objects and attached to it The human spirit is therefore unable to escape the world of objects that create endless passion.

For this reason, in the past The world therefore has some groups of people trying to find a way out of the material world by living a solitary life in the form of an ascetic or hermit shirai who denies any need, even clothes wrapped The practice of this group of people has made people respect and respect, many hermit has become a cult of self.

However, living a life that rejects the world is not a way of religion. Because religion is a way of life that teaches people to live by fulfilling the needs of the body and spirit in a balanced way to make life perfect

When studying the history of prophets or religious leaders to teach We will not find any prophet who is a priest or hermit. The Quran confirms this clearly.

"I (God) sent all my messengers, people and people, followed by Jesus son of Mary. We gave him the Book, and We made compassion and compassion in the hearts of those who followed him. But we did not set about being a priest, holding solitude to them They are unnatural to think of themselves to seek God's favor. But after that They did not follow it as it should be treated (Qur'an 57.27).

The aforementioned statement clearly states that God did not impose a priestly reverence for His servants. But humans think of themselves by thinking of abandoning the world. Leaving the family will be a way to turn the spirit back to God

After about 200 years of Jesus (or Jesus), there is a thought that living is better than marriage and not interfering with worldly matters as moral ideals. This idea has spread so much that celibacy is widely practiced. Coupled with the material prosperity of the Byzantine Empire, causing morals to decline People who pursue morals therefore find a way to get away from the society that is more von.

Came to the time of Prophet Muhammad There are some of your disciples seeking to attain justice and liberation by praying all night. Another person said that he would continue fasting without rest. Another person said that he would not interfere with women or marriage.

When Prophet Muhammad heard it He therefore warned his disciples not to do so. Because you are the most bonded with God Yet He fasted and fasted. You pray more at night after sleeping. And he married a family. After that he told his disciples that "Anyone who doesn't follow me is not my person."

However, Islam has prepared a method for responding to some Muslims who want to escape from the material world for some time. But not all the time This method is called "Io Tikaf" which does not force anyone to do it.

"Io Tikaf" is the self-exclusion of the family in Masjid alone during the last ten days of Ramadan. During this time The detractor will not leave the area of ​​Masjid unless he needs to go to the bathroom or eat food that remains in the area of ​​Masjid.

The thing that the retailer has practiced during the Tikvik is More prayers Sitting in peace Remembrance of God Reading or studying the Quran etc.

It can be said that the ingestion of the spirits increases the concentration of spiritual training to be stronger than the fasting of rice and water only. Because the igi-tak is to come to mind from the attachment to the family and the work that has been done regularly in the material world throughout the year.



Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason