ฮาลาลไม่ใช่แค่อาหาร แต่เป็นวิถีชีวิต
บรรจง บินกาซัน
อิสลามมาถึงภูมิภาคเอเชียอาคเนย์หลังศาสนาอื่นๆ ในขณะที่อิสลามมาถึง ผู้คนตามหมู่เกาะต่างๆโดยเฉพาะในอินโดนีเซียยังคงมีความเชื่อในเรื่องโชคลางไสยศาสตร์และกราบไหว้ภูตผีปีศาจ ผู้คนทั้งชายหญิงแต่งกายโดยใส่ผ้านุ่งและไม่ปกปิดส่วนบน การแต่งกายโดยเปิดอกยังมีให้เห็นในปัจจุบันบนเกาะบาหลีที่ผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู
ก่อนที่นบีมุฮัมมัดนำอิสลามมาเผยแผ่สั่งสอน แม้แผ่นดินอาหรับจะร้อนระอุทุระกันดาร แต่ผู้คนในทะเลทรายทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายทั้งท่อนบนและท่อนล่าง ไม่มีการใช้ผ้าคลุมผมอย่างที่เห็นในปัจจุบัน การใช้ผ้าปกปิดศีรษะจะทำก็ต่อเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัด แต่เมื่ออิสลามมา บทบัญญัติการแต่งกายได้กำหนดให้ผู้หญิงที่ศรัทธาในพระเจ้าแต่งกายปกปิดมิดชิดเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน ยกเว้นมือและใบหน้า ส่วนผ้าคลุมศีรษะต้องดึงลงมาปิดหน้าอกด้วยเพื่อมิให้หน้าอกตกเป็นเป้าสายตาและรบกวนจิตใจเพศตรงข้าม
สำหรับเพศชาย กฎการแต่งกายของอิสลามกำหนดว่าอย่างน้อยที่สุด ร่างกายต้องได้รับการปกปิดตั้งแต่สะดือลงไปจนปิดหัวเข่า และห้ามแต่งกายเลียนแบบเพศตรงข้าม
เมื่ออิสลามมาถึงหมู่เกาะในเอเชียอาคเนย์โดยพ่อค้าชาวอาหรับและเมื่อผู้ปกครองในหมู่เกาะหันมานับถืออิสลาม ผู้คนที่อยู่ใต้การปกครองก็หันมารับนับถืออิสลามและเลิกกราบไหว้ภูตผีปีศาจ ภาษาอาหรับถูกนำมาใช้ในการละหมาดแทนบทสวดมนต์ในภาษาฮินดู ผู้คนเริ่มมีแบบแผนในการกิน การแต่งกายและมีวิถีชีวิตแบบอิสลามมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพ่อค้ามุสลิมมีเวลาจำกัด จึงไม่สามารถตั้งรกรากสร้างโรงเรียนสอนอิสลามตามหมู่เกาะต่างๆอย่างทั่วถึง อิสลามตามหมู่เกาะต่างๆจึงมีประเพณีนิยมท้องถิ่นปะปนอยู่ การแต่งกายของผู้หญิงยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานของอิสลาม จนกระทั่งมุสลิมท้องถิ่นจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปทำฮัจญ์ที่เมืองมักก๊ะฮฺและเรียนรู้เรื่องอิสลามจากที่นั่น จึงได้นำคำสอนกลับมาเผยแผ่ในท้องถิ่นของตัวเอง แต่ถึงกระนั้น ผู้หญิงมุสลิมท้องถิ่นก็ยังไม่ใช้ผ้าคลุมผมในชีวิตประจำวัน เฉพาะในการนมาซเท่านั้นที่ผู้หญิงจะใส่ชุดที่เรียกว่า “ตะละกง” ปกปิดร่างกายทุกส่วน
เมื่อประเทศมุสลิมตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก สังคมมุสลิมได้ถูกวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบตะวันตกครอบงำ ประกอบกับเยาชนมุสลิมรุ่นใหม่ที่ได้รับการศึกษาแบบตะวันตกได้ขึ้นมามีอำนาจและพัฒนานำพาประเทศให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก ผู้หญิงมุสลิมรุ่นใหม่จึงเลิกแต่งกายตามคำสอนของศาสนาหันไปนิยมแต่งกายตามแฟชั่นตะวันตกที่ยิ่งนานวันยิ่งเปิดเผยเรือนร่างมากขึ้นและสังคมเริ่มเสื่อมทรามลง
ในช่วงเวลานี้เองที่นักวิชาการอิสลามเริ่มคิดที่จะนำอิสลามกลับมาเป็นวิถีชีวิตของมุสลิมอีกครั้งหนึ่ง แต่ความพยายามของนักวิชาการเหล่านี้ได้ถูกชาติตะวันตกและแม้แต่ผู้หญิงมุสลิมที่มีหัวนิยมตะวันตกในบางประเทศ เช่น ตุรกี อิหร่านและประเทศอื่นๆคัดค้านว่าเป็นความล้าสมัย
จนกระทั่งขบวนการปฏิวัติอิสลามที่นำโดยอิมาม โคมัยนีแห่งอิหร่านได้รับชัยชนะใน พ.ศ.2521-2522 และสามารถโค่นอำนาจกษัตริย์ชาห์ ปาห์เลวีที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของสหรัฐอเมริกาลงได้ วิถีชีวิตตามคำสอนอิสลามจึงถูกนำกลับมาอีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือผู้หญิงที่แต่งกายแบบตะวันตกได้ถูกกำหนดให้หันมาแต่งกายตามคำสอนของอิสลาม
เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการปฏิวัติในอิหร่านมีผลมาถึงสังคมมุสลิมในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ เพราะหลังจากนั้นไม่กี่ปี ผู้หญิงมุสลิมในภูมิภาคนี้ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการแต่งกายให้เป็นไปตามคำสอนของอิสลามมากขึ้นถึงแม้ว่าเยาวชนหนุ่มสาวมุสลิมในภูมิภาคนี้มิได้เป็นชีอ๊ะฮฺเหมือนในอิหร่านก็ตาม
ในประเทศไทย การแต่งกายปกปิดมิดชิดโดยใช้ผ้าคลุมศีรษะที่เรียกกันติดปากว่าฮิญาบนั้นเกิดขึ้นครั้งแรกในมหาวิทยาลัยรามคำแหงก่อนและส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามุสลิมจากภาคใต้ที่ขึ้นมาเรียนในมหาวิทยาลัยต่างๆ เมื่อการรณรงค์ให้หันกลับมาแต่งกายตามแบบอิสลามแผ่ขยายไป ตอนนี้ การแต่งกายแบบอิสลามก็แพร่ขยายไปทั่วทุกภาคของประเทศไทยที่มีชุมชนมุสลิมอาศัยอยู่
ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |
[ Translate by Google Translate ]
Revival of Islam in Southeast Asia (5)
Halal is not just food but a way of life
