หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ไสยศาสตร์มีจริง แต่อย่าลุ่มหลง



บรรจง บินกาซัน

บนโลกใบนี้ไม่ได้มีมนุษย์อาศัยอยู่เผ่าพันธุ์เดียว แต่ยังมีเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์มองไม่เห็นอาศัยร่วมอยู่ด้วย นั่นคือสิ่งที่ภาษาอาหรับเรียกว่า “ญิน” ซึ่งคัมภีร์กุรอานกล่าวว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่พระเจ้าสร้างมาจากไฟ มนุษย์จึงมองไม่เห็นมันและเผ่าพันธุ์ญินมีอยู่ก่อนมนุษย์



เผ่าพันธุ์ญินก็เหมือนมนุษย์ กล่าวคือมีทั้งเพศหญิงและเพศชาย มีทั้งดีและชั่ว ญินชั่วเรียกว่าซาตานและหัวหน้าซาตานคืออิบลีสซึ่งได้กล่าวไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้

ญินสามารถใช้อำนาจของมันควบคุมวิญญาณที่อ่อนแอของมนุษย์เพื่อให้ทำตามความต้องการของมัน พฤติกรรมเช่นนี้คนไทยเราเรียกว่าเข้าสิง เราสามารถทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้จากโปรแกรมที่เรียกว่า “ทีมวิวเวอร์” (Team Viewer) ที่อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นทำงานหรือแก้ไขปัญหาในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา

นอกจากนี้แล้ว ซาตานยังมีวิชามารสารพัดที่ทำให้มนุษย์เห็นฤทธิเดชของมันเพื่อทำให้มนุษย์สวามิภักดิ์ต่อมันและมันสามารถใช้สิ่งต่างๆที่อยู่บนโลกทำร้ายมนุษย์ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม อิทธิฤทธิ์ของมันไม่ใช่ปาฏิหาริย์ในทัศนะของอิสลาม เพราะบางครั้ง มนุษย์บางคนมีความสามารถที่จะปราบวิชามารได้ แต่ปาฏิหาริย์คือการแสดงอำนาจเหนือธรรมชาติของพระเจ้า

นอกจากนี้แล้ว พระเจ้ายังให้นบีบางคนของพระองค์มีอำนาจสามารถควบคุมญินได้เช่น นบีสุลัยมานหรือโซโลมอนผู้ใช้ญินสร้างวิหารของท่านที่เมืองเยรูซาเล็ม

คัมภีร์กุรอานบทที่ 2 วรรคที่ 102 ให้ความรู้แก่เราว่าวิชาไสยศาสตร์หรือวิชามารนี้มีมาตั้งแต่สมัยบาบิโลนและกลุ่มคนที่ลุ่มหลงวิชาไสยศาสตร์ก็คือพวกลูกหลานอิสราเอลทั้งๆที่เป็นสิ่งต้องห้าม วัตถุประสงค์หลักของการใช้ไสยศาสตร์ก็เพื่อทำให้สามีภรรยาเกิดความแตกแยก

วิชาไสยศาสตร์ถูกสืบทอดในหมู่ลูกหลานอิสราเอลบางคนมาจนถึงสมัยนบีมุฮัมมัด เมื่อท่านอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮฺ ท่านได้เข้าหาคนกลุ่มนี้เพื่อแสดงตัวว่าท่านเป็นนบีผู้ได้รับคัมภีร์กุรอานจากพระเจ้าที่ยืนยันคัมภีร์ที่มีอยู่กับพวกเขา แต่เนื่องจากผู้รู้ในหมู่ลูกหลานอิสราเอลมีความทะนงว่าชนชาติตัวเองก็มีนบีที่ได้รับคัมภีร์มาก่อน เมื่อนบีมุฮัมมัดเตือนว่าไสยศาสตร์เป็นสิ่งต้องห้าม คนพวกนี้ก็อ้างเท็จว่าวิชาไสยศาสตร์ที่พวกเขาปฏิบัติกันอยู่นี้มาจากนบีสุลัยมาน

