บรรจง บินกาซัน
ก่อนหน้าสมัยนบีมุฮัมมัด แผ่นดินอาหรับมีกลุ่มชนหลักๆที่มีความเชื่อต่างกันอยู่สามกลุ่ม กลุ่มใหญ่ที่สุดคือกลุ่มชาวอาหรับที่เชื่อในเรื่องโชคลางไสยศาสตร์ กราบไหว้บูชารูปเคารพมากมาย ศูนย์กลางความเชื่อของชาวอาหรับกลุ่มนี้อยู่ที่เมืองมักก๊ะฮ
กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มชาวยิวที่นับถือศาสนายูดาย คนกลุ่มนี้มิใช่อาหรับ แต่อพยพหนีภัยสงครามจากเยรูซาเล็มมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองยัษริบห่างจากเมืองมักก๊ะฮฺไปทางตอนเหนือประมาณ 400 กิโลเมตร
กลุ่มที่สามเป็นกลุ่มชนชาวอาหรับและชาวเยเมนที่นับถือศาสนาคริสต์ มีศูนย์กลางอยู่ที่แคว้นนัจญ์รอนทางตอนใต้ของคาบสมุทรอาหรับใกล้กับเยเมนปัจจุบัน
แม้จะเป็นอริกันทางความเชื่อ แต่ทั้งชาวยิวและชาวคริสเตียนในคาบสมุทรพยายามเผยแผ่ศาสนาเพื่อชักชวนให้ชาวอาหรับหันมานับถือศาสนาของตน
ประมาณห้าสิบปีก่อนนบีมุฮัมมัดถือกำเนิด ซูนูวาสผู้ปกครองทางตอนใต้ของแผ่นดินอาหรับได้หันมานับถือศาสนายูดายและพยายามชักชวนผู้คนให้หันมานับถือศาสนายูดาย แต่ชาวเมืองส่วนใหญ่ที่เป็นชาวคริสเตียนไม่ยอมเปลี่ยนความเชื่อของตน ซูนูวาสจึงใช้วิธีการที่รุนแรงและเหี้ยมโหด เขาขุดหลุมยาวเท่าความสูงของคนและจุดไฟไว้ที่ก้นหลุม หลังจากนั้น เขาบังคับคนที่ไม่ยอมรับความเชื่อของเขามายืนที่ปากหลุมและให้โอกาสตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนความเชื่อของตนหรือไม่
คนที่ศรัทธาไม่เข้มแข็งและกลัวตายต้องยอมเปลี่ยนศาสนาของตน ส่วนใครที่มีความศรัทธาเข้มแข็งก็ยอมตายในหลุมไฟ คนที่ยอมตายในหลุมไฟเพื่อรักษาความศรัทธาของตนไว้นี้ถูกเรียกว่า “ชาวหลุมไฟ” ซึ่งมีกล่าวไว้ทั้งในประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์และอิสลาม
เมื่อการกดขี่ข่มเหงทางศาสนารุนแรงถึงขนาดนี้ ชาวคริสเตียนคนหนึ่งจึงหนีข้ามทะเลแดงไปยังอาณาจักรอักซุมเพื่อขอความช่วยเหลือจากนะญาชีย์ผู้ปกครองอาณาจักรที่เป็นคริสเตียน อาณาจักรอักซุมตั้งอยู่ในประเทศเอธิโอเปียและเอริเธรียในปัจจุบัน ในเวลานั้น อาณาจักรอักซุมเป็นอาณาจักรคริสเตียน และอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรไบแซนติน
เมื่อได้รับคำร้องขอให้ช่วยเหลือชาวคริสเตียนในแผ่นดินอาหรับที่ถูกกดขี่ กษัตริย์แห่งอักซุมจึงขอความช่วยเหลือไปทางจักรพรรดิไบแซนตินและได้รับความช่วยเหลือทางทหารในรูปของกองเรือและทหารจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ลำเลียงทหารมายังแผ่นดินอาหรับ
เมื่อความช่วยเหลือมาถึง กษัตริย์แห่งอักซุมได้แต่งตั้งแม่ทัพสองคนชื่ออับรอฮะและอารยาตให้นำทหารข้ามทะเลแดงมาช่วยชาวคริสเตียนให้พ้นจากการถูกกดขี่ เมื่อซูนูวาสพ่ายแพ้และชาวคริสเตียนได้รับความช่วยเหลือแล้ว อับรอฮะและอารยาตยังคงอยู่ในเยเมนเพื่อให้แน่ใจว่าชาวคริสเตียนจะไม่ถูกข่มเหงรังแกเพราะความเชื่ออีก
หลังจากแน่ใจว่าชาวคริสเตียนได้รับความสงบปลอดภัย มีเสรีภาพในการปฏิบัติศาสนาของตน อารยาตถือว่าภารกิจที่ตัวเองได้รับมอบหมายมาสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว เขาจึงปรึกษากับอับรอฮะว่าควรจะกลับไปยังอาณาจักรอักซุมได้แล้ว แต่อับรอฮะรู้สึกว่าเขามีความสุข มีความมั่งคั่งและได้รับเกียรติจากชาวเมืองเยเมน เขาจึงอยากอยู่ต่อ แต่อารยาตไม่เห็นด้วย สองแม่ทัพจึงเกิดความขัดแย้งกัน ในที่สุด อารยาตได้ถูกอับรอฮะสังหารและอับรอฮะได้ประกาศตัวเป็นกษัตริย์แห่งเยเมน
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Religious Persecution Before Islam
Banjong Binkasan
