บรรจง บินกาซัน
เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่สั่งสอนอิสลามในมักก๊ะฮฺ ท่านถูกต่อต้านอย่างหนัก ท่านจึงเดินทางไปยังเมืองฏออีฟด้วยความหวังว่าหัวใจของคนที่นั่นจะเปิดรับคำสอนของท่าน แต่ท่านต้องผิดหวังเพราะหัวหน้าชาวเมืองที่นั่นยุให้พวกเด็กหนุ่มเอาหินไล่ขว้างท่านจนต้องหนีซมซานออกจากเมืองในสภาพเลือดโชกทั้งตัว
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ในช่วงของการทำฮัจญ์ ชาวเมืองมะดีนะฮฺที่เดินทางมาทำฮัจญ์ได้เห็นบุคลิกและได้ฟังคำสอนของท่านจนเกิดความเลื่อมใสขึ้นมา จึงได้เชิญท่านให้ไปอยู่ที่เมืองมะดีนะฮฺและสัญญากับท่านว่าจะให้ความช่วยเหลือท่านในการเผยแผ่คำสอนอิสลาม หลังจากนั้นอีกปีกว่าๆ ท่านจึงได้สั่งมุสลิมในมักก๊ะฮฺให้ทยอยอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮฺ และท่านได้อพยพเป็นคนสุดท้าย
เมื่อไปถึงที่นั่น นบีมุฮัมมัดเริ่มหาทางสร้างมัสญิดขึ้นก่อนเพื่อเป็นจุดศูนย์รวมทางด้านจิตวิญญาณของผู้ศรัทธา มีคนเสนอบริจาคที่ดินให้ท่าน แต่ท่านไม่รับ ท่านขอซื้อที่ดินและจ่ายเงินให้แก่สองพี่น้องผู้เป็นเจ้าของที่ดิน เพราะนบีมุฮัมมัดไม่รับของบริจาคจากใคร แม้อูฐที่ใช้ขี่อพยพออกจากเมืองซึ่งสหายสนิทของท่านเตรียมไว้ให้ ท่านก็จ่ายเงินซื้อ
เนื่องจากมุสลิมที่อพยพมายังเมืองมะดีนะฮฺมีฐานะขัดสนเพราะแอบอพยพออกมาจนต้องทิ้งทรัพย์สินไว้ที่มักก๊ะฮฺ ท่านจึงให้มุสลิมชาวเมืองมะดีนะฮฺรับมุสลิมที่อพยพไปอุปการะเพื่อให้มีงานทำและตั้งตัวได้ ส่วนกลุ่มที่ยังไม่มีผู้อุปการะและมีฐานะยากจน ท่านได้ให้ไปอาศัยอยู่ในบริเวณชานมัสญิดที่ท่านสร้างขึ้นมา คนเหล่านี้ถูกเรียกว่า "อะฮฺลุศศุฟฟะฮฺ" คนเหล่านี้เองที่อุทิศตนรับใช้ท่านนบี จึงมีโอกาสได้ยินคำสอนและเห็นจริยวัตรของท่านอย่างใกล้ชิดและเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินและเห็นมา ดังนั้น อัลลอฮฺจึงได้สั่งมุสลิมให้ดูแลคนกลุ่มนี้เพื่อให้คนกลุ่มนี้รับใช้นบีโดยไม่ต้องมีความกังวลเรื่องปัจจัยยังชีพ
ในช่วงเวลาที่เริ่มตั้งรกรากถิ่นฐานในเมืองมะดีนะฮฺนี้เอง นบีมุฮัมมัดต้องรีบแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของมุสลิม นอกจากนบีมุฮัมมัดจะสั่งมุสลิมผู้มีฐานะให้อุปการะมุสลิมผู้อพยพที่ยากจนแล้ว คัมภีร์กุรอานยังได้สั่งมุสลิมผู้ศรัทธาให้ใช้จ่ายโดยไม่ขี้เหนียวด้วย โดยเฉพาะกับครอบครัว การใช้จ่ายนี้ ศัพท์ในคัมภีร์กุรอานใช้คำว่า “นะฟะเก๊าะฮฺ” ซึ่งหมายถึงเงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัวและถือเป็นข้อบังคับที่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องจ่าย นบีมุฮัมมัดได้กล่าวว่าการจ่าย “นะฟะเก๊าะฮฺ” ได้รับผลบุญเหมือนกับการบริจาคทาน
แม้ชาวเมืองมะดีนะฮฺได้เชิญท่านให้มาเป็นผู้นำในเมืองของตน แต่ในเวลานั้น นบีมุฮัมมัดยังไม่มีรัฐบาลหรือรัฐมนตรีทำหน้าที่รับผิดชอบความเป็นอยู่ของผู้คนในเมือง แต่ท่านต้องรับผิดชอบดูแลสวัสดิภาพความเป็นอยู่ที่ดีของประชาคมมุสลิม ดังนั้น ท่านจึงใช้วิธีการให้มุสลิมทำหน้าที่สำรวจคนยากจนเพื่อให้ความช่วยเหลือกันเอง
เมื่อคัมภีร์กุรอานกำหนดบทบัญญัติเรื่องการถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอนเป็นครั้งแรกในปีที่สองของการอพยพ นบีมุฮัมมัดได้กำหนดให้ผู้ชาย ผู้หญิง ทาสและคนที่เป็นอิสระในสังคมมีหน้าที่ต้องจ่ายข้าวบาร์เลย์หรืออินทผลัมแห้งจำนวนประมาณ 16 กอบมือ(1 เซาะอ์)เป็น “ซะกาตฟิฏร์” ให้แก่คนยากจนก่อนสิ้นสุดเดือนเราะมะฎอนถ้าหากใครมีอาหารเหลือพอ และผู้เป็นพ่อต้องจ่ายซะกาตฟิฎร์แทนลูกเมียทุกคนของตนด้วย แม้ลูกของตัวเองเพิ่งเกิดในเดือนเราะมะฎอนก็ตาม
นบีมุฮัมมัดได้กล่าวว่าการจ่ายซะกาตฟิฏร์จะช่วยลบล้างความผิดพลาดในระหว่างการถือศีลอด เช่น การซุบซิบนินทาคนอื่น การพูดเรื่องไร้สาระ การพูดจาหยาบคายอันเกิดจากความโมโห เป็นต้น
การจ่ายซะกาตฟิฏร์นี้ ผู้จ่ายต้องนำไปให้คนยากจนเอง ไม่อนุญาตให้เรียกคนยากจนมารับ ทั้งนี้เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของคนยากจนและเพื่อที่คนรับซะกาตฟิฏร์จะได้รู้สึกซาบซึ้งในความโอบอ้อมอารีของผู้ให้ ขณะเดียวกัน ผู้จ่ายซะกาตฟิฏร์ก็ให้โดยไม่หวังการตอบแทนจากคนรับแม้กระทั่งคำขอบคุณ เพราะซะกาตฟิฏร์เป็นสิทธิที่คนยากจนต้องได้รับตามคำสั่งจากท่านนบี
ด้วยเหตุนี้ ก่อนสิ้นสุดเดือนเราะมะฎอน คนมีกินจึงต้องไปสำรวจหาคนจนที่ตนเองจะจ่ายซะกาตฟิฏร์ให้ มาตรการนี้เองที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคนมีกินกับคนไม่มีกินให้ใกล้ชิดกันและกลายเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างประชาคมอิสลามขึ้นมาจนเมืองมะดีนะฮฺอยู่ในรูปของนครรัฐภายในเวลาสิบปี
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Forcing payments to build a social base
Banjong Binkason
When the Prophet Muhammad began to spread teachings in Islam in Makkah He was heavily opposed. He therefore traveled to the city of Tadeev in the hope that the hearts of those there would be open to accept your teachings. But he must be disappointed, because the chief of the town there encourages the young men to stab him and runs away from the city in full blood.