เมื่อทำผิดทั้งๆที่รู้ แทนที่จะยอมรับผิด พวกผู้รู้ในหมู่ลูกหลานอิสราเอลกลับอ้างว่าวิชาไสยศาสตร์มีต้นกำเนิดมาจากนบีสุลัยมาน เมื่อมีการใส่ร้ายนบีเช่นนี้ คัมภีร์กุรอานจึงได้เล่าให้คนพวกนี้ฟังว่าสาเหตุที่พวกลูกหลานอิสราเอลตกต่ำก็เพราะบรรพบุรุษของคนพวกนี้ไม่เชื่อฟังพระเจ้าและหันไปลุ่มหลงในไสยศาสตร์ พระเจ้าจึงส่งทูตสวรรค์สององค์มาในร่างของมนุษย์เพื่อสอนวิชาไสยศาสตร์ให้ลูกหลานอิสราเอลได้เห็น และทุกครั้งเมื่อสอนเสร็จแล้วก็กำชับว่าไสยศาสตร์มีจริง แต่อย่าลุ่มหลงมัน เพราะมันจะทำให้คนจำนวนมากหลงผิด ทั้งนี้เพื่อเป็นการทดสอบว่าพวกลูกหลานอิสราเอลจะเชื่อฟังพระเจ้าหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนบีมุฮัมมัดเป็นชาวอาหรับ พวกลูกหลานอิสราเอลจึงไม่เชื่อฟัง

นบีมุฮัมมัดเคยถูกทำร้ายด้วยไสยศาสตร์ในช่วงปลายชีวิตของท่าน ท่านหญิงอาอิชะฮ์ภรรยาของท่านเล่าให้ฟังว่าท่านเคยถูกทำไสยศาสตร์จนท่านเริ่มคิดเอาเองว่าท่านกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ซึ่งท่านไม่ได้ทำ วันหนึ่ง ท่านวิงวอนต่อพระเจ้าเป็นเวลานาน หลังจากนั้น พระเจ้าได้ดลใจให้ท่านเห็นในความฝันว่าผู้ชายสองคนมาหาท่าน คนหนึ่งนั่งตรงศีรษะและอีกคนหนึ่งนั่งตรงปลายเท้าของท่าน ชายสองคนสนทนาในความฝันซึ่งทำให้ท่านนบีมุฮัมมัดรู้ว่าท่านโดนวิชามารเล่นงานโดยการเอาเส้นผมของท่านที่ติดอยู่กับหวีไปพันไว้กับเปลือกเกสรตัวผู้ของอินทผลัมแล้วนำไปทำพิธีกรรมไสยศาสตร์ หลังจากนั้นก็นำไปฝังไว้ในบ่อน้ำแห่งหนึ่ง

เมื่อรู้เช่นนี้ ท่านนบีจึงออกไปยังบ่อน้ำแห่งนั้น ท่านได้เล่าว่าต้นอินทผลัมที่อยู่ใกล้บ่อน้ำแห่งนั้นเหมือนกับหัวของชัยฏอน เมื่อภรรยาของท่านถามว่าท่านเอาสิ่งที่ถูกนำไปใช้ทำไสยศาสตร์ออกมาหรือไม่? ท่านตอบว่า “ไม่ สำหรับฉัน พระเจ้าทรงเยียวยารักษาฉัน แต่ฉันกลัวว่าการกระทำเช่นนี้จะแพร่ความชั่วไปในหมู่ผู้คน” ต่อมา บ่อน้ำนั้นได้ถูกถมด้วยดิน

ไสยศาสตร์มีจริง มันเป็นวิชามารและมารถูกสร้างมาจากไฟ ใครลุ่มหลงมันก็เป็นพวกพ้องของมารและที่พักของมารคือไฟ





ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น