เวลาในโลกหลังความตาย
บรรจง บินกาซัน
การมีอยู่ของนรกและสวรรค์เป็นความจริงและเป็นหลักความเชื่อที่มีอยู่ในคำสอนของทุกศาสนา เนื่องจากพระเจ้าเป็นผู้ทรงยุติธรรม ถ้าพระองค์ไม่สร้างสวรรค์ไว้ตอบแทนคนทำความดีอย่างเหมาะสมและไม่สร้างนรกไว้ลงโทษคนทำความชั่วอย่างสาสม มนุษย์จะไม่ได้รับความยุติธรรมที่สมบูรณ์
แม้มนุษย์ยอมรับว่าความยุติธรรมเป็นคุณธรรมขั้นสูง แต่เพราะมนุษย์ไม่สมบูรณ์และมีเวลาอันจำกัดอยู่บนโลก ความยุติธรรมในหมู่มนุษย์จึงไม่สมบูรณ์ไปด้วย ความดีที่โธมัส อัลวา เอดิสันทำไว้โดยการสร้างหลอดไฟให้โลกสว่างไสวเป็นความดีที่ต้องตอบแทนอย่างมากมายมหาศาล แต่ถึงกระนั้น เขาก็มีอายุไม่ยาวพอที่จะมีความสุขจากรางวัลตอบแทนที่เขาได้มา
ในทางตรงข้าม ฆาตกรบางคนมีผิดฐานฆ่ายกครัว แต่เสียชีวิตก่อนถูกลงโทษตามคำพิพากษา ถ้าทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน อาชญากรสงครามที่บงการทหารให้ฆ่าคนบริสุทธิ์นับพันถูกประหารชีวิตครั้งเดียวก็ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาให้ถูกประหารครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเป็นการรับโทษสำหรับชีวิตของอีกหลายคนที่ตายไปเพราะคำบงการของเขา
คนอย่างโธมัส อัลวา เอดิสัน ควรต้องได้รับเวลาอันนิรันดรในการมีความสุขเป็นรางวัลตอบแทนการงานที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ของเขา และอาชญากรสงครามก็ควรต้องถูกลงโทษอย่างยาวนานนิรันดรเช่นกัน แต่ปัจจัยแห่งเวลาที่จำกัดของโลกนี้ทำให้ความยุติธรรมที่สมบูรณ์ไม่อาจเกิดขึ้นได้
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมต้องมีโลกอีกโลกหนึ่งที่มีเวลายาวนานต่างจากโลกใบนี้
หลังความตาย มีโลกแห่งสุสานที่วิญญาณของมนุษย์ไปรวมกันอยู่ที่นั่นเพื่อรอวันพิพากษาซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะมาถึงเมื่อใด เวลาในโลกแห่งสุสานจึงยาวนานต่างไปจากเวลาบนโลก หากใครนึกภาพความแตกต่างกันของเวลาระหว่างโลกนี้กับโลกแห่งสุสานไม่ออก โลกที่เราอาศัยอยู่ก็มีความแตกต่างของเวลากลางวันที่ขั้วโลกเหนือกับเวลากลางวันที่เส้นศูนย์สูตรให้เห็นเป็นตัวอย่าง
ชาวยิว ชาวคริสเตียนและชาวมุสลิมมีความเชื่อในเรื่องโลกหลังความตายเหมือนกันเพราะบรรดานบีของพระเจ้าได้นำความจริงในเรื่องนี้มาบอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เมื่อนบีจากไปและผู้คนเริ่มหันห่างจากการศึกษาคัมภีร์ทางศาสนา ผู้คนได้หลงลืมเรื่องนี้ไปหรือคิดว่าตัวเองยังไม่ตายง่ายๆ จึงใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ
คัมภีร์กุรอานเล่าว่าหลังสมัยพระเยซู เด็กหนุ่มจำนวน 7 คนได้ยอมรับความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและการฟื้นคืนชีพหลังความตายที่พระเยซูนำมาสอน หลังจากนั้น เด็กหนุ่มกลุ่มนี้ได้พยายามเผยแผ่คำสอนของพระเยซูในอาณาจักรโรมันไบแซนตินซึ่งในตอนนั้นยังไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ ชาวคริสตเตียนรู้จักเด็กกลุ่มนี้ว่า “ผู้หลับใหลทั้งเจ็ด” (Seven Sleepers)
เมื่อ เดสิอุส กษัตริย์โรมันในเวลานั้นรู้ว่าเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นทำการเผยแผ่คำสอนศาสนาที่ขัดกับความเชื่อของคนในอาณาจักร กษัตริย์ได้สั่งให้ทหารไปจับตัวเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นมาเพื่อไต่สวนและให้เลิกเผยแผ่คำสอนของพระเยซู หรือมิเช่นนั้นต้องถูกประหาร แต่เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นยังโชคดีที่กษัตริย์ให้เวลาไปคิดเพื่อตัดสินใจ
ในช่วงเวลาที่มีโอกาสได้ตัดสินใจนั้นเอง เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นได้หนีออกจากเมืองไปหลบอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งและหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อตื่นขึ้นมา ทุกคนต่างสงสัยว่าตัวเองหลับไปนานเท่าใด ด้วยความหิว เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นจึงให้เพื่อนคนหนึ่งออกจากถ้ำไปซื้อของกินในเมืองและกำชับเพื่อนว่าอย่าบอกให้ใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ในถ้ำ เพราะกลัวว่ากษัตริย์จะส่งทหารมาจับตัวไปลงโทษ
เมื่อเด็กหนุ่มนำเหรียญทองที่ใช้กันอยู่ในสมัยของกษัตริย์เดสิอุสไปซื้ออาหาร พ่อค้าที่ขายของได้ถามเด็กหนุ่มด้วยความประหลาดใจว่าไปเอาเหรียญกษาปณ์นี้มาจากไหนเพราะมันเป็นเหรียญที่ใช้เมื่อสองร้อยกว่าปีมาแล้ว
พอผู้คนรู้เรื่องราวของเด็กหนุ่ม จึงพากันมารุมล้อมถามถึงความเป็นมาเป็นไป เพราะในตอนนั้น อาณาจักรโรมันได้นับถือศาสนาคริสต์แล้ว แต่ชาวเมืองมีความสงสัยในเรื่องการฟื้นคืนชีพหลังความตายและหาคำอธิบายไม่ได้ เรื่องราวการนอนหลับอันยาวนานถึงสองร้อยกว่าปีของเด็กหนุ่มกลุ่มนี้จึงทำให้ผู้คนหมดความสงสัย
เมื่อกษัตริย์โรมันที่ศรัทธาในคำสอนของพระเยซูรู้เรื่องนี้ เขาจึงเดินทางมาหากลุ่มเด็กหนุ่มด้วยตัวเอง หลังจากนั้น เมื่อเด็กหนุ่มทั้งเจ็ดเสียชีวิตในถ้ำ กษัตริย์และผู้คนจึงสร้างอนุสรณ์สถานเด็กหนุ่มทั้งเจ็ดไว้ที่บริเวณถ้ำเพื่อเป็นการเตือนใจถึงการหลับอันยาวนานของเด็กหนุ่มกลุ่มนั้น
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
The journey of spirits (part 5)
Time in the world after death
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น