Before the time of Prophet Muhammad There are three main groups of people with different beliefs in the Arab world. The largest group are the Arabs who believe in superstitions. Worship many idols The center of the beliefs of this group of Arabs is in the city of Mecca.
The second group is a group of Jews who practice Judaism. This group of people is not Arab. But they fled from Jerusalem to escape the war and settled in Yathrib, about 400 kilometers north of Mecca.
The third group is the Arab and Yemeni Christian peoples. It was centered in the Najran region in the southern Arabian Peninsula, near present-day Yemen.
Even if they are opposing beliefs But both Jews and Christians in the peninsula made missionary efforts to persuade Arabs to their religion.
About fifty years before the Prophet Muhammad was born. Sunuwas, the ruler of the southern Arab region, converted to Judaism and tried to persuade his people to convert to Judaism. But the majority of Christian residents refused to change their beliefs. So Nuwas used harsh and brutal methods. He dug a hole as long as a person's height and lit a fire at the bottom. Afterward, he forced those who did not accept his beliefs to stand at the mouth of the hole and gave them the opportunity to decide whether or not to change their beliefs.
People whose faith is not strong and who are afraid of death must change their religion. But anyone who had strong faith would die in a pit of fire. People who were willing to die in fire pits to preserve their faith were called “fire pits,” which is mentioned in both the history of Christianity and Islam.
When religious persecution was this severe? A Christian fled across the Red Sea to the kingdom of Aksum to seek help from the Christian ruler of the kingdom, Najji. The Kingdom of Aksum was located in present-day Ethiopia and Eritrea. At the time, the Kingdom of Aksum was a Christian kingdom. and was under the patronage of the Emperor of the Byzantine Empire.
When he received a request to help the oppressed Christians in the Arab lands, The king of Aksum therefore asked for help from the Byzantine emperor and received military assistance in the form of a fleet of ships and a number of soldiers to transport soldiers to the Arabian land.
When help arrives The king of Aksum appointed two generals named Abraha and Aryat to lead soldiers across the Red Sea to rescue the Christians from oppression. When Sunuwas was defeated and the Christians were saved. Abraha and Aryat remain in Yemen to ensure that Christians are never again persecuted for their faith.
After making sure that the Christians were safe and sound, Have freedom to practice their religion. Arayat considered the mission he had been assigned to be completed. So he consulted with Abraham that he should return to the kingdom of Aksum. But Abraham felt that he was happy. There was wealth and honor from the people of Yemen. So he wanted to stay. But Arayat doesn't agree. The two commanders had conflicts with each other. Eventually, Aryaat was killed by Abraham and Abraham proclaimed himself king of Yemen.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น