Banjong Binkasan
Islam came to Southeast Asia after other religions. when Islam came People of the islands, especially in Indonesia, still believe in superstitions and demon worship. Both men and women dressed in robes and did not cover their tops. Dressing with open breasts is still seen today in Bali where the majority of Hindus are religious.
Before the Prophet Muhammad brought Islam to propagate and teach Even though the Arabian land is hot and dry But people in the desert, both men and women, wear clothing to cover their upper and lower bodies. No hair coverings were used as seen today. Wearing a head covering is only done in the hot sun. But when Islam came The dress code stipulates that women who believe in God should dress completely in front of people. except hands and face The headscarf must also be pulled down to cover the chest in order to prevent the chest from becoming an eye-catcher and disturbing the opposite sex.
For males, the Islamic dress code stipulates that at least The body must be covered from the navel to the knees. and forbidden to imitate the opposite sex
when Islam was brought to the islands in Southeast Asia by Arab traders and when the rulers of the islands converted to Islam. The people under the rule converted to Islam and stopped worshiping demons. Arabic is used in prayers instead of prayers in Hindi. People have started to have a pattern of eating. dress and have a more Islamic lifestyle
However, because Muslim traders have limited time therefore unable to settle and build Islamic schools in the islands thoroughly Islam in the islands has local traditions mixed in. Women's dress does not meet Islamic standards. Until a number of local Muslims went to Makkah to perform Hajj and learned about Islam from there. therefore brought the teachings back to propagate in their own locality but still Local Muslim women also do not use headscarves in their daily lives. Only in the prayers are women wearing a dress called "Ta Lakhong" to cover all parts of their bodies.
When Muslim countries were colonized by Western nations Muslim society has been dominated by Western culture and way of life. Along with that, a new generation of Muslim youths who received Western education came to power and developed to lead the country in a western modernity. The new generation of Muslim women, therefore, gave up dressing according to religious teachings and turned to dress in Western fashions that as the days wore on, their bodies became more revealing and society began to deteriorate.
It was during this time that Islamic scholars began to think about bringing Islam back into the Muslim way of life once again. But the efforts of these scholars have been rejected by Western nations and even Western-minded Muslim women in some countries such as Turkey, Iran and others as being obsolete.
until the Islamic revolutionary movement led by the Imam Khomeini of Iran was victorious in 1978-1979 and able to overthrow the Shah Pahlev fell under the influence of the United States. The way of life according to Islamic teachings is thus brought back again. What is evident is that women dressed in western style are destined to dress according to Islamic teachings.
We cannot deny that the revolution in Iran had an effect on Muslim society in Southeast Asia. because after a few years Muslim women in the region have increasingly changed their dress code to conform to Islamic teachings, although the region's Muslim youth are not Shia like in Iran.
In Thailand, the headscarf dress, popularly known as the hijab, first emerged at Ramkhamhaeng University and was predominantly of Muslim students from the south attending universities. As the campaign to return to Islamic dress spread, Islamic dress has now spread to all regions of Thailand where Muslim communities live.
Source: facebook of Mr.Banjong Binkason Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkasonc
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น