But shortly thereafter During the Hajj period People in Madinah who came to Hajj saw their personality and listened to their teachings until they became faithful. Therefore invited him to stay in Medina and promised him that he would help him spread the teachings of Islam After more than a year So he ordered Muslims in Makkah to gradually evacuate to Madinah. And he was the last emigrant
When getting there The Prophet Muhammad began to find ways to build Musjad first as a spiritual center for believers. Someone proposed to donate the land to you. But he didn't accept He asked to buy land and pay the two brothers who own the land. Because Prophet Muhammad did not accept any donations from anyone Even the camels that were used to evacuate the city that his close friends had prepared for him You pay money to buy.
Because Muslims who have migrated to Medina have a poverty status because they have secretly evacuated and have to leave their property at Makkah. So he asked the Muslims of Madinah to accept the Muslims who migrated to support them to have a job and to start work. As for groups that do not have sponsors and are poor He was given to live in the area of Shan Masjid that you created. These people were called "Ahlul Sufafah" These people dedicated themselves to serving the Prophet Therefore have the opportunity to hear your teachings and see your behavior closely and provide information about what you have heard and seen. Therefore, Allah ordered Muslims to look after this group so that they would receive Use prophets without worrying about sustenance
During the time that they settled in Medina Prophet Muhammad must quickly solve the problem of the Muslim belly. In addition to the Prophet Muhammad will give the Muslim status to support the poor Muslim immigrants. The Quran also ordered Muslims to spend without being stingy. Especially with families This spending The words in the Quran use the word "Nafafetah" which means money to support the family and it is a regulation that the head of the family must pay. Prophet Muhammad said that the payment "Nafaa" received merit like donations
Even the people of Medina had invited you to be leaders in their cities. But at that time There is no government or minister responsible for the well-being of the people in the city. But you have to take responsibility for the well-being of the Muslim community. Therefore, you use the way Muslims are responsible for surveying the poor to help themselves.
When the Quran sets the provisions of fasting in the month of Ramadan for the first time in the second year of migration. The Prophet Muhammad has stipulated that men, women, slaves, and people who are independent in society have a duty to pay about 16 hands (1 palm) of barley or dried dates (1 sah) to the poor people before the end. Month of Ramadan if anyone has enough food left And the father has to pay zakat fid instead of all their wives Even if his own child was born in the month of Ramadan
The Prophet Muhammad said that paying zakatid would help to eradicate mistakes during fasting, such as gossiping about other people. Nonsense Rude speech resulting from anger, etc.
The payment of this zakfat The payer must bring it to the poor himself. Not allowed to call the poor to receive This is to preserve the dignity of the poor and for the sake of the zakatid to be grateful for the generosity of the giver. At the same time, the sender of the zakafid gives without expecting compensation from the recipient, even thank you Because Zakatid is the right that the poor have to obey the commands of the prophet
For this reason, before the end of the month of Ramadan People have to eat and therefore have to go and look for the poor to pay their own zak fith. This measure helped to strengthen the relationship between the cannibal and the non-cannibal and became an important foundation in the formation of the Islamic Community until Medina was in the form of a city-state within ten years.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น