ทานคือฐานของสังคม

บรรจง บินกาซัน

คำสอนที่เหมือนกันอย่างหนึ่งของทุกศาสนาคือการส่งเสริมในเรื่องของการแบ่งปันหรือการบริจาคทาน เพราะหากมองภายนอก มันคือการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ยิ่งมีการแบ่งปัน ความสัมพันธ์ก็ยิ่งแนบแน่น ถ้าไม่มีการแบ่งปัน ความสัมพันธ์ก็จะยิ่งห่างและจางหายกลายเป็นความสัมพันธ์เชิงลบซึ่งไม่ดีต่อทั้งสองฝ่าย คือ ผู้มั่งมีและผู้ไม่มี


แต่ถ้ามองลึกๆ สิ่งที่ทำให้มนุษย์ไม่อยากแบ่งปันหรือบริจาคก็เพราะมลทินแห่งความตระหนี่ถี่เหนียวที่เกาะกินจิตใจมนุษย์อยู่ ด้วยเหตุนี้ ศาสนาจึงใช้การบริจาคทานเป็นการขัดเกลาจิตใจมนุษย์ให้หมดจดจากมลทินแห่งความตระหนี่ เพื่อที่หัวใจของมนุษย์จะได้สะอาดผ่องแผ้วและมีความสุข

แต่เนื่องจากการบริจาคเป็นการให้บนพื้นฐานของความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ บางคนจึงบริจาคด้วยความเต็มใจในขณะที่บางคนบริจาคด้วยความไม่เต็มใจ บางคนมีมากแต่บริจาคน้อยในขณะที่บางคนมีน้อยแต่บริจาคมาก คนมี 100 บาทบริจาค 20 บาท สัดส่วนของการบริจาคย่อมมากกว่าคนมี 100,000 บาท แต่บริจาค 200 บาท

เมื่อเป็นเช่นนี้ แสดงว่าคนรวยยังรับผิดชอบต่อสังคมน้อยกว่าคนจน ดังนั้น ศาสนาจึงมีการกำหนดทานบังคับขึ้นมาให้คนมั่งมีต้องจ่าย เช่น ลูกหลานอิสราเอลที่นับถือศาสนายูดายต้องจ่ายทศางค์ หรือหนึ่งในสิบของทุกสิ่งที่เขาหามาได้และเพาะปลูกได้ให้แก่วิหารของพระเจ้า

การบังคับจ่ายเช่นนี้ไม่ต่างจากการบังคับจ่ายภาษีนั่นเอง การบริจาคกับการจ่ายภาษีจึงต่างกันตรงที่การบริจาคเป็นการให้โดยความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ ในขณะที่การจ่ายภาษีเป็นข้อบังคับ ใครไม่จ่ายถือเป็นการผิดกฎหมายและเป็นบาปทางศาสนา

เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มปฏิบัติภารกิจเผยแผ่อิสลามในเมืองมักก๊ะฮฺ ท่านไม่ได้เป็นพ่อค้าแล้ว แต่ภารกิจการช่วยเหลือคนยากจนและการปลดปล่อยทาสจำเป็นต้องใช้เงิน หลายคนอาจสงสัยว่าท่านได้เงินมาจากไหน คำตอบคือ จากการบริจาคของนางเคาะดีญะฮฺภรรยาเศรษฐินีของท่านและจากสาวกผู้มีฐานะทางการเงินดี การบริจาคในลักษณะนี้เรียกว่าการ “เศาะดะเก๊าะฮฺ” ในศัพท์ทางวิชาการอิสลาม ในเวลานั้น บทบัญญัติเรื่องการจ่ายทานบังคับ(ซะกาต)ยังไม่ได้ถูกกำหนดเป็นกฎเกณฑ์

เมื่อนบีมุฮัมมัดและมุสลิมต้องอพยพออกจากมักก๊ะฮฺไปยังเมืองมะดีนะฮฺ ผู้อพยพส่วนใหญ่ไม่มีทรัพย์สินติดตัวไป ทุกคนจึงอยู่ในสภาพขัดสน นบีมุฮัมมัดได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการผูกสัมพันธ์ฉันพี่น้องกันระหว่างมุสลิมชาวมักก๊ะฮฺกับมุสลิมชาวมะดีนะฮฺ และท่านได้สั่งมุสลิมในเมืองมะดีนะฮฺที่มีฐานะดีให้รับผู้อพยพจากมักก๊ะฮฺไปอุปการะ

ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องต่างท้องมารดาที่นบีมุฮัมมัดสร้างขึ้นนั้นมีความแนบแน่นถึงขนาดที่ว่าต่างฝ่ายต่างรับมรดกจากกันได้ แต่เมื่อบทบัญญัติเรื่องมรดกถูกประทานลงมาในตอนหลัง ความสัมพันธ์เช่นนี้ได้ถูกยกเลิกไป

ในขณะเริ่มตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองมะดีนะฮฺ ถึงแม้มุสลิมจะมีความขัดสน แต่นบีมุฮัมมัดได้ส่งเสริมบรรดาสาวกของท่านให้บริจาคทาน(เศาะดะเก๊าะฮฺ) สาวกบางคนจึงไปขายแรงงานและบางคนไปขายสินค้าในตลาดเพื่อนำเงินหรือไม่ก็สิ่งของมาบริจาคเป็นทาน ส่วนใครที่ไม่สามารถหาทรัพย์มาบริจาค ท่านได้แนะนำว่าการยิ้มก็เป็นทานอย่างหนึ่ง การให้ความช่วยเหลือคนอื่นยกของขึ้นพาหนะก็เป็นทานอย่างหนึ่ง หรือแม้แต่การเก็บสิ่งที่เป็นอันตรายออกจากข้างทางก็ถือเป็นทานอย่างหนึ่งและการทำความดีทุกอย่างถือเป็นการทำทาน

ด้วยการที่ทุกคนสามารถทำทานได้โดยวิธีการง่ายๆดังกล่าวนี้เองที่ทำให้สังคมมุสลิมเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นเป็นประชาคมและค่อยๆเติบโตขึ้นเป็นประชาชาติในที่สุด



ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]

Alms is the base of society

Banjong Binkason


One common doctrine of every religion is the promotion of sharing or donation. Because if looking outside It is to maintain the relationship between humans. The more shared The relationship is even stronger. If no sharing The relationship becomes even more distant and fades into a negative relationship that is not good for both parties, the rich and the lacking.

But if looking deep What causes humans to not want to share or donate is because of the stigma of the stinginess that holds on to the human mind. For this reason religion uses donations to purify the human mind from the stigma of misery. So that the human heart can be clean, clear, and happy.

But since donations are voluntary No force Some people are willing to donate while others donate voluntarily. Some people have a lot but donate less, while some have a lot but donate a lot. People have 100 baht, donate 20 baht. The proportion of donations is more than 100,000 people but donate 200 baht

When this happens Show that the rich are less socially responsible than the poor, so religion has been set up to pay for the rich, such as the children of Israel, Judaism must pay in syllables. Or one-tenth of everything that he could find and cultivate for the temple of God

This compulsory payment is no different from the enforcement of tax payments. Donations and tax payments are different as donations are voluntary. No force While paying taxes is mandatory. Whoever does not pay is considered illegal and is a religious sin.

When the Prophet Muhammad began performing the mission of Islam in the city of Makkah You are no longer a merchant. But the mission of helping the poor and the liberation of slaves requires money. Many people may wonder where you get the money. The answer is from the donation of Mrs. Tad Dijah, his wife, Zetthini, and from well-financed disciples. This type of donation is called At the time, the provisions of obligatory (zakat) were not defined as rules.

When Prophet Muhammad and Muslims had to evacuate from Makkah to Medina Most immigrants do not have property with them. Everyone therefore is in poverty. The Prophet Muhammad solved the immediate problems by bonding the brothers and sisters between the Muslims of the Muskah and the Muslims of Madinah. And he ordered Muslims in Medinah to have a good status to take refugees from Makkah to sponsor

The brother-in-law relationship that the Prophet Muhammad had created was so close that they could inherit one another. But when the provisions of inheritance were revealed later This relationship has been canceled.

While beginning to settle in Medina Although Muslims are in need But the Prophet Muhammad encouraged his disciples to give alms. Some disciples went to sell labor and others to sell products in the market to make money or items to donate. As for those who cannot find property to donate He suggested that smiling is a meal. Being helpful to other people can take up items in the vehicle. Or even keeping harmful things off the side of the road is considered a form of eating, and every good deed is considered a meal.

By being able to make alms by this simple method, the Muslim society began to build itself into the community and gradually grow into a nation.

Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason