บรรจง บินกาซัน
เวลาเหมือนวารีที่ไหลไปแล้วไม่ย้อนกลับ เวลาเกิดจากการที่โลกหมุนรอบตัวเองเป็นหนึ่งวันและโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นเวลาหนึ่งปี แม้โลกหมุนรอบแกนของตัวเองเป็นเวลาหนึ่งวัน แต่เวลากลางวันที่ขั้วโลกเหนือยาวกว่าเวลากลางวันของโลกที่เส้นศูนย์สูตร และมนุษย์รู้สึกว่าเวลาแห่งความสุขช่างแสนสั้นกว่าเวลาแห่งความทุกข์ทั้งๆที่เข็มนาฬิกาบอกเวลาหนึ่งชั่วโมงเท่ากัน
เวลารับใช้กฎของการเกิด แก่ เจ็บ ตายที่พระเจ้าได้กำหนดไว้ เมื่อเวลาแห่งความตายมาถึงใคร คนผู้นั้นต้องจบชีวิตลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่าคนผู้นั้นจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
พระเจ้าจึงอยู่เหนือกาลเวลา ถ้าพระเจ้าจะให้เวลาผ่านชีวิตของใครไปนับหลายร้อยปีโดยที่เขาไม่แก่ พระเจ้าก็สามารถทำได้ แต่สำหรับความตายนั้น พระองค์ได้กำหนดไว้แล้วว่ามนุษย์ทุกคนต้องตาย
ในคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอานมีเรื่องราวของกาลเวลาที่ไหลผ่านเลยเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งไปนับหลายร้อยปีโดยที่เด็กหนุ่มกลุ่มนี้ไม่มีความแก่ตามกาลเวลา
เด็กหนุ่มกลุ่มนี้เป็นสานุศิษย์ของพระเยซูและเข้าไปเผยแผ่เรื่องความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวในอาณาจักรโรมันขณะที่ผู้คนยังเคารพกราบไหว้ดวงดาวและเชื่อในโชคลางไสยศาสตร์ เด็กหนุ่มกลุ่มนี้ถูกกษัตริย์โรมันตัดสินลงโทษประหารชีวิตหากไม่เลิกศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว แต่กษัตริย์ก็ให้เวลาเด็กหนุ่มกลุ่มนี้คิดทบทวนเพื่อตัดสินใจ
ในช่วงเวลาที่ยังไม่ถูกลงโทษนี้เอง เด็กหนุ่มกลุ่มนี้ได้หลบหนีออกจากเมืองไปหลบซ่อนอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ระหว่างที่อยู่ในถ้ำ เด็กหนุ่มทุกคนได้หลับไปเพราะความเหนื่อยล้า เมื่อตื่นขึ้นมา ทุกคนรู้สึกหิว แต่เพราะความกลัวว่าจะถูกจับตัว เด็กหนุ่มกลุ่มนี้จึงให้เพื่อนคนหนึ่งออกจากถ้ำไปซื้ออาหารในเมือง
เมื่อเด็กหนุ่มนำเหรียญกษาปณ์ไปซื้ออาหารในเมือง เจ้าของร้านบอกว่าเหรียญกษาปณ์ของเด็กหนุ่มเป็นเหรียญที่ใช้เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อนและตอนนี้กลายเป็นวัตถุโบราณไปแล้ว แต่หลังจากซักถามความเป็นมาของเด็กหนุ่ม เจ้าของร้านได้ให้อาหารแก่เด็กหนุ่มไปจำนวนหนึ่ง
ในตอนนั้น ชาวคริสเตียนในอาณาจักรโรมันกำลังถกเถียงกันในเรื่องการฟื้นคืนชีพหลังความตาย แต่พอผู้คนรู้เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่หลับไปนานกว่าสองร้อยปี ผู้คนจึงเข้าใจและเกิดความเชื่อมั่นศรัทธา
เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงนี้ชาวคริสเตียนรู้จักกันว่า “ผู้หลับใหลทั้งเจ็ด” (Seven Sleepers) และถ้ำที่เด็กหนุ่มกลุ่มนี้เข้าไปหลบภัยนั้นอยู่ที่ประเทศจอร์แดนในปัจจุบัน
เมื่อพระเจ้าสามารถให้เวลาผ่านผู้หลับใหลทั้งเจ็ดไปได้ พระเจ้าก็สามารถทำให้ใครบางคนเดินทางเร็วกว่าเวลาเหมือนกับที่มนุษย์สามารถสร้างเครื่องบินที่บินเร็วกว่าเสียงได้
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับนบีมุฮัมมัดในช่วงเวลาที่ท่านกำลังอยู่ในสภาวะลำบากที่สุดจากการถูกต่อต้านและโศกเศร้าที่สุดจากการสูญเสียลุงและภรรยาผู้เป็นที่รักที่สุดของท่าน
คืนหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังนอนอยู่ แต่ไม่ได้หลับ ทูตสวรรค์ได้มาหาท่านและนำท่านขึ้นหลังสัตว์พาหนะที่มีขนาดใหญ่กว่าลาและแต่เล็กกว่าล่อ สัตว์พาหนะตัวนี้มีชื่อว่า “บุรอก” ซึ่งแปลว่าฟ้าแลบ
ด้วยพาหนะนี้ ทูตสวรรค์ได้นำนบีมุฮัมมัดเดินทางจากมักก๊ะฮฺไปยังมัสยิดอัลอักซอซึ่งมีระยะทางเกือบสองพันกิโลเมตร ถ้าเดินทางโดยเครื่องบินต้องใช้เวลาสองชั่วโมง ที่มัสยิดอัลอักซอ เวลาในอดีตที่ผ่านมาได้ถูกย่นย่อให้ท่านได้พบกับนบีคนก่อนๆทั้งหมดและได้ละหมาดร่วมกันโดยท่านเป็นผู้นำการละหมาด
หลังจากนั้น ทูตสวรรค์ได้นำท่านขึ้นสู่ชั้นฟ้าต่างๆจนถึงฟ้าชั้นสูงสุดที่มนุษย์ไม่สามารถข้ามผ่านไปได้อีกแล้ว ในวาระโอกาสนั้นเองที่ท่านได้รับคำบัญชาเรื่องการละหมาดจากพระเจ้า
เสร็จจากการรับคำบัญชา นบีมุฮัมมัดได้กลับลงมายังมักก๊ะฮฺภายในคืนเดียวกันนั้นเอง นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่พระเจ้าให้เกิดขึ้นแก่ท่านเพื่อเป็นหลักฐานให้ชาวอาหรับรู้ว่าท่านมาจากพระเจ้า เพราะเมื่อท่านเล่าเรื่องนี้ให้ชาวอาหรับฟัง ชาวอาหรับได้หาว่าท่านโกหก ท่านจึงบอกว่าท่านเห็นกองคาราวานของคนนั้นคนนี้กำลังเดินทางกลับมายังมักก๊ะฮฺ หลังจากนั้นอีกหลายสัปดาห์ เมื่อกองคาราวานเหล่านั้นมาถึงเมืองมักก๊ะฮฺและถูกสอบถาม ชาวอาหรับจึงรู้ว่านบีมุฮัมมัดพูดจริง
การเดินทางอันมหัศจรรย์ของนบีมุฮัมมัดในยามค่ำคืนนี้มีสองส่วน ส่วนแรกจากมักก๊ะฮฺสู่มัสยิดอัลอักซอในเยรูซาเล็มเรียกว่า “อิสรอ” และส่วนที่สองจากมัสยิดอัลอักซอสู่ชั้นฟ้าเรียกว่า “มิอ์รอจญ์”
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น