บรรจง บินกาซัน
ในคัมภีร์กุรอานมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า “ดังนั้น เรา(พระเจ้า)จึงได้ทำให้สูเจ้าเป็นประชาชาติสายกลางเพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้เป็นพยานต่อมนุษยชาติและศาสนทูตจะได้เป็นพยานต่อสูเจ้า (กุรอาน 2:143)
ข้อความนี้เป็นวจนะของพระเจ้าผ่านมาทางนบีมุฮัมมัดถึงมุสลิมที่อยู่ท่ามกลางพหุสังคมที่ผู้คนมีวัฒนธรรมและความเชื่อต่างกัน พระองค์จึงต้องการให้มุสลิมรวมตัวกันสร้างประชาคมสายกลางขึ้นมาโดยการนำทางของนบีมุฮัมมัดเพื่อให้ผู้คนได้เห็นเป็นทางเลือก
คำว่า “ประชาชาติ” ในภาษาอาหรับใช้คำว่า “อุมมะฮฺ” คำนี้หมายถึงประชาคมที่มิได้แบ่งแยกผู้คนโดยพิจารณาจากเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ สีผิว ภาษาหรือแหล่งกำเนิด แต่หมายถึงมนุษย์ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์หรือสีผิวใด หากมีความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวโดยไม่มีสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์และจะเชื่อฟังพระองค์ตามที่ประทานแก่นบีมุฮัมมัด คนผู้นั้นก็เป็นสมาชิกในประชาชาติมุสลิมและได้รับสิทธิทุกอย่างตามกฎหมายอิสลาม
ส่วนคำว่าสายกลางหรือมัชฌิมานั้นหมายความว่าสมาชิกของประชาชาติมุสลิมอยู่ในสายกลางจริงๆ ไม่สุดโต่งไปทางหนึ่งทางใดซึ่งจะเห็นได้จากสิ่งต่อไปนี้
ในเรื่องความเชื่อ มุสลิมมีความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวซึ่งเป็นความเชื่อที่อยู่ตรงกล่างระหว่างคนที่เชื่อว่าพระเจ้าไม่มีกับคนที่กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายหรือนับถือพระเจ้าหลายองค์
ในเรื่องแนวความคิดทางเศรษฐกิจ ลัทธิทุนนิยมมีแนวความคิดว่าทรัพยากรธรรมชาติเป็นของมนุษย์ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ความคิดเช่นนี้ทำให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบและการกอบโกยทรัพยากรซึ่งทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนนับวันมีแต่จะกว้างขึ้นเรื่อยๆ ส่วนลัทธิคอมมิวนิสต์มีแนวความคิดว่าทรัพยากรธรรมชาติเป็นของมนุษย์เช่นกัน ดังนั้น ทรัพยากรธรรมชาติจึงต้องถูกแบ่งสรรปันส่วนแก่มนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน
ส่วนอิสลามมีความเชื่อว่าทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ในแผ่นดินและชั้นฟ้าเป็นของพระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียมไว้ให้มนุษย์ ดังนั้น มนุษย์ต้องใช้ทรัพยากรเหล่านั้นตามความประสงค์ของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของ ในทางเศรษฐกิจ อิสลามยอมรับกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลที่มีอยู่ในลัทธิทุนนิยมในขณะที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ไม่ยอมรับ อิสลามยอมรับความแตกต่างทางด้านฐานะทางเศรษฐกิจของปัจเจกบุคคล แต่อิสลามสร้างระบบ “ซะกาต” (ภาษีศาสนา)ไว้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนรวยกับคนยากจน
ลัทธิคอมมิวนิสต์ปฏิเสธศาสนาทั้งความเชื่อและการปฏิบัติ ส่วนลัทธิเสรีนิยมถือว่าศาสนาเป็นเรื่องส่วนบุคคล ใครจะนับถือหรือไม่นับถือศาสนา ใครจะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติศาสนาเป็นเรื่องเสรีภาพส่วนบุคคล พิธีกรรมทางศาสนาเป็นเรื่องของพระหรือบาทหลวง แต่ในอิสลามไม่มีสถาบันนักบวช การปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาถือเป็นหน้าที่ของปัจเจกบุคคลและถือว่าการใช้ชีวิตประจำวันที่ดำเนินไปด้วยการทำตามที่พระเจ้าสั่งใช้และงดเว้นในสิ่งที่พระเจ้าสั่งห้ามเป็นการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้านอกมัสญิด
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Middle class nations
Banjong Bingasan
In the Qur'an there is a verse that says, "Therefore We (God) have made you a middle nation so that you may bear witness against mankind and the Messengers may bear witness against you." (Qur'an 2: 143)
This message is the word of God through Prophet Muhammad to Muslims who live in a pluralistic society where people have different cultures and beliefs. He therefore wanted the Muslims to come together to create a moderate community by the guidance of the Prophet Muhammad for people to see as an alternative.
The Arabic word for "nation" is "ummah." This term refers to a community that does not distinguish people on the basis of race, ethnicity, color, language or origin. It refers to human beings regardless of their race or skin color. If one has faith in one God, with nothing affiliated with Him, and will obey Him, as was given to Muhammad. That person is a member of the Muslim Ummah and is entitled to all rights under Islamic law.
As for the word moderate or middle line, it means that the members of the Muslim Ummah really belong to the middle line. not extreme in any way which can be seen from the following
in matters of faith Muslims believe in one God, a belief that lies between the atheist and the polytheist.
in terms of economic concepts Capitalism is based on the idea that natural resources belong to humans. Whoever's hand is long, the girl gets the girl. This mindset has led to exploitation and resource plundering, which has widened the gap between the rich and the poor. Communism, on the other hand, has the idea that natural resources belong to humans as well, and therefore natural resources must be allocated equally to human beings.
On the other hand, Islam believes that the natural resources in the earth and heaven belong to God who has provided them for human beings, therefore human beings must use those resources according to the will of their God. economically Islam accepts the individual ownership inherent in capitalism while communism does not. Islam accepts differences in the economic status of individuals. But Islam created a system of "zakat" (religious tax) as a bridge between the rich and the poor.
Communism rejects religion, both belief and practice. Liberalism treats religion as a personal matter. Who is religious or not? Who will practice or not practice religion is a matter of personal freedom. Religious ceremonies are for monks or bishops. But in Islam there is no institution of clergy. The observance of religious ceremonies is the duty of the individual, and daily life that is carried out in doing what God commands and refraining from what God has forbidden is an act of worship outside the Masjid.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น