ซะกาตุลฟิฏร์ปิดท้ายเดือนเราะมะฎอน

บรรจง บินกาซัน

เมื่อนบีมุฮัมมัดถูกวางแผนลอบสังหารในขณะปฏิบัติภารกิจเผยแผ่อิสลามในเมืองมักก๊ะฮฺ ท่านได้อพยพไปยังเมืองยัษริบ(หรือมะดีนะฮฺ)เป็นรายล่าสุดหลังจากบรรดาสาวกผู้ศรัทธาของท่านได้แอบทะยอยอพยพกันไปเป็นกลุ่มๆก่อนหน้านี้แล้ว

เมืองยัษริบเปิดโอกาสให้นบีมุฮัมมัดและมุสลิมปฏิบัติศาสนกิจตามความศรัทธาได้อย่างเสรีโดยได้รับการสนับสนุนจากชาวยัษริบจำนวนหนึ่งที่ต้อนรับท่าน ไม่เพียงเท่านั้น ชาวยัษริบกลุ่มนี้ยังให้สัตย์สาบานว่าจะเชื่อฟังท่านในฐานะผู้นำของพวกตน


เนื่องจากการอพยพไปยังยัษริบต้องเป็นไปแบบหลบๆซ่อนๆ ดังนั้น มุสลิมที่อพยพมาจึงไม่สามารถนำทรัพย์สินติดตัวมา คนเหล่านี้ต้องทิ้งบ้าน สวน ปศุสัตว์ ครอบครัวและญาติพี่น้องของตัวเองมาเพื่อแลกกับเสรีภาพในการปฏิบัติศาสนกิจ ดังนั้น คนเหล่านี้จึงอยู่ในฐานะยากจน

นบีมุฮัมมัดเห็นถึงความสำคัญของคนเหล่านี้ที่ยอมสละสิ่งจำเป็นในชีวิต ท่านจึงรีบให้ความช่วยเหลือคนเหล่านี้ก่อนเพื่อให้คนเหล่านี้สามารถลืมตาอ้าปากลุกขึ้นมาช่วยงานของท่านได้

ช่วงแรกๆที่ไปถึงเมืองยัษริบจึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับการตั้งตัวและสร้างความเข้มแข็งให้แก่สาวกของท่าน และนบีมุฮัมมัดต้องรีบทำด้วย เพราะท่านรู้ว่าพวกหัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺที่เคียดแค้นท่านและบรรดาสาวกที่อพยพมาอยู่กับท่านคงไม่ล้มเลิกแผนการกำจัดท่านเป็นแน่

เมื่อไปถึงที่นั่น ท่านได้สานความสัมพันธ์ฉันพี่น้องขึ้นระหว่างชาวยัษริบท้องถิ่นที่ศรัทธาในอิสลามกับชาวมักก๊ะฮฺที่อพยพไปที่นั่น ท่านสั่งให้ชาวยัษริบที่มีอันจะกินรับผู้อพยพไปอุปการะในฐานะพี่น้องของตน และตามธรรมเนียมของชาวอาหรับในเวลานั้น ใครที่ได้รับการอุปการะมาเป็นลูกหรือเป็นพี่น้องมีสิทธิ์ได้รับมรดกของผู้อุปการะเหมือนกับลูกในไส้หรือพี่น้องที่คลานตามกันออกมา

ชาวยัษริบบางคนรับผู้อพยพไปอาศัยที่บ้านของตน บางคนเสนอที่จะหย่าภรรยาคนหนึ่งของตนเพื่อให้ไปแต่งงานกับผู้อพยพ บางคนเสนอที่จะให้ทรัพย์สินก้อนโตเพื่อนำไปตั้งตัว ข้อเสนอหลังสุดนี้ผู้อพยพบางคนเกรงใจไม่รับทรัพย์สินที่เสนอให้ แต่ขอให้บอกว่าตลาดอยู่ที่ไหนเพื่อที่ตัวเองจะได้ไปใช้แรงงานหารายได้ที่นั่น

ในยัษริบนอกจากจะมีชาวอาหรับอาศัยอยู่แล้ว ยังมีชาวยิวสามเผ่าที่อพยพหลบหนีจากเมืองเยรูซาเล็มมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นรวมอยู่ด้วย ชาวยิวที่นั่นมีประเพณีทางศาสนาอย่างหนึ่งคือการถือศีลอดเพื่อรำลึกถึงวันที่โมเสสขึ้นไปรับคัมภีร์โตราห์จากพระเจ้าบนภูเขาซีนาย และการถือศีลอดของชาวยิวนี้ทำให้ชาวอาหรับก่อนหน้าอิสลามปฏิบัติตามเป็นประเพณีในวันที่มีการเปลี่ยนผ้าคลุมก๊ะอฺบ๊ะฮฺ

ด้วยความเคารพในโมเสสและสาวกชาวยิวของท่านที่ยังคงถือศีลอด นบีมุฮัมมัดได้สั่งให้บรรดาสาวกของท่านถือศีลอดตามแบบชาวยิว ในตอนนั้น การถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอนยังไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นหน้าที่ของมุสลิม ส่วนการละหมาดประจำวัน นบีมุฮัมมัดได้สั่งมุสลิมให้หันหน้าไปทางเดียวกับที่ชาวยิวหันไปในเวลาสวดมนต์ นั่นคือเมืองเยรูซาเล็ม

เมื่อนบีมุฮัมมัดนำอิสลามไปเผยแผ่แก่ชาวยิวและท่านถูกปฏิเสธอย่างดูแคลนทั้งๆที่จำนนต่อหลักฐานแล้ว ตรงจุดนี้เองที่พระเจ้าได้สั่งนบีมุฮัมมัดให้หันหน้าไปยังเมืองมักก๊ะฮฺในเวลาละหมาดแทนเมืองเยรูซาเล็มและกำหนดให้มุสลิมถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอนตามแบบที่ถืออยู่ในปัจจุบัน

แม้นบีมุฮัมมัดได้รับการนับถือว่าเป็นผู้นำ แต่ในเวลานั้น ท่านไม่มีรัฐบาลหรือรัฐมนตรีคอยดูแลความเป็นอยู่ของผู้คน สิ่งที่ท่านทำได้คือท่านกระตุ้นให้สาวกของท่านใช้จ่ายในครอบครัวและในหมู่มุสลิมเพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียน และก่อนที่การถือศีลอดครั้งแรกในเดือนเราะมะฎอนจะมาถึง ท่านได้กำชับมุสลิมทุกคนให้ถือศีลอด และก่อนสิ้นสุดเดือนเราะมะฎอน มุสลิมที่มีอาหารเหลือพอกินหนึ่งวันต้องนำข้าวหรือแป้ง 1 เศาะอ์ (ประมาณ 2.5 กิโลกรัม)ไปให้แก่คนยากจนเพื่อเป็นการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าและเพื่อให้คนยากจนได้มีอาหารสำหรับเฉลิมฉลองวันอีดุลฟิฏร์อย่างมีศักดิ์ศรีและมีความสุข ข้าวหรือแป้งที่ให้แก่คนยากจนก่อนสิ้นสุดเดือนเราะมะฎอนนี้เรียกว่า “ซะกาตุลฟิฏร์”

นับแต่นั้นมา การจ่ายซะกาตุลฟิฏร์แก่คนยากจนจึงเป็นภารกิจปิดท้ายที่มุสลิมปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันก่อนที่เดือนเราะฎอนจะสิ้นสุดลง



ที่มา : facebook ของอาจารย์บรรจง บินกาซัน มูลนิธิสันติชน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason



| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |


[ Translate by Google Translate ]

Zagatafut ended the month of Ramadan.

Banjong Binkason


When Prophet Muhammad was planned to assassinate while carrying out the mission to spread Islam in the city of Makkah He had evacuated to Yassib (or Madinah) as the latest, after all of his faithful followers had secretly evacuated into groups before.

Yassarib gave the opportunity for the Prophet Muhammad and Muslims to practice their faith according to faith freely, with the support of a number of Yatrib people who welcomed him. not only This Yat-rab group also vows to obey you as their leader.

Because immigration to Yassib must be hidden, so Muslims who are not able to bring property These people had to leave their home, their own family, their livestock, and their relatives in exchange for freedom of religion. Therefore, these people were in a poor position.

Prophet Muhammad saw the importance of these people who gave up the necessities of life. He therefore hurried to help these people first so that these people could open their eyes and open their mouths to help you.

The first period that reached the city of Yasib was an important time for establishing and strengthening your disciples. And Prophet Muhammad had to hurry too. Because he knew that the chiefs of the Makkah who were resenting him and those who had emigrated with him would not give up his plan

When there He established a sibling relationship between the local Yats who believed in Islam and the Makkah people who had migrated there. He ordered the wealthy Yatribs to receive immigrants to adopt as their brothers. And according to the customs of the Arabs at that time Anyone who has been adopted as a child or a sibling has the right to inherit the patronage, like a child in the gut or sibling that crawls together.

Some Yatsri people get immigrants to live at their home. Some people propose to divorce one of their wives in order to marry an immigrant. Some people propose to give a large amount of property to be built. In the last proposal, some refugees were reluctant to accept the proposed property. But asked to tell where the market is so that he could use the labor to earn money there

In Yassib, in addition to the Arabs already living There were three Jews who had fled from Jerusalem to settle there. The Jews there had a religious tradition: fasting to commemorate the day that Moses went up to receive the Torah from God on Mount Sinai. And this fasting of the Jews made the Arabs before Islam follow the tradition on the day of the change of cloth.

With respect to Moses and his Jewish disciples who continued to fast Prophet Muhammad instructed his disciples to fast as Jewish people. At that time, fasting in Ramadan was not defined as a Muslim duty. Daily prayers The Prophet Muhammad ordered the Muslims to turn to the same way that the Jews had turned in prayer. That is Jerusalem

When Prophet Muhammad led Islam to propagate to the Jews, and he was rejected belittlely despite the evidence At this point, the Lord had ordered Prophet Muhammad to turn to Makkah at the time of prayers instead of Jerusalem and to allow Muslims to fast in Ramadan according to the form currently held.

Although Prophet Muhammad was respected as a leader. But at that time He has no government or minister to look after the well-being of people. What you can do is you encourage your disciples to spend in the family and among the Muslims to make the economy circulate. And before the first fasting in the month of Ramadan will arrive He charged all Muslims to fast. And before the end of the month of Ramadan Muslims who have enough food to eat for one day must bring 1 rice or flour (about 2.5 kilograms) to the poor in order to show respect to God and to allow the poor to have food to celebrate the eulogy. With dignity and happiness Rice or flour given to the poor before the end of this month, Ramadan is called "Zagatphut"

Since then, paying Zakhatafar to the poor is the final mission that Muslims practice to date before the month of Ramadan ends.




Source: facebook of Mr.Banjong Binkason  Santichon Islamic Foundation
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason