ศึกนอกต้องสู้ ศึกในต้องนิ่ง

บรรจง บินกาซัน

ขณะที่นบีมุฮัมมัดปฏิบัติภารกิจเผยแผ่อิสลามในเมืองมักก๊ะฮฺ  ผู้ต่อต้านท่านมีอยู่แค่ในเมือง  แต่เมื่ออพยพไปยังยัษริบ  ท่านกลับมีทั้งศัตรูผู้รุกรานจากภายนอกและศัตรูภายใน

สงครามอุฮุดที่มุสลิมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ผู้รุกรานจากมักก๊ะฮฺและนบีมุฮัมมัดได้รับความบอบช้ำเกิดจากสาเหตุสองประการ  ประการแรกคือพลธนูละทิ้งหน้าที่ป้องกันทหารม้าที่จะเข้ามาโจมตีมุสลิมจากด้านหลัง  เพราะเห็นแก่ทรัพย์เชลยที่ตกอยู่ในสนามรบ  ประการที่สอง คือ อับดุลลอฮฺ บินอุบัย พาคนของเขาจำนวนสามร้อยคนถอนตัวจากการร่วมทัพกับนบีมุฮัมมัดขณะกำลังเผชิญหน้ากับข้าศึก

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้อับดุลลอฮฺ บินอุบัยและพรรคพวกของเขาถูกมุสลิมตราหน้าว่าเป็น “พวกตลบตะแลง” (มุนาฟิกีน) คนกลุ่มนี้เป็นหอกข้างแคร่ของมุสลิมในเมืองยัษริบ

เนื่องจากประสบความพ่ายแพ้และเห็นนบีมุฮัมมัดได้รับความบอบช้ำ  สาวกคนสนิทบางคนรู้สึกไม่พอใจพฤติกรรมคดในข้องอในกระดูกของอับดุลลอฮฺ บินอุบัยจนถึงขั้นขออนุญาตนบีมุฮัมมัดเอาชีวิตเขาด้วยการตัดคอ  แต่นบีมุฮัมมัดไม่อนุญาตด้วยเหตุผลบางประการ

ประการแรก  อับดุลลลอฮฺ บินอุบัยกล่าวคำปฏิญาณตนเข้ารับอิสลาม และอิสลามมีกฎว่ามุสลิมคือผู้ที่ลิ้นและมือของเขาต้องไม่เป็นอันตรายต่อมุสลิม  ท่านบอกสาวกของท่านว่าเขายังไม่ได้แสดงพฤติกรรมทำร้ายมุสลิม  ดังนั้น เขาจะต้องปลอดภัยจากลิ้นและมือของมุสลิม  เมื่อสาวกของท่านแย้งว่าอับดุลลอฮฺ บินอุบัยมีเจตนาร้าย  นบีมุฮัมมัดได้กล่าวว่าเรื่องภายในจิตใจของเขาต้องปล่อยให้พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน

เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือ ถ้าหากท่านอนุญาตให้สาวกของท่านประหารอับดุลลอฮฺ บินอุบัย  คนทั่วไปจะมองว่าท่านฆ่าแม้แต่มุสลิมที่เป็นสาวกของท่านเอง

อับดุลลอฮฺ บินอุบัยเป็นผู้นำของเผ่าใหญ่ที่กำลังจะได้เป็นผู้นำในเมืองยัษริบ  แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดได้รับเชิญมาเป็นผู้นำ  เขาจึงสูญเสียโอกาสไป  ดังนั้น เขาจึงหาโอกาสที่จะกำจัดนบีมุฮัมมัดตลอดเวลา  เขาฉลาดจนไม่มีใครสามารถลงโทษพฤติกรรมภายนอกของเขาได้  วิธีการหนึ่งที่เขาใช้คือการยุแหย่ให้มุสลิมแตกความสามัคคีกัน  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จ

เป็นเรื่องน่าคิดที่แม้อับดุลลอฮฺ บินอุบัยมีใจเป็นศัตรูต่อนบีมุฮัมมัดและอิสลาม  แต่ลูกชายของเขากลับหันมาเป็นผู้ศรัทธาในอิสลามอย่างเข้มแข็ง  

ในวันที่อับดุลลอฮฺ บินอุบัยเสียชีวิต  ลูกชายของเขาได้มาหานบีมุฮัมมัดและขอเสื้อคลุมของท่านเพื่อนำไปทำเป็นผ้าห่อศพพ่อของเขา  นบีมุฮัมมัดได้ถอดเสื้อคลุมของท่านให้ไป  เมื่อเห็นเช่นนั้น ลูกชายของอับดุลลอฮฺจึงถามนบีมุฮัมมัดว่า “ท่านจะไปนำละหมาดขออภัยโทษให้แก่ศพพ่อของฉันไหม?”  นบีมุฮัมมัดตอบว่า “จัดการศพเรียบร้อยแล้วมาเรียกฉัน” คำตอบของท่านทำให้บรรดาสาวกของท่านผิดคาด

เมื่อศพของอับดุลลอฮฺ บินอุบัยถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว  นบีมุฮัมมัดเตรียมที่จะละหมาดขอพรให้ศพของเขา  อุมัรฺสาวกคนสนิทของท่านได้ดึงเสื้อของท่านและถามท่านว่า “พระเจ้ามิได้ห้ามท่านละหมาดให้แก่คนตลบตะแลงหรือ?” 

นบีมุฮัมมัดยิ้มและตอบว่า “พระเจ้าให้ฉันเลือกว่าจะละหมาดให้หรือไม่ก็ได้  แต่ฉันเลือกที่จะละหมาดขอพรให้เขา  คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า ‘ไม่ว่าเจ้าจะขออภัยโทษให้เขาหรือไม่ (บาปของเขาก็ไม่ได้รับการให้อภัย)  ถ้าหากเจ้าขออภัยให้เขาเจ็ดสิบครั้ง  พระเจ้าจะไม่ให้อภัยพวกเขา’” (กุรอาน 9:80) 

แต่หลังจากนั้นไม่นาน  นบีมุฮัมมัดได้รับคำสั่งจากพระเจ้าว่า “และเจ้า(มุฮัมมัด)จงอย่าละหมาดให้แก่คนใดในหมู่พวกเขาที่เสียชีวิต และจงอย่ายืนที่หลุมฝังศพของเขา เพราะพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขาตายในขณะที่เป็นผู้ฝ่าฝืน” (กุรอาน 9:84) 

หลังจากนั้น  นบีมุฮัมมัดจะไม่ไปละหมาดขอพรให้แก่ศพของผู้ตลบตะแลงหรือตระบัดสัตย์และไม่ไปยืนที่หลุมฝังศพของคนประเภทนี้อีกเลย  

สาวกคนหนึ่งถามท่านว่าทำไมท่านจึงให้เสื้อคลุมไปห่อศพและละหมาดขอพรให้ศพของอับดุลลอฮฺ บินอุบัย  ท่านตอบว่า “เสื้อของฉันและการละหมาดขอพรที่ฉันทำไปจะไม่ช่วยให้เขารอดจากการลงโทษของพระเจ้าได้  อย่างไรก็ตาม ฉันหวังว่าผู้คนนับพันจากเผ่าของเขาจะหันมาเป็นมุสลิมที่จริงใจเพราะเหตุนี้”

ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]

Foreign battles must be fought. The inner battle must be calm.

Banjong Binkasan

While Prophet Muhammad was on a mission to spread Islam in Mecca. Those who oppose you are only in the city. But when they migrated to Yathrib You have both enemies, invaders from without, and enemies within.

The War of Uhud, in which the Muslims defeated the invaders from Mecca and the Prophet Muhammad was hurt, was caused by two reasons. The first was that the archers abandoned their duty to protect against the cavalry that would attack the Muslims from behind. For the sake of the captives who fell on the battlefield. Second, Abdullah bin Ubay led his men, numbering three hundred, withdrew from joining forces with the Prophet Muhammad while facing the enemy.

That event made Abdullah Bin Ubayi and his associates were branded as "unfaithful" by Muslims. “The perverts” (hypocrites). This group was the spear beside the bed of the Muslims in Yathrib.

Because of the defeat and seeing the Prophet Muhammad was traumatized Some close followers were dissatisfied with Abdullah's crooked behavior. Bin Ubay went so far as to ask the Prophet Muhammad for permission to take his life by beheading. But Prophet Muhammad did not allow it for some reason.

First, Abdullah ibn Ubayi vowed to embrace Islam. And Islam has a rule that a Muslim is a person whose tongue and hands must not harm a Muslim. He told his followers that he had not yet shown any harm to Muslims, so he would be safe from the tongues and hands of Muslims. When his disciples argued with Abdullah Bin Ubai has evil intentions. The Prophet Muhammad said that the matters of his heart should be left to God to decide.

Another reason is If you allow your followers to kill Abdullah ibn Ubay, the general public will view you as killing even your own Muslim followers.

Abdullah bin Ubayi was the leader of a large tribe who was about to become leader in Yathrib. But when Prophet Muhammad was invited to lead He lost the opportunity, so he always looked for an opportunity to get rid of Prophet Muhammad. He was so smart that no one could punish his outward behavior. One method he used was to provoke disunity among Muslims. But still he was not successful.

It is interesting to think that even Abdullah Bin Ubay had hostility towards the Prophet Muhammad and Islam. But his son became a strong believer in Islam.

On the day of Abdullah Bin Ubai died His son came to the Prophet Muhammad and asked for his robe to be used as a shroud for his father. Prophet Muhammad took off his robe and left him. When you see that Abdullah's son asked Prophet Muhammad: “Will you go and lead prayers for forgiveness for my father's corpse?” Prophet Muhammad replied: “The body has been arranged. Come and call me.” His answer surprised his disciples.

When Abdullah's corpse Bin Ubai has been taken care of. Prophet Muhammad prepared to pray for his corpse. Umar, his close disciple, pulled on his shirt and asked him, “Has God not forbidden you from praying to perverts?”

Prophet Muhammad smiled and replied: “God gave me the choice to pray for him or not. But I chose to pray for him. The Quran says: 'Whether you ask for his forgiveness or not, (His sins are not forgiven.) If you pardon him seventy times, God will not forgive them'” (Quran 9:80).

But after a while Prophet Muhammad received a command from God: “And do not pray for anyone among them who dies. And do not stand at his grave. Because they are the ones who reject God and His Messenger. And they died while being transgressors” (Quran 9:84)

After that, the Prophet Muhammad would never go to pray for the corpse of a pervert or dishonest person or stand at the grave of such a person again.

One of his disciples asked him why he gave a robe to wrap the body and pray for the body of Abdullah bin Ubayy. He replied, “My robe and the prayers I have performed will not help. I hope that thousands of people from his tribe will become sincere Muslims because of this.”

Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason